ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ อพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ออกมาตอบคำถามที่มีคนสงสัยเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 5 จำเป็นแค่ไหน ระบุ อายุน้อย แข็งปรงดีไม่ต้องรับเพิ่ม เว้นกลุ่มเสี่ยง สูงอายุ มีโรคเรื้อรัง จำเป็นต้องกระตุ้น
วันนี้ ( 19 ธ.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมา ออกมาโพสต์ข้อความให้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องการฉีดวัคซีน โควิด-19 ที่มีคนถามมาบ่อยว่า
“โควิด 19 ปัญหาที่ถูกถามบ่อย เรื่องการฉีดวัคซิน โควิด 19
เมื่อฉีดวัคซีนแล้ว 3 เข็ม 4 เข็ม หรือ 5 เข็ม แล้วจะต้องฉีดวัคซีน covid-19 อีกไหม ??
คำว่าฉีดวัคซีนมาแล้วจำนวนเข็มให้นับรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนชนิดใด ถึงแม้ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย ของจีน ก็ให้นับรวมด้วย วัคซีนทุกชนิดที่ฉีดไม่แตกต่างกัน สามารถให้ข้ามชนิดกันได้
อยากให้ทุกคนได้รับวัคซีนอย่างน้อย 3 เข็ม และเมื่อให้มานานแล้วเกิน 4 เดือนขึ้นไป จะให้เข็ม 4 ก็ไม่ว่ากัน
ในรายที่ได้ 4 เข็มมาแล้ว จะให้เข็มต่อไปขอให้พิจารณาดังนี้
ถ้าร่างกายแข็งแรงปกติดี อายุน้อย เช่นน้อยกว่า 60 ปี ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้เพิ่มอีก ถึงแม้ว่าจะติดโรค ความรุนแรงของโรคก็จะน้อยมาก
การจะให้ต่อไปใน เข็มที่ 5 เราจะคำนึงในการให้ดังนี้
1 ในผู้ที่มีร่างกายเปราะบางและอ่อนแอมากๆ ผู้สูงอายุมากๆ โรคเรื้อรัง เช่น โรคไตวายเรื้อรัง โรคมะเร็ง โรคทางปอดและหัวใจ รวมทั้งโรคสมอง ผู้ป่วยติดเตียง ควรจะได้รับวัคซีนต่อไป ถ้าให้วัคซีนเข็มที่ 4 มานานแล้วเกิน 6 เดือน ก็สามารถกระตุ้นเข็มต่อไปได้
2 การให้วัคซีนเข็มที่ 5 ขอให้พิจารณาสภาวะร่างกายของเรา ถ้าเราแข็งแรงดี ก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าร่างกายอ่อนแอมากๆ ดังได้กล่าวมาแล้ว ก็ควรจะมีการกระตุ้น
3 ในกรณีที่ได้วัคซีนมาแล้ว 3-4 เข็มหรือมากกว่า แล้วเกิดการติดเชื้อ การติดเชื้อนั้น ถือว่าเป็นการฉีดวัคซีนอีก 1 เข็มโดยธรรมชาติ ดังนั้นผู้ที่ติดเชื้อแล้ว ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นเป็นภูมิต้านทานแบบลูกผสม ที่มีประสิทธิภาพสูง
ผู้ที่ติดเชื้อแล้ว จะฉีดวัคซีนอีกไหม เราจะปฏิบัติดังนี้
1 ถ้าไม่เคยฉีดวัคซีนมาเลย แล้วติดเชื้อ จะแนะนำให้ฉีดวัคซีนต่อไป โดยเข็มแรกให้ห่างจากการติดเชื้อประมาณ 2 - 3 เดือน แล้วฉีดเข็มที่ 2 ที่ห่างจากการติดเชื้อ 6-12 เดือนก็จะได้ภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์
2 ถ้าฉีดวัคซีนมาแล้ว 1 เข็มแล้วติดเชื้อ ให้ฉีดวัคซีนเข็มต่อไปห่างจากการติดเชื้อประมาณ 3 ถึง 6 เดือน ถือว่าได้รับ 3 เข็ม(การติดเชื้อนั้น ถือว่าเป็นการฉีดวัคซีนอีก 1 เข็มโดยธรรมชาติ) ให้นับรวมการติดเชื้อเป็นการฉีดโดยธรรมชาติ 1 เข็ม และถ้าจะฉีดเข็มต่อไปก็ควรห่างอย่างน้อยอีก 4 - 6 เดือน โดยหลักการยิ่งห่างยิ่งดี
3 ถ้าได้รับวัคซีนมาแล้ว 2 เข็ม แล้วติดเชื้อ ก็ถือว่าได้รับวัคซีนมาแล้ว 3 เข็ม (ธรรมชาติฉีดให้เรา 1 เข็ม) ถ้าจะฉีดวัคซีน เพิ่มอีก 1 เข็ม ควรจะห่างจากการติดเชื้อ 6 เดือน แต่ถ้าเราเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงมากๆ จะกระตุ้นที่ 4 เดือนก็ได้
4 ถ้าได้รับวัคซีนมาแล้ว 3 เข็มขึ้นไป แล้วติดเชื้อ ภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจะเป็นภูมิต้านทานที่มีระดับสูงมาก ในคนที่แข็งแรงดี ไม่จำเป็นที่จะต้องกระตุ้น ยกเว้นกลุ่มเสี่ยงสูงที่มีร่างกายอ่อนแอมากๆ ถ้าจะกระตุ้นก็ควรห่างจากการติดเชื้อไปอย่างน้อย 6 เดือน
หลักการทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว จะไม่ใช้ในเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี เพราะการให้ mRNA วัคซีน ในเด็ก ผลข้างเคียง ระยะสั้นและระยะยาวจะเป็นสิ่งที่จะต้องคำนึงถึง
ในเด็กที่แข็งแรงดี ให้ฉีดวัคซีนตามกำหนดเท่านั้น และถ้ามีการติดเชื้อ ก็ถือว่าเป็นการได้รับภูมิต้านทานแบบสมบูรณ์ ลูกผสม ที่มีภูมิต้านทานที่ดีมาก เราจะไม่ให้เข็ม 4 กับ 5 ในเด็ก
การจะฉีดวัคซีนกระตุ้น อีกสิ่งหนึ่งที่จะต้องคำนึงถึงคือการระบาดของโรค ถ้าเอาระบาดมาก ความเสี่ยงของเราก็สูง ก็ควรได้รับการกระตุ้น เช่นในช่วงนี้ การระบาดอยู่ในขาขึ้น และถ้าหลังกุมภาพันธ์ไปแล้วอยู่ในขาลงก็จะอยู่ในภาวะที่รอได้ โดยจะมีการระบาดอีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายนเมื่อถึงตอนนั้นค่อยพิจารณาเรื่องการฉีดวัคซีนอีกครั้งหนึ่ง ตามฤดูกาลแบบไข้หวัดใหญ่
ขอย้ำอีกทีการนับจำนวนเข็มการฉีดวัคซีน ไม่แยกชนิดของวัคซีน ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนอะไรมาก็ขอให้นับจำนวนเข็มทั้งหมด”