หญิงชราคนหนึ่งตาบอดมาตั้งแต่อายุ ๑๒ ขวบ เนื่องจากถูกพายุหมุนหอบขึ้นไปแล้วตกลงมาทำให้ตาบอดทั้ง ๒ ข้าง แต่กลับมีญาณวิเศษสามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่จะเกิดในอนาคต เริ่มด้วยการทำนายว่าทหารที่จะไปร่วมสงครามโลกครั้งที่ ๑ ใครจะได้กลับมาบ้าง ฮิตเลอร์ก็เคยมาให้ดูดวงชะตา ต่อมาถูกจับไปคุมขังถึงครึ่งปีเพราะไปทำนายการตายของสตาลิน ผู้นำรัสเซีย แต่เมื่อสตาลินตายตรงตามคำทำนายจึงถูกปล่อยตัว
ทางการบัลกาเรียบ้านเกิดของนางก็ไม่พอใจกับคำทนายของหญิงชรา แต่ทว่าไม่สามารถต้านกระแสความเชื่อถือของประชาชนเป็นล้านๆได้ เลยเอาเข้าเป็นข้าราชการเสียเลยขณะอายุได้ ๕๖ ปี นักวิทยาศาสตร์บัลการเรียผู้หนึ่ง ได้ทำการวิจัยคำทำนายนี้มากกว่า ๗,๐๐๐ เรื่อง สรุปว่าถูกต้องถึง ๘๐ เปอร์เซ็นต์
หญิงชราผู้นี้มีชื่อว่า วานเกลียา ปานแดวา กุชเตโรวา เกิดใน พ.ศ.๒๔๕๔ เสียชีวิตใน พ.ศ. ๒๕๓๙ ขณะมีอายุ ๘๕ ปี เป็นที่รู้จักกันในชื่อ บาบา วานกา “นอสตราดามุสแห่งบอลข่าน” ปัจจุบันคำทำนายของนางเห็นผลกันมาแล้ว เช่น
ในปี ค.ศ.๒๐๐๔ บาบา วานกาทำนายว่า จะมีคลื่นสูงเข้าซัดหาดกลืนกินผู้คน แล้วก็เกิดขึ้นจริงตามคำทำนายในปี พ.ศ.๒๕๔๗ ที่คลื่นซึนามิถล่มชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก มีผู้เสียชีวิตและหายสาบสูญนับแสนคน
โด่งดังที่สุดก็คือคำทำนายว่า ในปี ๒๐๑๑ จะมีนกเหล็ก ๒ ตัวโจมตีชาวอเมริกัน ซึ่งก็ได้เกิดเหตุการณ์ ๙/๑๑ เครื่องบิน ๒ ลำพุ่งเข้าใส่ตึกเวิร์ลเทรด
ประธานาธิบดีคนที่ ๔๔ ของสหรัฐอเมริกาจะเป็นคนลูกครึ่งแอฟริกัน-อเมริกัน และจะเป็นประธานาธิบดีคนสุดท้าย ซึ่งอเมริกาก็ได้ประธานาธิบดีบารัก โอบามา แต่ก็ไม่ใช่ประธานาธิบดีคนสุดท้าย ซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อยก็เป็นได้
เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๕ มานี่เอง สื่ออังกฤษเพิ่งเปิดเผยคำทำนายของแม่หมอบาบา วานกาอีกครั้งว่า “ทั้งหมดจะละลายอย่างกับน้ำแข็ง มีเพียงคนเดียวที่ไม่มีใครแตะต้องได้ ความรุ่งเรืองของ วลาดิเมียร์ ปูตินและรัสเซีย จะครองโลก”
บาบา วานกา ยังทำนายเกี่ยวกับหายนะของโลกไว้อย่างน่าทึ่งอีกมาก บางเรื่องก็ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีสิ่งนี้เกิดขึ้นในโลก อย่าง “พระอาทิตย์เทียม” และคำทำนายของนางก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจทั้งนั้น อย่างเช่น
ค.ศ ๒๐๑๖ ชาวมุสลิมจะบุกรุกเข้ายุโรป ทำให้ชาวยุโรปต้องอพยพออก
๒๐๑๘ จีนจะเป็นมหาอำนาจของโลก
๒๐๒๕ ทวีปยุโรปจะร้างผู้คน
๒๐๒๘ มีการสำรวจดาวศุกร์ จะเป็นแหล่งพลังงานทางเลือก
๒๐๓๓ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
๒๐๔๓ เศรษฐกิจโลกดีขึ้นมาก ชาวมุสลิมจะกลับมาครองยุโรป
๒๐๔๖ มนุษย์สามารถปลูกถ่ายอวัยวะ และเปลี่ยนอวัยวะได้ทุกชนิด
๒๑๐๐ มนุษย์สร้างดวงอาทิตย์เทียมสำเร็จ เป็นผลมาจากเทคโนโลยีที่มีการวิจัยต่อเนื่องมาจากปี ๒๐๐๘
๒๑๑๑ มนุษย์กลายเป็นมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์
๒๑๒๕ โลกได้รับสัญญาณการติดต่อจากอวกาศ
๒๑๓๐ เกิดอารยธรรมใต้น้ำ ซึ่งเป็นคำแนะนำของมนุษย์ต่างดาว
๒๑๖๔ สัตว์กลายเป็นสัตว์ครึ่งมนุษย์
๒๑๖๗ ศาสนาใหม่ ถือกำเนิดขึ้น
๒๑๗๐ ทั่วโลกจะเกิดภัยแล้งอย่างรุนแรง
๒๑๘๓ อาณานิคมบนดาวอังคารมีอาวุธนิวเคลียร์ และต้องการเป็นเอกราชจากโลก
๒๑๘๗ โลกหยุดการปะทุของภูเขาไฟขนาดใหญ่ ๒ ลูก
๒๒๐๑ อุณหภูมิทั่วโลกหนาวเย็น เนื่องจากการลดลงของอัตราการถ่ายเทความร้อน
๒๒๒๑ มนุษย์ค้นหามนุษย์ต่างดาวเพิ่ม และจะเจอกับบางสิ่งที่น่ากลัว
๒๒๗๓ เกิดเชื้อชาติผิวสีใหม่ จากการรวมกันของชาวเอเชีย ยุโรป และแอฟริกัน
๒๒๘๘ มนุษย์เดินทางข้ามเวลาท่องอวกาศ เป็นการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวครั้งใหม่
๒๔๘๐ ดวงอาทิตย์เกิดการปะทะกับดาวอีกดวง ทำให้ไม่มีแสงอาทิตย์ส่องมายังโลก
๓๐๐๕ เกิดข้อพิพาทบนดาวอังคารและโลก ส่งผลให้เกิดการสับสนของวงโคจร
๓๐๑๐ ดาวหางชนดวงจันทร์ ส่งผลให้เศษซากต่างๆเข้าปกคลุมโลก
๓๗๙๗ จุดจบของโลก สิ่งมีชีวิตจะตายสิ้น ไม่มีแม่เหล็กไฟฟ้า แสงสว่าง ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ มนุษย์จะย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ดาวเคราะห์ดวงอื่น
๔๓๐๒-๔๖๗๔ มนุษย์เป็นอมตะ อาศัยอยู่กับมนุษย์ต่างดาว ไม่มีความชั่วร้าย มีผู้คนกว่า ๓.๕ แสนล้านคนกระจัดกระจายไปอยู่ทั่วจักรวาล
เมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ สำนักข่าวซินหัวได้รายงานมาจากเมืองเหอเฝย ประเทศจีนว่า จะส่งเตาปฏิมากรณ์ที่เรียกว่า “ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์” มาให้ไทยในต้นเดือนมกราคมปีหน้า โดยมีเจ้าหน้าที่ ๖๐ นายมาช่วยประกอบติดตั้ง และจะเริ่มทำงานได้ในปลายเดือนมีนาคม
ดวงอาทิตย์ประดิษฐ์นี้ คืออุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เป็นเตาปฏิมากรสนามแม่เหล็ก จำลองให้เหมือนดวงอาทิตย์จริงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีระดับความร้อนได้สูงประมาณ ๑๐๐ ล้านองศาเซลเซียส หรือมากกว่าดวงอาทิตย์จริงถึง ๖ เท่า เมื่อลดอุณหภูมิลงถึงจุดเหมาะสมก็จะเป็นพลังงานสะอาดปริมาณมหาศาล โดยใช้ดิวเทอเรียมซึ่งมีอยู่มากมายในทะเลมาผลิต มีนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรไทย ๙ คนได้ร่วมโครงการนี้ที่เมืองเหอเฝยมาแล้ว
นี่ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่แม่หมอทำลายไว้แม่นยำว่ามนุษย์จะผลิตดวงอาทิตย์เทียมได้ แต่มาก่อนเวลาที่แม่หมอทำนายไว้มาก ส่วนที่ว่าทวีปยุโรปจะร้างผู้คนในปี ๒๐๒๕ หรือในอีก ๓ ปีข้างหน้านี้ ก็ต้องรอดู ติดตามสถานการณ์ว่ากำลังก้าวไปสู่จุดนั้นหรือยัง
