สภา ม.รามฯ ถอดถอนสืบพงษ์พ้นอธิการบดี เหตุ ก.พ.ไม่รับรองวุฒิ ป.เอก-ถวายฎีกาเท็จ

สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงออกเอกสารข่าวถอดถอน ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมีผลทันที เผย 3 เหตุผล ใช้วุฒิปริญญาเอกที่ ก.พ.ไม่รับรอง รับโอนทรัพย์สินอดีตปลัดคมนาคมร่ำรวยผิดปกติ และถวายฎีกาด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีกรรมการสภามหาวิทยาลัย ขณะที่เจ้าตัวเตรียมยื่นศาลปกครอง

วันนี้ (8 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า สภามหาวิทยาลัยรามคำแหงออกเอกสารแถลงข่าว ฉบับที่ 1 ถอดถอน ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ออกจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องจากมีคุณสมบัติต้องห้ามตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยรามคำแหง ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้บริหาร พ.ศ. 2562 ซึ่งมีผลทันที โดยระบุพฤติการณ์ ได้แก่ 1. ใช้วุฒิการศึกษาปริญญาเอกที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ในการสมัครเข้าบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ จากการตรวจสอบวุฒิการศึกษาปริญญาเอกของ ผศ.สืบพงษ์ ปรากฏว่า "ไม่พบข้อมูลระดับปริญญาเอก" ตามหนังสือลับจากสำนักงาน ก.พ. ลงวันที่ 10 ส.ค. 2565

2. ผศ.สืบพงษ์ ได้รับโอนทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติ จากนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม (อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม) โดยรับโอนที่ดินจำนวน 2 แปลง ในพื้นที่ ต.บางปลากด อ.องครักษ์ จ.นครนายก เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2554 ซึ่ง ผศ.สืบพงษ์ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัยแล้ว และการรับโอนเกิดขึ้นภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนนายสุพจน์ ในที่สุดถูกศาลฎีกาพิพากษายึดที่ดินดังกล่าวทั้งสองแปลงตกเป็นของแผ่นดิน แต่ ผศ.สืบพงษ์ก็ไม่ได้ส่งมอบโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงล่วงเลยมา 2 ปีเศษ กระทั่งกระทรวงการคลังได้ยื่นคำขอโอนตามกฎหมาย แต่กลับไม่เคยรายงานให้มหาวิทยาลัยทราบ ทั้งที่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ เป็นการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีและระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา

3. ผศ.สืบพงษ์ ทูลเกล้าฯ ถวายฎีการ้องทุกข์ขอความเป็นธรรมด้วยข้อความอันเป็นเท็จ จงใจบิดเบือนข้อมูล ใส่ร้ายป้ายสีกรรมการสภามหาวิทยาลัยด้วยการตัดแต่งข้อมูล เพื่อสกัดกั้นไม่ให้สภามหาวิทยาลัยดำเนินการตรวจสอบหรือสอบสวนเรื่องต่างๆ ที่ ผศ.สืบพงษ์ถูกร้องเรียน และก่อนหน้านี้ได้เคยถูกสภามหาวิทยาลัยถอดถอนออกจากตำแหน่งอธิการบดีมาแล้วครั้งหนึ่ง ข้อหาจงใจฝ่าฝืนข้อบังคับ แต่ได้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ด้วยคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวของศาลปกครองสูงสุด แต่ ผศ.สืบพงษ์ ยังจงใจใช้สิทธิซ้ำซ้อนในการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองกลาง และสภามหาวิทยาลัยได้ทำหนังสือชี้แจงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ผศ.สืบพงษ์เตรียมมอบหมายทนายความยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอคุ้มครองชั่วคราวอีกครั้ง