องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเตรียมหยุดให้บริการรถเมล์ 4 เส้นทาง 10 ต.ค.นี้ ปิดตำนานเส้นทางทำเงิน สาย 140 แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ คนแน่นทุกวันทำงาน เหตุประมูลสู้เอกชนไม่ได้
วันนี้ (6 ต.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เตรียมหยุดการเดินรถโดยสาร 4 เส้นทาง ตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. 2565 เป็นต้นไป ได้แก่ สาย 34 รังสิต-หัวลำโพง (ทางด่วน), สาย 82 ท่าน้ำพระประแดง-บางลำพู, สาย 88 วัดคลองสวน-ลาดหญ้า และสาย 140 แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) เนื่องจากรถโดยสารเอกชนสามารถจัดเดินรถโดยสารในเส้นทางดังกล่าวได้ตามปกติแล้ว ส่งผลทำให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และบัตรโดยสาร ขสมก.ทุกประเภท ไม่สามารถใช้บัตรดังกล่าวกับรถโดยสารเอกชนได้อีกต่อไป แต่ผู้ถือบัตรเครดิตและบัตรเดบิต หากเส้นทางดังกล่าวมีเครื่องรับชำระค่าโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ของเอกชน สามารถใช้งานได้ตามที่บริษัทกำหนด
โดยเฟซบุ๊ก "ขสมก.พร้อมบวก" ได้ประชาสัมพันธ์หยุดการเดินรถโดยสารทั้ง 4 เส้นทาง พบว่ามีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งต่างรู้สึกเสียดาย และวิจารณ์ว่าบางเส้นทางเป็นรถธรรมดา หรือรถร้อน เปลี่ยนเป็นรถปรับอากาศทั้งหมด ทำให้กระทบต่อผู้มีรายได้น้อย
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สาเหตุที่ ขสมก.หยุดการเดินรถทั้ง 4 เส้นทางดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกเป็นผู้กำกับดูแลรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง (หมวด 1) ตามมติคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2559 โดยให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเดิมเมื่อวันที่ 11 ม.ค. 2526 ที่ของเดิม ขสมก.เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงรายเดียว และรถเอกชนร่วมบริการจะต้องทำสัญญาเดินรถกับ ขสมก.เท่านั้น ส่งผลทำให้ ขสมก.ถูกลดสภาพเหลือเพียงแค่ผู้ประกอบการรายหนึ่งเท่านั้น มีศักดิ์เทียบเท่ากับผู้ประกอบการเอกชน โดยมีกรมการขนส่งทางบกใหญ่ที่สุดเป็นผู้กำกับดูแลแต่เพียงผู้เดียว
ต่อมากรมการขนส่งทางบกได้ประกาศให้ผู้ประกอบการเดินรถที่ประสงค์จะขอใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง เส้นทางหมวด 1 ตามแนวทางการปฏิรูปรถโดยสารประจำทางในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง จำนวน 77 เส้นทาง เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 2564 ผลปรากฏว่า บริษัท ไทยสมายล์บัส จำกัด ได้รับอนุมัติให้ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ด้วยรถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดที่มีเส้นทางต่อเนื่อง จากคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง ลงวันที่ 24 มี.ค. 2565 รวมจำนวน 71 เส้นทาง จากทั้งหมด 77 เส้นทาง โดยไทยสมายล์บัสต้องนำรถเข้าดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถ พร้อมทั้งจัดเดินรถตามเงื่อนไขภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ซึ่งจะต้องเริ่มทำการเดินรถทั้ง 71 เส้นทางในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้
ส่งผลทำให้ผู้ประกอบการรายเดิม ได้แก่ ขสมก. รวมทั้งรถร่วมบริการ ขสมก.รายเดิม ต้องหยุดการเดินรถโดยสารในที่สุด โดยรถประจำทางสาย 140 แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางทำรายได้ของ ขสมก.อยู่ในสังกัดกลุ่มงานปฏิบัติการเดินรถที่ 3 เขตการเดินรถที่ 5 (กปด.35) อู่แสมดำ มีรถโดยสารให้บริการรวม 45 คัน ได้แก่ รถโดยสารยูโรทู (สีส้ม) จำนวน 16 คัน และรถโดยสารเอ็นจีวี (สีฟ้า) จำนวน 29 คัน โดยในช่วงเช้าและเย็นวันทำงาน จันทร์-ศุกร์ จะพบว่ามีผู้โดยสารหนาแน่นเนื่องจากเป็นรถขึ้นทางด่วน
อย่างไรก็ตาม ในบรรดาเส้นทางเดินรถที่กรมการขนส่งทางบกนำมาประมูล 77 เส้นทาง พบว่ามี 28 เส้นทางที่ ขสมก.เป็นผู้ประกอบการเดินรถรายเดิม บางเส้นทางทำรายได้หลักให้ ขสมก. เช่น สาย 4-23E (สาย 140 เดิม) แสมดำ-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน), สาย 3-45 (สาย 77 เดิม) พระราม 3-สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (จตุจักร), สาย 4-61 (สาย 515 เดิม) ศาลายา-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, สาย 4-46 (สาย 84 เดิม) วัดไร่ขิง-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ฯลฯ ที่ผ่านมาสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ขสมก.เคยออกมาเปิดเผยว่า การประมูลเส้นทาง 77 เส้นทาง ขสมก. ประมูลเส้นทางเดิม 28 เส้นทางไม่ได้เพราะไม่มีรถใหม่ ทำให้เอกชนเป็นผู้ได้เส้นทางนั้นไปครอง ทั้งที่ผ่านมาได้เรียกร้องให้กระทรวงคมนาคม และรัฐบาลเร่งรัดจัดหารถใหม่มาแล้วหลายครั้ง