จากการศึกษาโดย Kaiser Permanente Southern California ของสหรัฐอเมริกา เพื่อประเมินประสิทธิผลของวัคซีนโมเดอร์น่าเข็มหลักสูตรปัจจุบัน (mRNA-1273) จากการใช้งานจริง ในการป้องกันการติดเชื้อและการเข้ารักษาในโรงพยาบาล จากการติดเชื้อโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อยต่าง ๆ รวมถึง BA.5 ชึ่งเป็นสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วยนั้น จากข้อมูลผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ระหว่างวันที่ 1 มกราคม – 30 มิถุนายน 2565 โดยเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 30,809 คน และผู้ป่วยกลุ่มควบคุมที่ไม่พบการติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 90,427 คน พบว่า ประสิทธิผลของวัคซีนโมเดอร์น่าสูตรปัจจุบัน 3 เข็ม และ 4 เข็ม ในการป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ BA.2, BA.2.12.1, BA.4 และ BA.5 อยู่ในระดับปานกลางในช่วงแรกหลังจากรับการฉีดวัคซีน ก่อนที่จะลดระดับลงมา ส่วนประสิทธิผลต่อการป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่เกิดจากการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ย่อยชนิดต่าง ๆ ยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ โดยวัคซีนโมเดอร์น่าจำนวน 3 เข็มให้ระดับการป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลต่อเชื้อ BA.1, BA.2, และ BA.4/BA.5 อยู่ที่ 97.5%, 82.0%, และ 72.4% ตามลำดับ ในขณะที่ วัคซีนโมเดอร์น่า จำนวน 4 เข็ม ให้ระดับการป้องกันการเข้ารักษาในโรงพยาบาลที่เกิดจากเชื้อโอไมครอน BA.4/BA.5 ที่ 88.5%
โดยสรุปแล้ว ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า จากการใช้งานจริง ประสิทธิผลของวัคซีนโมเดอร์น่า เข็มที่สามหรือเข็มที่สี่ต่อการติดเชื้อโอไมครอนอยู่ในระดับปานกลาง แต่ระดับการป้องกันอาการรุนแรงของโรคจากวัคซีนโมเดอร์น่าเข็มที่สาม-สี่ ยังอยู่ในระดับที่สูงอยู่ เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ที่บ่งชี้ถึงประโยชน์และบทบาทของวัคซีนในภาวะที่มีการระบาดของโควิด-19
อนึ่งสำหรับในสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมา ทางรัฐบาลได้ออกประกาศแนวทางการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง โดยระบุว่าสามารถใช้วัคซีน โควิด-19 ประเภท mRNA ทั้งสูตรปัจจุบัน และสูตรปรับปรุงใหม่ที่มีส่วนประกอบของวัคซีนสูตรปัจจุบันกับวัคซีนที่มีโอไมครอนอย่างละครึ่งเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับฤดูใบไม้ร่วงนี้ได้ เนื่องจากคณะกรรมการด้านการฉีดวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกันโรค ได้ข้อสรุปว่าวัคซีนทั้งสองสูตรจะช่วยเพิ่มการป้องกันได้เป็นอย่างดี แม้ว่าวัคซีนสูตรผสมจะผลิตแอนติบอดีต่อโอไมครอนบางสายพันธุ์ในระดับที่สูงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ควรชะลอเวลาการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นพื่อรอรับวัคซีนสูตรผสม เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นในเวลาที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยที่รุนแรงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้
p