xs
xsm
sm
md
lg

“หมอยง” ตอบ 9 คำถามโควิดที่พบบ่อย เฝ้าระวังนักท่องเที่ยวทำติดเชื้อระลอกใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หมอยง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ออกมาโพสต์ข้อความตอบคำถามเกี่ยวกับโรคโควิด-19 ยังห่วง นักท่องเที่ยวทำให้เกิดการติดเชื้อระลอกใหม่

วันนี้ (15 ม.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาโพสต์ข้อความตอบคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโรคโควิด-19 โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า

“โควิด-19 คำถามที่ถามบ่อย จะขอตอบดังนี้

1. สถานการณ์เป็นอย่างไร?

สถานการณ์โควิด-19 อยู่ในขาลง และจะลงไปเรื่อยๆ จนถึงเดือนพฤษภาคม เมื่อเข้าฤดูฝนก็จะพบมากขึ้นอีกเป็นระลอกขึ้นมา ทั้งนี้เพราะประชากรไทยติดเชื้อไปมากแล้ว มากกว่าร้อยละ 70 และโรคเข้าสู่ฤดูกาล

2. นักท่องเที่ยวต่างชาติน่ากลัวไหม?

นักท่องเที่ยวต่างชาติจะนำเชื้อสายพันธุ์ใหม่เข้ามา โดยเฉพาะสายพันธุ์ที่ดื้อต่อวัคซีน และทำให้เกิดการติดเชื้อระลอกใหม่ขึ้นได้ สายพันธุ์ที่ต้องเฝ้าระวังอย่างยิ่งขณะนี้คือ XBB.1.5 ที่ระบาดมากในอเมริกา และแนวโน้มในยุโรปก่อนที่จะกระจายไปทั่วโลก และเราต้องระวังสายพันธุ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้นด้วย

3. การเฝ้าระวังการระบาดจากการท่องเที่ยวทำได้อย่างไร?

ในทางปฏิบัติ ถ้านักท่องเที่ยวใส่หน้ากากอนามัยก็จะลดการแพร่กระจาย โดยเฉพาะผู้ที่ป่วย แต่คงจะยากที่จะไปบังคับนักท่องเที่ยว การเฝ้าระวังของเรา และป้องกันตัวเราจึงเป็นเรื่องสำคัญ เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสายพันธุ์จากนักท่องเที่ยวที่มาป่วยที่บ้านเรา หรือมีการสุ่มตรวจด้วยความสมัครใจ รวมทั้งเฝ้าระวังตรวจสายพันธุ์ในผู้ป่วยคนไทยด้วย เพื่อเป็นสัญญาณเตือน

4. ประชากรไทยติดเชื้อไปแล้วเท่าไหร่?

จากการศึกษาที่ศูนย์ด้วยการตรวจเลือด 2 โครงการ พบว่าในภาพรวมติดเชื้อไปแล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 โดยในเด็กตั้งแต่อนุบาลขึ้นไปติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 80 ผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่า 60 ปีติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 70 ผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีติดเชื้อไปแล้วประมาณร้อยละ 50 แต่เมื่อตรวจภูมิต้านทานของทุกกลุ่มอายุ พบว่ามากกว่าร้อยละ 96 ตรวจพบภูมิต้านทานแล้ว เกิดจากการฉีดวัคซีนและหรือการติดเชื้อ ภูมิต้านทานที่ตรวจพบเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้โรคลดความรุนแรงลงเมื่อเปรียบเทียบกับยุคก่อนมีวัคซีน

5. ประชากรไทยยังจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหรือไม่?

ในกลุ่มเสี่ยงสูง มีความจำเป็นที่จะต้องฉีดวัคซีนเป็นระยะ โดยเฉพาะที่ฉีด หรือติดเชื้อ นานมาแล้วเกิน 4-6 เดือน ในคนที่ปกติแข็งแรงดี รวมทั้งเด็ก ถ้าเคยฉีดวัคซีนครบ 3 เข็มมาแล้ว หรือร่วมกับการติดเชื้อ จะรอไว้ก่อนก็ได้ โดยเฉพาะระยะนี้อยู่ขาลง ถ้าโรคอยู่ในขาขึ้นหรือมีระลอกใหม่ก็ควรจะต้องรีบฉีดวัคซีนกระตุ้น

6. วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน?

ขณะนี้มีข้อมูลค่อนข้างชัดเจนขึ้นมาก ว่าวัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ไม่ได้ดีไปกว่าวัคซีนเดิมเท่าไหร่ (The New England Journal of Medicine, January 12, 2023) วัคซีนจะยังไปกระตุ้นสายพันธุ์ ดั้งเดิม ระดับภูมิต้านทานเมื่อเปรียบเทียบกับวัคซีน mRNA ชนิดเดิมในเข็มกระตุ้น กับ 2 สายพันธุ์ จึงไม่ได้แตกต่างกันมาก การศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนเข็มกระตุ้น 2 สายพันธุ์ เป็นการศึกษาเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดกระตุ้น (ในอเมริกาตอนนี้ไม่มีวัคซีน mRNA ชนิดสายพันธุ์เดียวแล้ว) พบว่าการฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีน 2 สายพันธุ์กระตุ้น ทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 30-40+% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น (MMWR) ประสิทธิภาพจะลดลงตามระยะเวลา ดังนั้นในกลุ่มเสี่ยง เราจะไม่รอวัคซีน 2 สายพันธุ์ ถ้าถึงเวลาที่ต้องกระตุ้นสามารถกระตุ้นได้เลย

7. หน้ากากอนามัยยังจำเป็นไหม?

ยังจำเป็นเมื่อเข้าไปอยู่ในที่ปกปิด เช่นในรถไฟฟ้า รถบัส รถเมล์ หรือที่คนหมู่มาก การอยู่กลางแจ้งจะจำเป็นสำหรับผู้ที่ป่วยมีโรคทางเดินหายใจควรจะใส่ตลอดเวลา เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ

8. หน้ากากอนามัยสำหรับเด็กอนุบาล และประถมยังจำเป็นไหม?

การดูแลหน้ากากอนามัยของเด็กเล็ก ทำได้ยาก เด็กมักจะใช้มือจับต้องอยู่ตลอด ดังนั้นในเด็กอนุบาลหรือเด็กประถม อาจไม่จำเป็น ควรไปเน้นการป้องกันเรื่องการล้างมือ สุขอนามัย สถานที่เรียนให้สะอาด โดยการหมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นนิจ เด็กจำเป็นที่จะต้องมีการเรียนรู้ โดยเฉพาะทางอารมณ์ สีหน้าท่าทาง นอกจากการเรียนรู้ภาษาด้วยการได้ยินอย่างเดียว และเด็กไทยในวัยที่ไปเรียน แล้วติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 80 มีภูมิต้านทานเกิดขึ้นจากการติดเชื้อและฉีดวัคซีนแล้ว

9. ลองโควิด และ MISC พบได้บ่อยไหม?

ลองโควิด เป็นอาการที่เกิดขึ้น และหลงเหลืออยู่หลังเป็นโควิด ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้สึก เช่น เหนื่อยหายใจลำบาก หัวมึนตื้อ นอนไม่หลับ รับประทานอาหารไม่อร่อย พบได้บ่อยในปีแรกๆ ของการระบาดที่โรคมีความรุนแรง และลดลงในปีที่ผ่านมาในยุคของโอมิครอน ในประชากรไทยที่ติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 70 ถ้าไปถามดู ผมเชื่อว่าน้อยมาก ลองถามเพื่อนๆที่เป็นแล้วดู รวมทั้งเด็กด้วย ติดเชื้อไปแล้ว 70% ถ้าพบเยอะการดูแลทางการแพทย์คงยุ่งไปแล้ว ส่วน MISC เป็นปฏิกิริยาของภูมิต้านทานเชิงระบบ พบในระยะที่มีการติดเชื้อ เด็กไทยติดเชื้อไปแล้วถึงร้อยละ 80 จำนวนตัวเลขที่พบ MISC เราก็อยากรู้ตัวเลขที่แน่นอนเหมือนกัน เพื่อจะได้รู้ว่าอัตราการป่วยเป็นเท่าไหร่ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับผู้ป่วยทั้งหมดที่ติดเชื้อไปแล้ว ในเด็กหลายล้านคน”
กำลังโหลดความคิดเห็น