xs
xsm
sm
md
lg

ยุค “ตำรวจไซด์ไลน์” ? จากตู้ห่าว-มาเฟียเว็บพนัน ถึงจ๊อบขับรถนำ-รีดไถดาราไต้หวัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สนธิ” ชำแหละปัญหาหมักหมมตำรวจไทย ชี้จ๊อบรับส่งนักท่องเที่ยวจีน-รีดไถดาราสาวไต้หวัน เป็นแค่เครื่องเคียง ไม่ใช่จานหลัก ยังมีธุรกิจผิดกฎหมายอื่นๆ ที่เป็นแหล่งรายได้ “ไซด์ไลน์” ของตำรวจ เป็นปัญหาสะสมมาตั้งแต่ยุค “สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” เป็น ผบ.ตร.แล้วมาฝีแตกในยุคนี้

ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” วันศุกร์ที่ 27 มกราคม 2566 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ชำแหละถึงปัญหาในวงการตำรวจที่สะสมมานานจนกระทั่งปะทุออกมาในช่วงนี้ โดยได้กล่าวถึงเรื่องอื้อฉาวกรณีเมื่อวันศุกร์ที่ 20 มกราคม 2566 บล็อกเกอร์สาวชาวจีน ซึ่งชื่อบัญชีว่า choudan0302 (โช่วตั้น 0302) โพสต์คลิปวีดิโอลงใน โต่วอิน หรือ ติ๊กต๊อก (TikTok) ของจีน ระบุว่าสามารถเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยได้อย่าง VVIP เพียงแค่หว่านเงิน


โดยเธอเล่าว่า ก่อนเดินทางมาเที่ยวพัทยา ที่ประเทศไทย ได้ทำการติดต่อจองรถรับส่ง แล้วคนติดต่อด้วยนั้นสอบถามเธอว่า“ต้องการให้รถตำรวจนำขบวนให้หรือไม่? โดยจะมารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไปส่งถึงพัทยาแบบ VVIP ซึ่งจะมีคนแต่งกายคล้ายตำรวจ และมอเตอร์ไซค์นำขบวนด้วย”

พร้อมทั้งระบุรายละเอียดด้วยว่า หากต้องการรถเก๋งนำขบวนราคาอยู่ที่ 7,000 บาท แต่หากต้องการรถจักรยานยนต์ตำรวจนำขบวนราคาอยู่ที่ 6,000 บาท โดยจะมีคนไปรับถึงประตู (GATE) ในสนามบิน แถมยังลัดคิวใน “ด่านตรวจคนเข้าเมือง” ให้ได้ด้วย


เมื่อได้ทราบดังนั้น เธอจึงตอบตกลง โดยเมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ได้ถ่ายคลิปวีดิโอตั้งแต่ลงเครื่อง มีเจ้าหน้าที่มาถือป้ายยืนรอรับ และยังเปิดช่องทางด่วนตรวจคนเข้าเมืองแบบไม่ต้องต่อคิว จากนั้นยื่นเอกสาร 5 นาที ก็สามารถเดินออกมาได้ทันที มีคนเอากระเป๋ามาให้ และเมื่อออกมาถึงด้านนอกสนามบิน พบว่า มีรถยนต์จอดรออยู่และ มีรถจักรยานยนต์ตำรวจ จอดรออยู่ด้วยจริง ๆ


เมื่อรถออก รถตำรวจนำขบวนก็เปิดไซเรนวิ่งบนถนนไปด้วย จึงทำให้เธอไปถึงพัทยาด้วยเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น จากปกติที่น่าจะต้องใช้เวลาเดินทางราว 2-3 ชั่วโมง


พอเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นโด่งดังในโลกโซเชียล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่อมนั่งไม่ติดพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้สั่งการด่วนให้จเรตำรวจตรวจสอบ พบว่า บุคคลที่ปรากฏในคลิปเป็นตำรวจจริง 3 นาย ประกอบด้วย ตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย และ ตำรวจ บก.จร. 2 นาย คือ

ร.ต.อ. สมพล ภิญโญสโมสร ตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการ 3 (รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ) สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 ซึ่งตอนนี้ถูกตั้งคณะกรรมการสอบ

ส่วน ตำรวจ บก.จร. 2 นาย คือส.ต.อ.ธนกร นุกูลธนกิจ และส.ต.อ.ธนวัฒน์ สิมะขจรบุญ ตอนนี้ถูกเด้งเข้ากรุมาปฏิบัติหน้าที่ ศปก.บก.จร. และสั่งตรวจสอบข้อเท็จจริง ผกก. , รอง ผกก. และ สว.ที่ควบคุมกำกับตำรวจ 2 รายนี้



นายสนธิกล่าวว่า ธุรกิจรถนำขบวนจากสนามบินในไทยมีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี มีทั้งการอำนวยความสะดวกแบบทั่วไป คือเจ้าหน้าที่จะไปรับตั้งแต่ประตูทางลงเครื่องบินและผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง และแบบวีไอพี (VIP) คือพอผ่านกระบวนการ ตม. ก็จะมีรถนำขบวนไปส่งยังที่พัก ซึ่งวิธีการเหล่านี้ ส่วนใหญ่บริษัททัวร์ในประเทศไทยจะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับงาน เพื่อขอให้อำนวยความสะดวกลูกค้าและมีผลตอบแทนให้

หากเข้าไปดูในเว็บไซต์ อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Taobao (เถาเป่า) จะพบร้านที่ขายแพกเกจบริการพาผ่านด่าน ตม.ไทยที่สนามบินแบบรวดเร็วไม่ต้องต่อคิว ไม่ต้องกรอกแบบฟอร์ม ไม่ต้องแสดงยอดเงินในบัญชี เต็มไปหมด สนนราคามีตั้งแต่ 300 หยวน - 1,000 กว่าหยวน(หรือราว 1,200 - 7,000 บาท)จ่ายเพิ่มตามแต่บริการเสริมที่เพิ่มเข้ามา


การถูกเปิดโปงออกมาเช่นนี้นั้นก็เหมือนเป็นใบเสร็จที่ตอกย้ำว่า สิ่งที่เขาแฉก่อนกว่า“มาเฟียจีนเทา” อย่างตู้ห่าวหรือนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กับภรรยาชาวไทยที่เป็นตำรวจหญิง นั้นมีอิทธิพลยิ่งใหญ่คับฟ้า สามารถจูงมือนักพนัน-นักเที่ยวกระเป๋าหนักชาวจีน ที่ต้องการมารื่นเริง ปาร์ตี้ยาเสพติดในประเทศไทย ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เข้าประเทศ และอุ้มไปส่งถึงโรงแรม และสถานบันเทิงได้แบบสะดวกโยธินไม่ว่าจะเป็น ผับจินหลิง, ท็อปวันคลับ ฯลฯ แม้แต่ในช่วงวิกฤตโควิดระบาดนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอนที่สุด


อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่ตำรวจไทยจะรับ“งานไซด์ไลน์” ด้วยการรับใช้ประชาชนไม่เฉพาะประชาชนชาวไทย แต่ยังรับใช้ชาวต่างประเทศไปด้วย ด้วยการให้บริการขับรถนำไปส่งถึงสถานที่ต่าง ๆ เพียงแค่เงินถึงก็พอ ซึ่งก็ยังดีกว่าตำรวจที่หลับตาข้างหนึ่งรับเงินจากเว็บพนัน

หากพูดถึง “งานไซด์ไลน์” ของตำรวจ ต้องย้อนไปเมื่อปี 2561 ที่พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังเคยกล่าวไว้ว่า

“...ตลอดชีวิตรับราชการของผม เกือบจะเรียกได้ว่าอาชีพตำรวจนี่ถือว่าเป็นไซด์ไลน์ อาชีพหลักๆ ผมคือทำธุรกิจ ซึ่งคนในแวดวงธุรกิจรู้เรื่องดี โดยเฉพาะเรื่องหุ้น ผมนิยมมาก ผมมีรายได้ ผลกำไรจากการเล่นหุ้น และก็เสียหายเพราะการเล่นหุ้นเช่นกัน ...”

ตามที่ให้สัมภาษณ์ในรายการ "เจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์" ทางช่องทีวี สปริง นิวส์ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 กรณีพัวพันกับเสี่ย "กำพล วิระเทพสุภรณ์" เจ้าของสถานบริการอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ที่ถูกดำเนินคดีค้ามนุษย์


นายสนธิ กล่าวอีกว่า เรื่องตำรวจรับงานนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน คราวนี้ อุปมาเป็นเพียงแค่“เครื่องเคียง” ไม่ใช่“อาหารจานหลัก” โดยอาจถือว่าเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งของความเน่าเฟะของวงการตำรวจเท่านั้น

“เชื่อขนมกินได้เลยว่าเมื่อสรุปสุดท้ายแล้ว เรื่องตำรวจรับงานนำขบวนพานักท่องเที่ยวไปที่พัก คนโดนย้าย หรือถูกลงโทษก็จะมีแค่เจ้าหน้าที่ระดับล่าง ระดับชั้นประทวนเท่านั้น แต่เชื่อเถอะว่าเจ้าหน้าที่ระดับล่างมันไม่กล้าเ-ี้ยหรอก ถ้าตัวใหญ่ไม่เ-ี้ยก่อน”

ดาราสาวไต้หวัน โดนไถเงิน 27,000 บาท

เมื่อวันพุธที่ 25 มกราคม 2566 เฟซบุ๊กแฟนเพจ “หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว” ซึ่งนำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยว สังคม วัฒนธรรมในไต้หวัน ได้โพสต์เล่าข่าวที่เกิดขึ้นกับ “ดาราสาวไต้หวัน” รายหนึ่ง ที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศไทย โดยอ้างว่าถูกตำรวจไทยขอค้นตัว และรีดไถเงินกว่า 2 หมื่นบาท ซึ่งเธอได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลายแห่ง


โดยเฟซบุ๊กหนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว ได้โพสต์ว่า“ดาราชาวไต้หวันเที่ยวไทย อ้างว่า ถูกตำรวจไทยขอค้นตัว ค้นกระเป๋า รีดไถเงินกว่า 20,000 บาท จนยอมปล่อยตัว

“พอดีมีลูกเพจส่งข่าวมาให้ ขอให้ช่วยแปลข่าวนี้ พอไปเช็กหลายเว็บข่าวในไต้หวัน คือ หลายสื่อได้ลงจริงค่ะ

ทั้งนี้ ดารานักแสดงชาวไต้หวันคนดังกล่าวชื่อว่าอัน หยูชิง (安于晴) หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Charlene An ซึ่งเธอได้โพสต์ลงอินสตราแกรมจนกลายเป็นข่าวดังในไต้หวัน เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา

เธอได้โพสต์เล่าว่า“เมื่อช่วงวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนกลับไต้หวัน 1 วัน ขณะที่นั่งรถแท็กซี่กับเพื่อนๆ กลับโรงแรม ช่วงราวตี 1 กว่าๆ กลับถูกตำรวจที่ตั้งด่านเรียกให้รถหยุดและขอค้นตัวค้นกระเป๋า เธอยื่นหนังสือเดินทางให้ดู เเละบอกว่าได้ขอวีซ่า VOA เข้ามา (Visa on Arrival คือวีซ่าที่ขอที่สนามบินเมื่อมาถึงเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศอย่างถูกต้อง)

“แต่แล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจค้นเธอกลับบอกว่า ไม่ยอมรับวีซ่า VOA ต้องใช้เป็นวีซ่าจริงๆ ที่มีตราและพิมพ์เท่านั้น คือยังไงก็จะพยายามหาข้อหายัดใส่เธอให้ได้

“คนในกลุ่มเธอได้มีการอัดคลิปเพื่อเป็นหลักฐาน และเพื่อป้องกันตัว แต่ถูกเจ้าหน้าที่บอกให้ลบคลิป ยื้อไปมาเจรจาตกลงกัน เธอแทบอ้อนวอนให้ปล่อยเธอไป เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิด

“เธออ้อนวอนเจรจาอยู่นาน แทบจะกราบ เธอบอกพยายามพูดภาษาไทยนิดๆ พูดว่าขอโทษ ขอร้อง แต่ไม่เป็นผล สุดท้ายยื้ออยู่ราว 2 ชั่วโมง และได้พาเธอไปที่ลับตาคน แล้วบอกว่า “ทั้งหมดในรถต้องจ่ายมา 27,000 บาท ถึงจะยอมปล่อย!!”

พอเธอยอมจ่าย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเรียกเเท็กซี่ให้พวกเธอกลับโรงแรม เธอยังเล่าต่อว่า ข้างหลังเธอยังมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวเกาหลี เป็นผู้หญิง 5 คน อาจจะโดนอย่างเธอ


เธอยังกล่าวต่อว่า“ไม่คิดเลยว่า ไปเที่ยวปีใหม่ที่ไทยหวังเจอประสบการณ์ดีๆ แต่กลับกลายเป็นประสบการณ์ที่เลวร้ายและน่ากลัวที่สุดในชีวิต และฉันจะไม่ไปเหยียบเมืองไทยอีก ฉันอยากเตือนคนไต้หวันว่า จะไปไทยให้ระวัง อย่าพกเงินสดติดตัวในกระเป๋าเยอะ เพราะโดนสุ่มค้นตัวมา หาเรื่องยัดข้อหา พวกนั้นจับดูกระเป๋าก่อน ให้ระวังดีๆ หรือเพราะพวกเขาขาดรายได้จากการท่องเที่ยวมานานช่วงโควิด พอเปิดประเทศทีกลายเป็นมีแต่ปัญหาแบบนี้”

“ปัญหาตำรวจไทย” ฝีแตกซ้ำซาก

นายสนธิ กล่าวอีกว่า เมื่อย้อนกลับไปดูในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เกิดเรื่องอื้อฉาวในวงการตำรวจแบบรัว ๆ ไม่เว้นแต่ละวันตั้งแต่กรณีผับจินหลิง ตู้ห่าว ทุนจีนสีเทา ที่ตนกับนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาเป็นตัวตั้งตัวตี ตามติดมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคม ต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 จนถึงปัจจุบัน

กรณี ศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง“หลงจู๊สมชาย” นายสมชาย จุติกิติ์เดชา เจ้าของบ่อนระยอง และบ่อนในภาคตะวันออก กับลูกน้องรวม 4 คน ในคดีฐานร่วมกันจัดในมีการลักลอบตั้งบ่อนพนัน-ฟอกเงิน โดยคดีเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 เป็นข่าวใหญ่โต ดังทั่วบ้านทั่วเมือง แต่เนื่องจากตำรวจทำสำนวนอ่อน พยาน-หลักฐานไม่เพียงพอ เมื่อถึงปลายปีที่แล้ววันที่ 23 ธันวาคม 2565 ศาลจึงต้องพิพากษายกฟ้อง


เรื่อยมาถึงกรณี “ทุนไทยสีเทา” บ่อนออนไลน์ เว็บพนันออนไลน์ ที่นายทุนออกมาเชิดหน้าชูตา อวดรวย ใช้ชีวิตหรูหราไฮโซ โพสต์รถหรู นาฬิกาหรู บ้านหรูลงใน เฟซบุ๊ก ยูทูป อินสตาแกรม โชว์ชาวบ้านอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย หรือไม่มีหิริโอตัปปะเลยว่า เงินและความร่ำรวยของตนเอง และพรรคพวก นั้นมาจากคราบน้ำตา และความทุกข์ยากของชาวบ้านและประชาชน

ต่อเนื่องจนถึงกรณีเปิดโปง กรณี นายทุนลอตเตอรี่ออนไลน์ โดยเฉพาะ “นายนอท พันธ์ธวัช” เจ้าของกองสลากพลัส ที่หน้าฉากดูแล้วเหมือทำธุรกิจธรรมดา แต่แท้จริงแล้วเบื้องหลังคือธุรกิจฟอกเงินให้กับอาชญากรและธุรกิจผิดกฎหมายต่าง ๆ นี่ก็โฆษณาตัวเอง เกลื่อนเมืองไปหมด

ทั้ง4 ประเด็นข้างต้นนั้น แท้จริงแล้ว มีความเกี่ยวข้องเกี่ยวโยงกันอย่างลึกซึ้ง เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เป็นมาเฟียใหญ่ตัวจริงก็คือ เจ้าหน้าที่รัฐ นักการเมือง รวมไปถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับบิ๊ก ๆ ทั้งหลาย โดยเฉพาะใน“กองบัญชาการไซเบอร์”หรือ“กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)”ที่ทำมาหากินกับ“ธุรกิจเว็บพนันออนไลน์”อย่างโจ๋งครึ่ม และกลายเป็นผลประโยชน์อันหอมหวาน จนมิอาจปล่อยให้หลุดมือไปได้


นายสนธิ ย้ำว่า ปัญหาดังกล่าวหมกหมมมาตั้งแต่ยุค พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เป็น ผบ.ตร. แต่ฝีมาแตกชช่วง “ผบ.เด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มาตวาดใส่ ทั้งที่เพิ่งเข้ามา

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข
“ท่านนายกฯ ครับ ท่านเป็นประธาน ก.ตร. ได้ข่าวว่าเมื่อเร็วๆ นี้ท่านอาละวาดใส่ ผบ.เด่น ไม่ใช่หรือ ตำหนิอย่างแรงต่อหน้าคนว่า "เฮ้ย เป็นอะไรของมึงวะ มีแต่เรื่องทุกวันเลย" ท่านนายกฯ ครับ เรื่องที่เกิดขึ้นในยุค ผบ.เด่น ผบ.เด่นเพิ่งเข้ามาไม่กี่เดือนนี้เอง มันสั่งสมมาตั้งแต่สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แล้ว และผมก็รู้ดีว่าทุกวันนี้ท่านก็แอบใช้สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในการปราบพนันออนไลน์ ท่านนายกฯ ครับ ท่านฝันเฟื่องไปแล้วว่าคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข จะปราบพนันออนไลน์ได้ ตอนที่มีอำนาจอยู่ก็ไม่ได้ปราบ วันนี้ไม่ได้เป็นแล้ว จะไปปราบที่ไหน” นายสนธิกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น