xs
xsm
sm
md
lg

รู้จักไหม...ราชทินนามขุนนางไทย! หลวงการ์เดนกิจบริรักษ์ ขุนซุกซนสังฆกรณ์ พันปากพล่อย !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



ราชทินนาม หมายถึงนามที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานนามยศหรือตำแหน่งแก่ข้าราชการ โดยทั่วไปแล้ว ราชทินนามจะบ่งบอกถึงความสามารถของข้าราชการผู้นั้น เช่น ขุนวิจิตรอักษร หมายถึงผู้มีความสามารถทางอักษร หลวงแจ่มวิชาสอน ก็แน่นอนว่าต้องเป็นครู พระเจนดุริยางค์ หรือ หลวงหาญมโหรี ก็ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญทางดนตรีแน่ แต่รายหลังนี้มีข่าวว่าปฏิเสธไม่ขอรับตำแหน่ง เพราะเกรงว่าจะเป็นการประจานภริยา ราชทินนามจึงเป็นเครื่องเสริมยศเสริมตำแหน่งให้เกียรติยศเด่นขึ้น

แต่ก็มีราชทินนามอีกประเภทหนึ่งที่ฟังแล้วแปลกหูที่ใช้ภาษาต่างประเทศ และอีกประเภทหนึ่ง บ่งบอกถึงความสามารถความเชี่ยวชาญของเจ้าของนามเช่นกัน แต่กลับตรงข้ามกับการเสริมเกียรติยศ ดูจะเป็นประจานมากกว่า อย่างเช่น ขุนซุกซนสังฆกรณ์ ขุนศรีธนญชัย พันปากพล่อย
หลวงการ์เดนบริรักษ์ เป็นราชทินนามที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระราชทานแก่เจ้ากรมสวนสราญรมย์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลพระราชอุทยานสราญรมย์ เนื่องจากยุคนั้นสยามมีการติดต่อกับชาวตะวันตกมาก และนายเฮนรี อาลาบาสเตอร์ อดีตกงสุลอังกฤษที่มารับราชการไทย เป็นผู้ออกแบและจัดสร้างสวนนี้ตามแบบอย่างในต่างประเทศ เลยเอาภาษาอังกฤษมาตั้งเป็นราชทินนามคนดูแลสวนเสียเลย
ส่วนขุนซุกซนสังฆกรณ์ ขุนศรีธนญชัย และพันปากพล่อย เป็นราชทินนามในสมัยรัชกาลที่ ๔
 
ขุนซุกซนสังฆกรณ์นั้น พระราชทานให้ข้าราชการที่ขี้ฟ้องคนหนึ่ง และคงจะเอาเรื่องของพระสงฆ์มาฟ้องบ่อย ก็เลยได้ราชทินนามนี้ไป

ขุนศรีธนญชัย เจ้าของนามเดิมในนิทานพื้นบ้าน เป็นคนเจ้าปัญญา แต่ฉลาดแกมโกง ผู้ได้รับก็คงมีคุณสมบัติไม่ต่างไปจากนี้
ส่วน พันปากพล่อย เป็นราชทินนามที่แรงกว่าราชทินนามอื่น ปากพล่อย หมายถึงการพูดโดยไม่ไตร่ตรองว่าจะเกิดตวามเสียหายอย่างใด เรียกกันว่า พูดพล่อยๆ ทรงชี้แจงที่ตั้งราชทินนามนี้ให้อ้ายกรุด ไว้ในประกาศรัชกาลที่ ๔ ฉบับที่ ๓๔๓ เรื่องตั้งพันปากพล่อย ไว้ว่า

“...อ้ายกรุดนี้มันพูดไม่เกรงใจใครเหมือนบ้า มันได้ยินได้เห็นอะไรก็พูดไม่มีประมาณ ในหลวงจึงตั้งให้เปนอ้ายพันปากพล่อยตามที่มันได้เปนบ้านั้น แลมันว่าอะไรในหลวงก็ไม่เอาเปนจริงนัก เอาแต่ที่มีสลักสำคัญจริงๆ สำคัญๆ เหมือนอ้ายกรุดว่า มหาขำเปนปาราชิกในหลวงก็ไม่เอา ว่าพระประดิษฐนิเวศน์ ทำอะไรพูดอะไรประหลาดๆ ก็ไม่เอา ว่าใครหยาบช้าต่อในหลวงก็ไม่เอา ว่าปลัดกรมเปรมดูถูกหม่อมเจ้าเกียรติคุณก็ไม่เอา ว่าหลวงพัสดีพึ่งปล่อยเชิงลาคนคุกที่มีบรรดาศักดิ์ก็ไม่เอา อื่นๆ อีกหลายเรื่องก็ไม่เอา...”

นี่ก็เป็นเกร็ดเล็กๆในประวัติศาสตร์ที่เอามาเล่าสนุกสู่กันฟัง แต่ที่ไม่สนุกก็คือ ยุคนี้รู้สึกว่า “พันปากพล่อย” จะมากไปหน่อย อย่างในเรื่อง ร.ล.สุโขทัยอับปาง
กำลังโหลดความคิดเห็น