กลุ่มผู้บริโภคร้องศาลปกครองสอบอำนาจ สคบ.ปมค้านควบรวมทรู-ดีแทค ผู้ใช้มือถือรวมตัวยื่นฟ้องศาลปกครองขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจของสภาองค์กรของผู้บริโภค กรณีคัดค้านการรวมธุรกิจของทรูและดีแทค พร้อมขอให้คุ้มครองผู้บริโภคทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม
วันนี้ (24 พ.ย. 65) ตัวแทนของกลุ่มผู้บริโภคที่เห็นด้วยกับมติของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่รับทราบการรวมธุรกิจของทรูและดีแทค นำโดยนายคงชัช แก้วสุขโข ได้เป็นตัวแทนผู้รับมอบอำนาจจากผู้บริโภค 15 ราย ยื่นฟ้องสภาองค์กรของผู้บริโภค และนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรฯ ต่อศาลปกครองกลาง เนื่องจากได้รับความเสียหายจากการกระทำของสภาองค์กรของผู้บริโภค และนางสาวสารี โดยร้องขอให้ศาลคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคทุกฝ่าย และขอให้ตรวจสอบการใช้อำนาจของสภาองค์กรของผู้บริโภค ในประเด็นการฝ่าฝืนกฎหมายจัดตั้งสภาองค์กรฯ
ทั้งนี้ ในคำฟ้องมีสาระสำคัญ 3 ประการ โดยประการแรก ขอให้ศาลเพิกถอนข้อบังคับของสภาองค์กรฯ เนื่องจากข้อบังคับไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้มีผลตกเป็นโมฆะทั้งฉบับ และจะทำให้สภาองค์กรฯ และนางสาวสารีฯ ไม่มีอำนาจดำเนินการตามข้อบังคับและกฎหมาย
ประการที่ 2 ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า การกระทำของสภาองค์กรฯ และนางสาวสารีฯ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากข้อบังคับไม่ถูกต้องตามกฎหมาย
ประการที่ 3 ฟ้องขอให้ศาลคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคทุกฝ่าย ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานตามมาตรา 46 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และเป็นหน้าที่ของสภาองค์กรฯ โดยขอให้ศาลสั่งให้สภาองค์กรฯ ดำเนินการเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคที่เห็นต่าง ตามที่ผู้ฟ้องคดีได้เคยมีหนังสือยื่นข้อเรียกร้องต่อสภาองค์กรฯ ไว้เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 65 และขอให้ศาลสั่งห้ามมิให้สภาองค์กรฯ และนางสาวสารีฯ กระทำการใดๆ ที่เป็นการขัดหรือกระทบต่อสิทธิของผู้บริโภคที่เห็นต่าง และรวมถึงห้ามมิให้สภาองค์กรฯ และนางสาวสารีฯ เลือกปฏิบัติต่อผู้บริโภค หรือกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะเจาะจง
นายคงชัช แก้วสุขโข ตัวแทนผู้บริโภค เปิดเผยว่า วันนี้ผู้บริโภคที่เห็นต่างได้รวมตัวกันเนื่องจากทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของสภาองค์กรของผู้บริโภค และนางสาวสารีฯ ที่พยายามชี้นำสังคมแบบมีอคติ และตั้งใจนำเสนอข้อมูลเพียงด้านเดียวต่อประชาชน รวมถึงแสดงทัศนคติเชิงลบที่มุ่งแต่คัดค้านการรวมกิจการของค่ายทรูและค่ายดีแทค ตามธงและเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยไม่รับรู้ ไม่ฟังข้อเท็จจริงอีกด้านจากผู้บริโภคที่เห็นต่าง รวมถึงไม่มีพยานหลักฐาน และไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุนเลย โดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาสภาองค์กรฯ กับนางสาวสารีฯ และพวก ก็มักจะอ้างว่าเป็นความคิดเห็นของผู้บริโภคส่วนใหญ่ ทั้งที่ไม่เคยสอบถามความเห็นจากผู้บริโภคมาก่อน ทั้งที่ความจริงแล้วยังมีผู้บริโภคที่ได้รับสิ่งดีๆ จากการรวมกิจการของทั้งสองค่าย แล้วก็เห็นต่างกับสภาองค์กรฯ และนางสาวสารีฯ อีกเป็นจำนวนมาก
“ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องมาที่ศาลปกครองเพื่อต้องขอบารมีศาลปกครองเป็นที่พึ่งในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค หากศาลปกครองเห็นตรงกับผมและกลุ่มผู้บริโภคที่ยื่นฟ้องคดีนี้แล้ว ก็จะเห็นว่าการดำเนินการที่ผ่านมาของสภาองค์กรฯ ผิดกฎหมายทั้งสิ้น ทำโดยที่ไม่มีข้อบังคับ และตอนออกข้อบังคับมาก็จงใจเลี่ยงบาลีไปให้อำนาจแก่พวกพ้องตัวเองในการพิจารณาว่าใครบ้างมีสิทธิเข้าร่วมเป็นสมาชิกบ้าง ทั้งที่จริงๆ กฎหมายก็เขียนไว้แล้วว่าต้องเขียนให้ชัดเลยในข้อบังคับ นอกจากนี้ข้อบังคับข้ออื่นๆ ก็มีปัญหาที่น่าจะผิดกฎหมายอีกเยอะ จึงฟ้องขอให้ศาลปกครองกรุณาช่วยตรวจสอบ ซึ่งถ้าศาลเห็นด้วยก็จะทำให้การดำเนินการที่ผ่านมาของสภาองค์กรฯ และนางสาวสารีฯ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นการละเมิดสิทธิของผมกับกลุ่มผู้บริโภคทั่วประเทศ รวมถึงเป็นการกระทำผิดต่อวัตถุประสงค์และบทบาทหน้าที่ของสภาองค์กรฯ ที่กฎหมายกำหนดหน้าที่ให้พวกคุณคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคในทุกด้าน ทุกราย ทุกฝ่าย อย่างเท่าเทียมกัน โดยต้องไม่มีการเลือกปฏิบัติ และหากเป็นเช่นนี้ ก็อาจเป็นการกระทำความผิดฐานเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานและดุลพินิจของศาล ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไปผมก็ไม่อาจก้าวล่วงได้” นายคงชัช แก้วสุขโข ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้บริโภค กล่าวในที่สุด