กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับ ททท. ผลักดันปากพะยูน จ.พัทลุง เป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ชูจุดเด่นทางธรรมชาติ
กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเวทีระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนในอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง ต่อ "ร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง” ผลักดันปากพะยูนมุ่งสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่มีความมั่นคงทางอาหาร บนพื้นฐานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล”
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลปากพะยูน อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้จัดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นร่างแผนพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเส้นทางท่องเที่ยวอำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง โดยผู้เข้าร่วมประชุมมาจากทุกภาคส่วน ประกอบด้วยหน่วยราชการส่วนภูมิภาค องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจเอกชน และเครือข่ายภาคประชาสังคม เข้าร่วมอย่างคับคั่ง
นายเรวัต จันทนงค์ หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวชุมชน กรมการท่องเที่ยว ในฐานะประธานการประชุม กล่าวว่า อำเภอปากพะยูนมีต้นทุนสูงทางการท่องเที่ยวทั้งธรรมชาติ และวัฒนธรรม และจะได้โอกาสครั้งสำคัญจากโครงการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างจังหวัดสงขลา กับจังหวัดพัทลุง ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยสามารถพัฒนาต่อยอดไปสู่จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวใหม่ของพัทลุงในอนาคตอันใกล้ กรมการท่องเที่ยวจึงริเริ่มจัดทำร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ให้ความสำคัญต่อกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนตั้งแต่เริ่มต้น โดยได้ร่วมกับ ททท.ลงพื้นที่เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ และความต้องการในพื้นที่ ก่อนจะกำหนดกรอบแนวทางร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
“กล่าวได้ว่า กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมในทุกกระบวนการของการจัดทำ จึงนับเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทุกฝ่ายจะเกิดความเข้าใจในบริบทของการพัฒนาและขับเคลื่อนพื้นที่ให้ไปในทิศทางเดียวกัน เกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ” ประธานที่ประชุมกล่าว
อนึ่ง การจัดทำร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนครั้งนี้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (Global Sustainable Tourism Criteria) โดยเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการยกระดับเพื่อพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน
จากนั้น ดร.แก้วตา ม่วงเกษม หัวหน้าคณะที่ปรึกษาโครงการฯ ได้นำเสนอร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อำเภอปากพะยูน จังหวัดพัทลุง พ.ศ. 2566-2570 ซึ่งมีวิสัยทัศน์คือ “มุ่งสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่มีความมั่นคงทางอาหาร บนพื้นฐานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างมีส่วนร่วม และพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล”
ร่างแผนพัฒนาดังกล่าวเกิดจากการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ใน 5 ด้าน คือ โครงสร้างพื้นฐานเพื่อคุณภาพชีวิตตามมาตรฐานสากล พัฒนาบุคลากร พัฒนาระบบจัดการสิ่งแวดล้อมแบบองค์รวม พัฒนาเชิงวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ของพื้นที่ และยกระดับการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบเพื่อปกป้องความั่นคงทางอาหารของพื้นที่
ส่วนการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวมาจาก 3 รูปแบบ คือ 1. หลาดปากยูน เป็น Green Market เน้นความมีเอกลักษณ์ของตลาดสดท่าเรือปากพะยูน ซึ่งสะท้อนความเป็นแหล่งอาหารที่เกิดจากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรท่ามกลางการอยู่ร่วมกันของผู้คนอย่างกลมกลืน ซึ่งสามารถพัฒนาไปสู่เทศกาลอาหาร ชูวัตถุดิบท้องถิ่น การทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ
2. มิวเซียมรังนก เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่พัฒนาไปสู่ศูนย์กลางการเรียนรู้อนุรักษ์รังนกนางแอ่นธรรมชาติ (มิวเซียมรังนก) แห่งแรกในประเทศไทย จากแหล่งรังนกนางแอ่นธรรมชาติที่ตำบลเกาะหมาก ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมทั้งในด้านเนื้อหา และศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว
3. “ลุงแลนด์ แกรนด์พัทลุง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ถูกค้นพบใหม่ มีภูมิทัศน์ของหินผาบนที่ราบกว้างที่สวยงามโดดเด่นแตกต่างจากที่อื่น นำไปสู่การพัฒนากิจกรรมการท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับตัวตนของพื้นที่ และเชื่อมโยงไปสู่ชุมชนใกล้เคียง
รูปแบบการท่องเที่ยวตามแผนพัฒนาฯ เน้นให้ความสำคัญต่อการสื่อสารและสืบทอดอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม ทั้งในด้านอาหาร ประเพณีท้องถิ่น ภาษา ไปจนถึงดนตรี
ขณะเดียวกัน หัวหน้าคณะที่ปรึกษาโครงการฯ ยังสรุปตัวแปรที่เป็นกลไกสำคัญในการเป็นเมืองยั่งยืนของอำเภอปากพะยูนใน 5 ประเด็น คือ 1. การจัดการระบบนิเวศที่เชื่อมโยงถึงความมั่นคงทางอาหาร 2. ส่งเสริมความเป็นเมืองพหุวัฒนธรรม 3. อนุรักษ์นกนางแอ่น แหล่งหญ้าทะเล ตลอดจนทรัพยากรชายฝั่ง
4. พัฒนาสินค้าท้องถิ่นบนแพลตฟอร์มห่วงโซ่สีเขียว และ 5. ก้าวสู่เมือง Low Carbon แห่งการท่องเที่ยว
ด้าน นางสาววรรณภา เกียรติพงษา ผู้อำนวยการกองสร้างสรรค์สินค้าการท่องเที่ยว
ฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้ว่า การให้ความสำคัญต่อแหล่งท่องเที่ยวสีเขียว หรือ Green Destinations ในระดับสากลตามเกณฑ์ของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC-D) จำเป็นต้องแสวงหาจุดร่วมของการพัฒนาที่เกิดประโยชน์ต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่การประเมินการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ อำเภอปากพะยูนมีเรื่องราวของความเชื่อมโยงระหว่างผู้คนกับพื้นที่ แม้จะมีกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบ เช่น สัมปทานรังนกนางแอ่น การประมง แต่ชุมชนก็มีธรรมนูญแห่งการปกป้องนิเวศจนสามารถรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรมาได้อย่างยาวนานกว่า 133 ปี เกิดความมั่นคงทางอาหาร และการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย แต่มีคุณค่า
“การนำเสนอเรื่องเล่านี้มีความพิเศษต่อการที่จะก้าวไปสู่การเป็นแหล่ง Green Destinations และให้ภาพที่ชัดเจนของปากพะยูนในการเป็นพื้นที่ต้นแบบที่เน้นความสัมพันธ์ของการจัดการสิ่งแวดล้อม และปัญหาสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป” ผู้อำนวยการกลุ่มงานอำนวยการด้านสินค้า และธุรกิจท่องเที่ยว ททท.กล่าว
ตลอดการประชุม ตัวแทนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ให้ความสนใจ และร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ซึ่งประธานที่ประชุมกล่าวว่า จะนำข้อคิดเห็นต่างๆ จากที่ประชุมไปประมวล และปรับปรุงร่างแผนพัฒนาฯ ให้ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และจะเผยแพร่ให้ส่วนราชการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปใช้ประโยชน์ต่อไป