เผยตำนานจับเสือใส่ถังพลังสูง เอสโซ่ ประเทศไทย จากขายน้ำมันก๊าดที่ตรอกกัปตันบุช ซื้อคลังน้ำมันช่องนนทรี ตั้งโรงกลั่นน้ำมันศรีราชา สู่ปั๊มน้ำมันด้วยสโลแกนติดหู "จับเสือใส่ถังพลังสูง" ยาวนาน 129 ปี ล่าสุดบางจากประกาศเทกโอเวอร์กิจการด้วยมูลค่า 5.5 หมื่นล้าน
วันนี้ (12 ม.ค.) จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เห็นชอบการเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เจ้าของสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ 780 แห่งทั่วประเทศ เครือข่ายคลังน้ำมัน 10 แห่งทั่วประเทศ ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและอะโรเมติกส์ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นภายใต้แบรนด์เอสโซ่และโมบิล จากเอ็กซอนโมบิล เอเชีย โฮลดิง พีทีอี ลิมิเต็ด (ExxonMobil Asia Holdings Pte. Ltd.) สัดส่วน 65.99% ด้วยมูลค่ากิจการ 55,500 ล้านบาท และเตรียมทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์แก่ผู้ถือหุ้นทั่วไป หรือเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ (Tender Offer) เพื่อซื้อหุ้นเอสโซ่ทั้งหมดต่อไป
ข้อมูลในเว็บไซต์ esso.co.th ได้เปิดเผยประวัติบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลในประเทศไทย มีดังต่อไปนี้
พ.ศ. 2437 บริษัท แสตนดาร์ดออยล์แห่งนิวยอร์ก เปิดสาขาในประเทศไทยที่ตรอกกัปตันบุช (ซอยเจริญกรุง 30) จำหน่ายน้ำมันก๊าดตราไก่ และตรานกอินทรี
พ.ศ. 2474 บริษัท แสตนดาร์ดออยล์แห่งนิวยอร์ก และบริษัท แว๊คคั่มออยล์ ร่วมกันจัดตั้ง บริษัท โซโกนีแว๊คคั่ม คอร์ปอเรชั่น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตรา “การ์กอยส์”
พ.ศ. 2476 ร่วมทุนกับบริษัทแสตนดาร์ดออยส์ (นิวเจอร์ซีย์) และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท สแตนดาร์ดแว๊คคั่มออยล์ จำกัด ใช้เครื่องหมายการค้า “ม้าบิน”
พ.ศ. 2490 รับชื้อกิจการคลังน้ำมันช่องนนทรีจากกรมเชื้อเพลิงมาดำเนินการ
พ.ศ. 2505 เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด อีสเทอร์น จำกัด ในวันที่ 1 เมษายน 2505 และเปลี่ยนแปลงเครื่องหมายการค้าจาก “ตราม้าบิน” มาเป็น “ตราเอสโซ่” ในวงรีรูปไข่
พ.ศ. 2508 เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด ประเทศไทย จำกัด
พ.ศ. 2510 ซื้อโรงงานจาก บริษัท ยางมะตอยไทย เพื่อจัดตั้ง โรงกลั่นน้ำมัน เอสโซ่ ศรีราชา
พ.ศ. 2514 ขยายโรงกลั่นครั้งแรก เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 35,000 บาร์เรลต่อวัน
พ.ศ. 2515 ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังเลขที่ 1016 ถนนพระราม 4 ตรงข้ามสวนลุมพินี (ปัจจุบันคือ อาคารศรีเฟื่องฟุ้ง)
พ.ศ. 2519 ขยายโรงกลั่น ครั้งที่ 2 เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 46,000 บาร์เรลต่อวัน
พ.ศ. 2522 จัดตั้งบริษัท เอสโซ่ เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์ โดยได้รับสัมปทานการสำรวจและขุดเจาะหาพลังงานบนแหล่งที่ราบสูงโคราช และพบก๊าซธรรมชาติที่หลุมน้ำพอง จ.ขอนแก่น ภายหลังบริษัทฯ เปลี่ยนชื่อเป็น เอ็กซอนโมบิล เอ็กซ์โพลเรชั่น แอนด์ โพรดักชั่น โคราช อิงค์
พ.ศ. 2528 ขยายโรงกลั่นเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 63,000 บาร์เรลต่อวัน
พ.ศ. 2534 ได้รับการอนุมัติให้ขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นน้ำมันเอสโซ่ศรีราชาเป็น 185,000 บาร์เรลต่อวัน และร่วมมือกับบริษัทน้ำมันชั้นนำต่างๆ จัดตั้ง บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด เพื่อวางท่อขนส่งน้ำมันจากโรงกลั่นศรีราชาไปยังลำลูกกา ดอนเมือง และสระบุรี
พ.ศ. 2539 เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานตราครุฑ แก่บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และเริ่มการก่อสร้างโรงงานอะโรเมติกส์ในบริเวณโรงกลั่นน้ำมัน เอสโซ่ศรีราชา
พ.ศ. 2544 ได้มาซึ่งกิจการของบริษัท โมบิลออยล์ไทยแลนด์ จำกัด และดำเนินธุรกิจภายใต้ชื่อ บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
พ.ศ. 2545 จัดตั้งบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด เพื่อให้บริการแก่บริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
พ.ศ. 2546 จัดตั้งศูนย์บริการธุรกิจกรุงเทพอย่างเป็นทางการ
พ.ศ. 2551 บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พ.ศ. 2554 บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ฉลองความสำเร็จ โครงการน้ำมันสะอาด ด้วยเงินลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท
พ.ศ. 2557 ดำเนินกิจการในประเทศไทยครบรอบ 120 ปี และปรับโฉมสถานีบริการน้ำมันรูปแบบใหม่
พ.ศ. 2562 เปลี่ยนชื่อ ศูนย์บริการธุรกิจกรุงเทพ เป็น ศูนย์บริการธุรกิจระดับโลก พร้อมฉลองการดำเนินกิจการในประเทศไทย ครบ 125 ปี
ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. 2551 ราคาไอพีโอ 10 บาท ราคาพาร์ 4.9338 บาท จำนวนหุ้นจดทะเบียน ณ วันที่ 11 ม.ค. 2566 จำนวน 3,460.86 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 38,415.52 ล้านบาท ผู้ถือหุ้นรายย่อย ณ วันที่ 17 มี.ค. 2565 จำนวน 20,310 ราย คิดเป็นสัดส่วน 34.01% สำหรับผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 รายแรก ประกอบด้วย
1. EXXONMOBIL ASIA HOLDINGS PTE. LTD. 2,283,750,000 หุ้น คิดเป็น 65.99%
2. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 322,627,820 หุ้น คิดเป็น 9.32%
3. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) 128,610,450 หุ้น คิดเป็น 3.72%
4. กองทุนรวม วายุภักษ์หนึ่ง โดย บลจ.กรุงไทย จำกัด (มหาชน) 128,610,450 หุ้น คิดเป็น 3.72%
5. SOUTH EAST ASIA UK (TYPE C) NOMINEES LIMITED 58,926,277 หุ้น คิดเป็น 1.70%
6. กองทุนเปิด บัวหลวงหุ้นระยะยาว 29,505,500 หุ้น คิดเป็น 0.85%
7. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทิสโก้มาสเตอร์ร่วมทุน ซึ่งจดทะเบียนแล้ว 27,704,900 หุ้น คิดเป็น 0.80%
8. กองทุนเปิด ทิสโก้สแตรทิจิก ฟันด์ 26,500,000 หุ้น คิดเป็น 0.77%
9. นาย ชาญ โสภณพนิช 14,680,000 หุ้น คิดเป็น 0.42%
10. SE ASIA (TYPE B) NOMINEES LLC 12,797,540 หุ้น คิดเป็น 0.37%
(สำหรับนายชาญ โสภณพนิช มีศักดิ์เป็นอาของนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แต่ได้ลาออกจากบอร์ดธนาคารกรุงเทพ เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2562 เนื่องจากปัญหาสุขภาพ)
ผลประกอบการ ณ ไตรมาส 3 ปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 95,817.10 ล้านบาท หนี้สินรวม 67,035.62 บาท รายได้รวม 199,380.76 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11,071.70 ล้านบาท
สำหรับสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ ในอดีตมีสโลแกนที่ติดหูว่า "จับเสือใส่ถังพลังสูง" โดยเฟซบุ๊ก "ชมรมนักอ่านสามเกลอ" ได้เผยแพร่โฆษณา จับเสือใส่ถังพลังสูง เป็นการโฆษณาน้ำมันเบนซิน เอสโซ่ เอ็กซ์ตร้า สูตรใหม่ ในปี พ.ศ. 2509
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ "ผ้าเก่าเล่าอดีต" เคยระบุว่า "จับเสือใส่ถัง พลังสูง" คือวลีเด็ดสุดโด่งดังในอดีตของโฆษณาปั๊ม Esso เมื่อช่วงปี พ.ศ. 2525-2526 โดยทำเสื้อออกมาเป็นของสมนาคุณแก่ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ ESSO ทุกชนิดครบ 200 บาท จะมีสิทธิแลกซื้อเสื้อยืด “พลังเสือ” ได้ 1 ตัว โดยมีให้เลือก 2 ขนาด คือ ไซส์ผู้ใหญ่ สกรีนลายหน้าเสือ และไซส์เด็ก สกรีนลายเสือวิ่ง โดยจะมีสกรีนวลีเด็ดด้านหน้าว่า “จับเสือใส่ถัง พลังสูง” และสกรีนด้านหลังว่า "Put A Tiger In Your Tank" บนเสื้อทั้ง 2 ขนาด