บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดบ้านเชิญสื่อมวลชนเยี่ยมชมบริษัทฯ เป็นครั้งแรก หลังทะยานสู่การเป็นผู้นำบริษัท EdTech ของไทย กับ 4 กลุ่มธุรกิจในเครือที่ครอบคลุมทุกวัยและมีผู้ใช้งานมากที่สุด
นายสาธร อุพันวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกิจของกลุ่มเลิร์น คอร์ปอเรชั่นได้ดำเนินงานมาแล้ว 16 ปี มีจุดเริ่มต้นจากแพสชันของตนและผู้ร่วมก่อตั้ง คือ นายสุธี อัสววิมล กรรมการบริหารบริษัทฯ หรือที่รู้จักกันในนาม พี่โหน่ง OnDemand ซึ่งมีเป้าหมายและความเชื่อเดียวกันที่ว่าการเรียนรู้ช่วยทำให้ชีวิตคนดีขึ้น จึงได้ก่อตั้ง เลิร์น คอร์ปอเรชั่น โดยมีพันธกิจหลักคือการสร้าง EdTech หรือเทคโนโลยีการเรียนรู้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคน ที่ผ่านมานับได้ว่าเราสามารถก้าวสู่การเป็นองค์กร EdTech อันดับหนึ่ง ที่ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ของสังคมไทยได้อย่างเป็นรูปธรรม”
เลิร์น คอร์ปอเรชั่น สนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ จึงต่อยอดธุรกิจ EdTech จนเกิดเป็น Lifelong Learning EdTech Ecosystem หรืออีโคซิสเต็ม เพื่อเทคโนโลยีการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุด ตอบสนองการเรียนรู้ทุกช่วงวัยและครอบคลุมทุกกลุ่มคน ไม่ใช่เฉพาะแค่นักเรียนหรือในสถานศึกษา เพราะเราเชื่อว่ามนุษย์ต้องมีการเรียนรู้และพัฒนาตลอดชีวิต ทำให้ปัจจุบัน เลิร์น คอร์ปอเรชั่น ขยายธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
1. Out-School หรือธุรกิจสอนพิเศษและแนะแนวการศึกษา คือกลุ่มพัฒนาทักษะการเรียนรู้วิชาการนอกเหนือจากในห้องเรียนตั้งแต่วัยประถมถึงมัธยม ผลักดันให้วัยเรียนก้าวสู่เป้าหมายและมหาวิทยาลัยในฝัน ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านการเรียนต่อในต่างประเทศกับวัยเรียนและวัยทำงาน โดยมีแพลตฟอร์ม Learn Anywhere แอปพลิเคชันเรียนออนไลน์ที่รวบรวมคอนเทนต์จากกลุ่ม Out-School ไว้ในแอปพลิเคชันเดียว ธุรกิจในกลุ่มนี้ ได้แก่ OnDemand และ Ignite by OnDemand เป็นต้น ซึ่งถือเป็นกวดวิชาภาคไทยและภาคอินเตอร์ระดับแนวหน้าของประเทศ
2. Chain School หรือธุรกิจบริหารโรงเรียนเอกชน คือธุรกิจบริหารและดูแลหลักสูตรการเรียนการสอนในโรงเรียน โดยปัจจุบันมีโรงเรียนสาธิตพัฒนา ฝ่ายมัธยม หรือ LSP (LEARN Satit Pattana) อยู่ภายใต้การบริหารงาน ด้วยการใช้เทคโนโลยีและคอร์สเรียนคุณภาพจาก เลิร์น คอร์ปอเรชั่น ควบคู่กับแผนการเรียนตามเป้าหมายรายบุคคลที่ตรงประเด็นเพื่อเตรียมนักเรียนให้พร้อมสู่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย และทักษะภาษาอังกฤษมาตรฐาน Cambridge International ทำให้โรงเรียนฯ สามารถเพิ่มจำนวนนักเรียน จากหลักตัวเลข 100 คน เป็น 900 คน ในระยะเวลา 3 ปี
3. Professional & Skills หรือกลุ่มพัฒนาทักษะการทำงานแห่งโลกอนาคตและแพลตฟอร์มการเรียนรู้ คือธุรกิจที่มุ่งพัฒนาทักษะใหม่แห่งอนาคตให้กับวัยทำงาน หรือผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะตัวเองให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานโลก โดยธุรกิจกลุ่มนี้ได้รับความไว้วางใจจากองค์กรชั้นนำระดับประเทศกว่า 500 แห่ง ธุรกิจในกลุ่มนี้ ได้แก่ Skoodio และ Degree Plus เป็นต้น
4. In-School หรือธุรกิจผลิตสื่อและเนื้อหาสนับสนุนการสอนในโรงเรียน คือกลุ่มพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียน โดยมี Learn Education ดำเนินงานภายใต้การดูแลของบริษัทฯ ด้วยเทคโนโลยี Online Blended Learning Solution หรือการเรียนการสอนออนไลน์แบบผสมผสานที่สามารถให้ผู้เรียนและผู้สอนบูรณาการการเรียนร่วมกัน โดยเทคโนโลยีดังกล่าวช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษาแล้วกว่า 500 โรงเรียนทั่วประเทศ
นายสาธรกล่าวเสริมว่า “กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของ เลิร์น คอร์ปอเรชั่น เน้นย้ำเรื่องแก่นสำคัญของ EdTech ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ เรื่องคน คือ เราคัดเลือกและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพบุคลากร พร้อมสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เปิดโอกาสให้สร้างสรรค์ผลงานได้อย่างอิสระ ตอบสนองความต้องการคนในองค์กรที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่กว่า 90% และให้ความสำคัญต่อเรื่องการสื่อสารภายในองค์กรเพื่อประสิทธิภาพด้านทรัพยากรบุคคลและการพัฒนาผลิตภัณฑ์
ด้านต่อมา คือการเรียนรู้ เรามีทีม Learning Design Technology หรือทีมออกแบบเทคโนโลยีการเรียนรู้ ที่ทำหน้าที่วัดความสำเร็จผู้เรียนและปรับการเรียนรู้เฉพาะบุคคลได้อย่างตรงจุด ตลอดจนสร้างแรงจูงใจเพื่อผลักดันการเรียนรู้ได้อย่างเต็มศักยภาพ และด้านสุดท้าย คือเทคโนโลยีที่เราเริ่มจากการศึกษาความต้องการและพฤติกรรมของผู้เรียนอย่างละเอียด ก่อนออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน สถานศึกษาในระบบ หรือผู้ให้บริการคอนเทนต์
เพราะแพลตฟอร์มที่ดีควรจะมอบประสบการณ์พร้อมการเรียนรู้ที่ดีควบคู่กับการวัดผลเชิงคุณภาพอีกด้วย เหตุผลที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อทั้ง 3 ด้านนี้ เพราะเรามีเป้าหมายด้าน Social Impact หรือการสร้างผลลัพธ์เพื่อสังคม เพื่อเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้และพัฒนาสังคมในวงกว้างด้วยทรัพยากรทั้งหมดที่เรามี โดยปัจจุบัน 4 กลุ่มธุรกิจของเราสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างครอบคลุม 77 จังหวัด คิดเป็น 500 องค์กร และ 500 โรงเรียน หรือกว่า 2.5 ล้านคน
ทั้งนี้ ในมุมของธุรกิจ EdTech และดาต้า อาจยังเป็นธุรกิจที่ใหม่สำหรับประเทศไทย แต่ด้วยความเป็นจริงแล้ว ทั้งตลาด EdTech และตลาดดาต้าของกลุ่มของเด็กและผู้ใหญ่กำลังเป็นที่ต้องการค่อนข้างมาก โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตถึง 3-4 เท่าตัว มีมูลค่าธุรกิจรวมกว่า 1,000 ล้านบาท ดังนั้นในมุมของการพัฒนาธุรกิจ เรามองเห็นโอกาสที่จะขยายออกไปอีกมาก โดยคาดการณ์ว่าในปีหน้ายอดขายจะมีการเติบโตประมาณ 20% นอกจากนี้เสียงตอบรับจากลูกค้า คุณครู นักเรียน ตลอดจนความรู้สึกของบุคลากรของเราเอง คือเครื่องยืนยันความสำเร็จของ เลิร์น คอร์ปอเรชั่น โดยเรายังมุ่งที่จะพัฒนาระบบการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเพื่อใช้ EdTech สร้างการเรียนรู้สู่อนาคต และบริษัทฯ มีแผนที่จะผลักดันองค์กรเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เพื่อต่อยอดไอเดียและนวัตกรรมของ เลิร์น คอร์ปอเรชั่น ให้แผ่ขยายครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”