บริษัท ฟัลครัม เวนเจอร์ส จำกัด เผยแผนดำเนินธุรกิจปี 2566 รุกพัฒนาโครงการบ้านหรูระดับพรีเมียม และโปรเจคอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 11 โครงการ หลังอั้นจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเริ่มเปิด 6 โครงการก่อน ด้วยเม็ดเงินลงทุน 250 ล้านเหรียญสหรัฐ หลัง "พานารา เทพารักษ์" โครงการบ้านเดี่ยวสไตล์ Modern Luxury ภายใต้แนวคิด Exclusive Space, Privileged Life ได้รับการตอบรับดี สามารถปิดยอดขายเฟส 1 และ 2 และเฟส 3 เหลือเพียง 32% เท่านั้น
คุณสมศักดิ์ ศรีคุรุวาฬ กรรมการบริหาร บริษัท ฟัลครัม เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ร่วมทุนกับ กรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ (Greenfield Advisory Pte Ltd – Singapore) ประเทศสิงคโปร์ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพระดับพรีเมียม และเห็นโอกาสในการลงทุนที่ประเทศไทย จากข้อมูลรายได้ GDP 20 % มาจากการท่องเที่ยว ชี้ว่าคนไทยมีกำลังซื้อ และเป็นประเทศที่ตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดอสังหาฯ ก็มีแนวโน้มเติบโตด้วยแม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว ปัจจุบัน ฟัลครัม เวนเจอร์ส มีโครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ “พานารา” 2 ทำเล ได้แก่ เทพารักษ์ และสุวรรณภูมิ จำนวนรวม 129 ยูนิต แบ่งเป็น 3 เฟส โดยเฟสที่ 1 และ 2 ได้ทำการปิดการขายแล้ว ในขณะที่เฟส 3 เหลือขายเพียง 40 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 32 % มูลค่าลงทุนประมาณ 1,400 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการขายและดำเนินการก่อสร้าง คาดว่าจะปิดการขายภายในปีนี้
“จุดเด่นของโครงการนี้ คือ อยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ ติดถนนหลักบนถนนเทพารักษ์ มีแหล่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล และยังใกล้กับทางด่วนมอเตอร์เวย์ และสนามบินสุวรรณภูมิอีกด้วย โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจ SME เจ้าของกิจการโรงงานในย่านนี้ เรามองว่าตลาดบ้านเดี่ยว ซับไพรม์ไม่ได้ล้นตลาด แต่ปัญหา คือ หาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการยาก และเราคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาฯ จะหันมาพัฒนาอสังหาฯ แนวราบบ้านเดี่ยวกันมากขึ้น”
คุณสมศักดิ์ ยังกล่าวถึงเป้าหมาย คือ ต้องการพัฒนาโครงการให้มีพื้นที่สีเขียวมากขึ้น เล็งเห็นความสำคัญของผู้สูงวัย บวกกับผู้บริโภคนิยมอยู่อาศัยกันเป็นครอบครัวใหญ่มากขึ้น จึงออกแบบบ้านหลังใหญ่เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของแต่ละวัย ให้สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันได้ลงตัวมากขึ้น ซึ่งการออกแบบบ้านของบริษัทก็เปลี่ยนแปลงไปตามเทรนด์และสไตล์การอยู่อาศัยของแต่ละช่วงเวลา พร้อมเพิ่มพื้นที่สีเขียวมากขึ้นสำหรับครอบครัวที่ต้องการใช้เวลาพักผ่อน นำสัตว์เลี้ยงออกมาเดินเล่นผ่อนคลายในยามว่าง นอกจากนี้ ยังมีคลับเฮ้าส์ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบรอบเทียบเท่ากับโครงการบ้านระดับราคา 40-50 ล้านบาทกันเลยทีเดียว
“เราเป็นดีเวลลอปเปอร์รายใหม่ที่เพิ่งเข้ามาลงทุนพัฒนาธุรกิจอสังหาฯ ในประเทศไทย จึงอยากพัฒนาที่อยู่อาศัยให้สมบูรณ์แบบเทียบเท่ากับบ้านราคาระดับ 40-50 ล้านบาท เพื่อการอยู่อาศัยที่ลงตัวและให้ลูกบ้านมีความสุข ได้รับความสะดวกสบายและสร้างความประทับใจได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด นอกจากโครงการในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล อย่างกรุงเทพกรีฑา และ ราชพฤกษ์ แล้ว ฟัลครัม เวนเจอร์ส ยังมีแผนพัฒนาโครงการในทำเลต่างจังหวัดอีกด้วย”
ในส่วนของทิศทางการลงทุนนับจากนี้ มร. ดีภัค มิชรา ผู้ก่อตั้ง บริษัท กรีนฟิลด์ แอดไวซอรี่ จำกัด (Greenfield Advisory Pte Ltd Sim) กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อีก 11 โครงการ ทั้งในตลาดต่างประเทศและในประเทศไทย เพื่อให้ ฟัลครัม เวนเจอร์ส เป็นบริษัทที่สามารถเติบโตไปได้ถึง 500 % ดังนั้น 11 โครงการดังกล่าว ในปี 2566 จะเข้าไปพัฒนาลงทุนอยู่ที่ 5 - 6 โครงการ คิดเป็นมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ได้แก่ 1.โครงการวิลล่า ในประเทศอินเดีย 2.โรงแรมแห่งใหม่ อยู่ติดกับ ทัชมาฮาล ประเทศอินเดีย ที่จะเริ่มก่อสร้างขึ้นในเดือนมีนาคมนี้ 3.โรงแรม จำนวน 2 แห่ง บนทำเลบางนา 4.คอนโดมิเนียม บนเกาะสมุย 5.โครงการ Serviced Residence บริเวณ ป่าตอง ภูเก็ต และ 6.โครงการ พานารา ที่เป็น Mix Use ภายใต้แบรนด์ ANONA โดยทิศทางการลงทุนจะอยู่ที่ 700 % ต่อปี
โครงการ ANONA เป็นโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียมบนทำเลบางบ่อ สมุทรปราการ บนเนื้อที่ 110 ไร่ ประกอบด้วย 5 โครงการ ได้แก่ ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม จำนวน 900 ยูนิต คอมมูนิตี้มอลล์ 2 แห่ง โรงแรม ร้านอาหาร มูลค่าการลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2566 นี้
“ทุกวันนี้เรายังตั้งใจดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ ยังคงมุ่งมั่นที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ออกมาให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคให้มากที่สุด โดยเฉพาะขณะนี้ถือว่าเราเติบโตแบบก้าวกระโดด เราพยายามตามให้ทันกระแสและเทรนด์หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 สำหรับโปรเจคหลายโครงการที่เราตั้งใจทำทั้งในกรุงเทพฯ และจะขยายต่อไปในอีกหลายๆ เมือง อยู่ในช่วงกำลังตกลงกันอยู่ อีกหนึ่งตลาดที่เราความสนใจคือ อังกฤษ โดยกำลังมองในเรื่องทำเล และรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ นอกจากนี้ ตลาดที่น่าสนใจคือกลุ่มลูกค้าวัยเกษียณที่ตัดสินใจมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่ประเทศไทย”
p