กรมอุตุนิยมวิทยาประกาศประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการช่วงวันที่ 29 ตุลาคม 2565 ขณะที่กรุงเทพฯ อุณหภูมิต่ำสุด 17 องศาฯ พร้อมคาดจังหวัดเชียงราย น่าน สกลนคร และนครพนม จะหนาวเย็นที่สุดในปีนี้
วันนี้ (28 ต.ค.) น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงข่าวการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย ประจำปี 2565 ที่ศูนย์ปฏิบัติการพยากรณ์อากาศ ชั้น 11 กรมอุตุนิยมวิทยา ว่า ในช่วงวันที่ 29 ตุลาคม-2 พฤศจิกายน 2565 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง และอุณหภูมิจะลดลงกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะเริ่มลดลงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลงในระยะถัดไปสำหรับร่องมรสุมจะเลื่อนไปพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังอ่อน โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร
สำหรับการเข้าสู่ฤดูหนาวของประเทศไทย จะเริ่มขึ้นในวันที่ 29 ตุลาคม 2565 จนถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ปีนี้จะหนาวเย็นกว่าปีที่ผ่านมา อุณหภูมิต่ำที่สุด 8-9 องศาเซลเซียส ส่วนมากจะอยู่ตอนบนของทั้งภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณประเทศไทยตอนบน อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20-21 องศาเซลเซียส
บริเวณกรุงเทพมหานคร อุณหภูมิต่ำที่สุด 17-18 องศาเซลเซียส ช่วงที่อากาศหนาวเย็นที่สุดคือเดือนธันวาคม ถึงมกราคมปีหน้า คาดว่าจังหวัดที่จะหนาวเย็นที่สุดในประเทศไทยปีนี้ ได้แก่ จังหวัดเชียงราย น่าน สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำที่สุดบริเวณกรุงเทพมหานคร 17-18 องศาเซลเซียส และปริมณฑล 15-16 องศาเซลเซียส
แม้ว่าฤดูหนาวของประเทศไทยปีนี้เริ่มต้นช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของทิศทางลมชั้นบนระดับล่าง ได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันออกหรือตะวันออกเฉียงเหนือ และลมชั้นบนระดับบนได้เปลี่ยนเป็นลมตะวันตก รวมถึงเกณฑ์ของอุณหภูมิและปริมาณฝนในตอนบนของประเทศได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ฤดูหนาวในปีนี้จะเริ่มขึ้นในวันที่ 29 ตุลาคม 2565 และจะสิ้นสุดฤดูในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2566
บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 20-21 องศาเซลเซียส ซึ่งจะสูงกว่าค่าปกติ (ค่าเฉลี่ยอุณหภูมิต่ำสุดของประเทศไทย 30 ปี) ที่ 19.9 องศาเซลเซียส ประมาณ 0.5 องศาเซลเซียส แต่จะมีอากาศหนาวเย็นมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยปีที่ผ่านมา 21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภู รวมทั้งเทือกเขาจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัดและจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง
ขณะที่บริเวณภาคใต้ จะมีอากาศเย็นบางแห่งในบางวันส่วนมากตอนบนของภาค แต่ยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกในเดือนพฤศจิกายนและ ธันวาคม กับมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และหนักมากในบางแห่ง ซึ่งจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก รวมทั้งน้ำล้นตลิ่งได้ในหลายพื้นที่ สำหรับคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยจะมีกำลังแรงเป็นระยะๆ ในบางช่วงมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมอาจจะมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ หรือผ่านอ่าวไทยและภาคใต้ อาจเกิดคลื่นพายุชัดฝั่งความสูง 3-4 เมตร ขอให้ประชาชนติดตามประกาศแจ้งเตือนจากกรมฯ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งควรระวังอันตรายที่อาจเกิดจากพายุหมุนเขตร้อน น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งไว้ด้วย