หนุ่มโพสต์เฟซบุ๊กโอด โดนแจ้งเรื่องช็อกเตรียมปิดถนนบริเวณอุโมงค์ท่าพระเพื่อทำการเอาสายไฟฟ้าลงดิน ทำกระทบต่อกิจการเพราะปิดถนน 24 ชั่วโมง ยาว 6 เดือน ถาม หรือควรปิดกิจการไปเลยเพื่อให้กรุงเทพฯ มีสายไฟลงใต้ดินแบบเท่ๆ
เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Krissana Rattanapat" ออกมาโพสต์ข้อความระบายหลังเกิดปัญหาจากการนำสายไฟฟ้าลงดิน แต่กลับสร้างปัญหาขึ้นแก่ชาวบ้านและร้านค้าในบริเวณดังกล่าวอาจได้รับความเดือดร้อนกระทบกิจการ โดยผู้โพสต์ได้ระบุข้อความว่า
"เมืองหลวงที่มีสายไฟลงใต้ดินมันก็คงจะดูดี
แต่คุณจะยอมแลกมันมาด้วยการปิดกิจการของเพื่อนคุณไหม หรือถ้ามันเป็นกิจการของคนที่คุณไม่รู้จักล่ะ จะรู้สึกดีขึ้นไหม เมื่อวันศุกร์ 28/10/65 ประมาณ 15.30 น. มีทีมงานจากบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง ประมาณ 4-5 คน ได้เข้ามาที่บริษัทของแฟนผมซึ่งเป็นร้านรับติดตั้งฟิล์มรถยนต์และอาคาร ชื่อ 999 Autoplace / Filmpro Thailand อยู่ตรงอุโมงค์รัชดา-ท่าพระพอดีเป๊ะ (บริเวณนั้นมีการก่อสร้างอุโมงค์มหากาพย์อยู่เป็นปีๆ เพิ่งเสร็จไป) ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาในออฟฟิศ แจ้งว่า ขอประชาสัมพันธ์เรื่องความเดือดร้อนจากงานก่อสร้าง ในช่วงวีกนั้นก็กำลังมีการรื้อสร้างฟุตปาธใหม่พอดี ในใจผมคิดชื่นชม ว่าโห เดี๋ยวนี้การสร้างฟุตปาธถึงกับมีหน่วยงานมาพูดคุยเลย ดีใจได้ 10 วินาที ทีมงานแจ้งว่า จะมา "ประชาสัมพันธ์" เรื่องการปิดถนนบริเวณนี้ โดยจะปิดถนนที่ผ่านหน้าร้านทั้งหมด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 5 พฤศจิกาฯ ไปจนถึงกลางเมษาฯ ผมแม่งอย่างช็อก แต่ตอนนั้นคิดว่าทีมงานคงพูดชื่อเดือนผิด เลยถามว่า พฤศจิกาฯ ป่าวครับ คำตอบที่ได้คือเมษายนจริงๆ จะปิดถนนหน้าร้านทุกเลนยาวประมาณ 200 เมตร ทั้งวันทั้งคืน เพื่อไม่ให้รถผ่านระหว่างที่ทำงาน โดยจะบังคับรถให้ลงอุโมงค์ทั้งหมด
สอบถามเรื่องราวก็พบว่าทีม "ประชาสัมพันธ์" นี้ได้รับมอบหมายจากการไฟฟ้านครหลวงให้มา "แจ้งให้ทราบ" ถึงการปิดถนนบริเวณดังกล่าว ซึ่งเป็นทางเข้าสถานประกอบการหลายแห่ง เพื่อก่อสร้างท่อร้อยสายไฟ เอาสายไฟลงดิน แล้วร้านแฟนผม คืออยู่ตรงกลางไอ้ 200 เมตรนี่พอดีเป๊ะ เท่ากับรถที่เคยวิ่งผ่านได้ เข้ามาใช้บริการร้านได้ หรือขาจรที่เห็นป้ายร้านแล้ววิ่งเข้ามาใช้บริการ จะไม่มีอีกต่อไป เป็นเวลา 6 เดือน
"แล้วเราต้องปิดร้านไปเลยสิแบบนี้?" ผมถาม คำตอบซึ่งเกือบจะเหมือนเป็นบุญคุณคือ "ทางเราจะจัดทีมคอยเปิดปิดประตูกั้นให้ เวลาจะมีรถเข้า ต้องแจ้งว่ามาที่ร้าน" ซึ่งลูกค้าร้านประดับยนต์ 80-90% เป็นคนขับผ่านอะครับ ขนาดตอนสร้างอุโมงค์ ปิดถนนเหลือเลนเดียวเพื่อการก่อสร้าง เรายังเกือบเอาตัวไม่รอด ลูกค้าหายไปกว่าครึ่ง แต่ตอนนี้จะมาปิดถนนไม่ให้ใครผ่านเลยยกเว้นคนที่นัดกันไว้ ผมบอกเลยว่า = เจ๊งอะครับ
ทางทีมงานแจ้งเพิ่มเติมว่า ได้มีการทำสิ่งนี้กับถนนฝั่งตรงข้ามแล้ว แต่ที่ไม่เดือดร้อนเท่านี้ เพราะตอนนั้นอุโมงค์ยังไม่เสร็จ ทำให้สามารถเบี่ยงรถไปใช้เลนตรงอุโมงค์ได้ แต่ต่อมาจู่ๆ ก็มีการเร่งรัดการก่อสร้างอุโมงค์ และเบรกการก่อสร้างท่อร้อยสายไฟในฝั่งเราไว้ก่อน พออุโมงค์เสร็จ ก็เลยไม่รู้จะเบี่ยงไปไหน ต้องปิดหมดตามที่แจ้ง
พูดง่ายๆ คือ ถ้าทำตามแผนร้อยสายไฟก่อนอุโมงค์ เรื่องราวก็ไม่เป็นแบบนี้ แต่ก็เลือกหักแผนอยู่ดี ใครจะเดือดร้อนก็ค่อย "แจ้งให้เขาทราบ" เอาที่ผ่านมาผู้คนบริเวณนี้ประสบความเดือดร้อนจากการทำอุโมงค์หน้าบ้าน/ร้านมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จนเมื่ออุโมงค์เพิ่งเสร็จเพิ่งจะมีลูกค้ากลับมาใช้บริการ หากต้องโดนปิดถนนหน้าร้านอีก คาดว่าลูกค้าจะไม่มาใช้บริการอย่างแน่นอน ไม่ต่างอะไรกับบังคับให้ปิดกิจการ
ทั้งหมดนี่เพื่อ "เอาสายไฟลงดิน" ซึ่งไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนใดๆของประชาชน แต่ผลักภาระความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างมักง่าย แถมเมื่อคิดจะทำ ก็ทำเลย ไม่เคยมาสอบถามหาทางออกร่วมกัน ไม่เคยเห็นหัวกันเลย (ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีหน่วยงานใดติดต่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในย่านดังกล่าวถึงเรื่องนี้) ทั้งๆ ที่ควรเล็งเห็นได้ชัดว่าจะมีผู้ได้รับความเดือดร้อนสาหัส แต่กลับมีเพียงการเข้ามาแจ้งว่า "จะดำเนินการ" "กรุณาหลีกเลี่ยงการจราจร" เท่านั้น และแจ้งอย่างกระชั้นชิดมาก (เข้ามาแจ้งวันที่ 28 ต.ค. ว่าจะเริ่มปิดถนน 5 พ.ย.) เหมือนแจ้งแล้วจะให้เราผงกหัวครับๆ ไป
ผมไม่มีปัญหากับการเอาสายไฟลงดินนะ แต่ตอนนี้ผมต้องทำไงต่อครับ หรือควรปิดกิจการไปเลยเพื่อให้กรุงเทพฯ มีสายไฟลงใต้ดินแบบเท่ๆ ครับ"