นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล เผยเคสของคนไข้รายหนึ่งถูกฝอยขัดหม้อ ยาวประมาณ 1.46 เซนติเมตร ที่ปนมาในหมูกระทะแทงในลำคอ จนต้องผ่าตัดฉุกเฉิน แนะหากรับประทานอาหารควรต้องระวังมากขึ้น
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. เฟซบุ๊ก “Arak Wongworachat” หรือ นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล ได้ออกมาโพสต์เผยเคสของคนไข้รายหนึ่งที่กินเศษฝอยขัดหม้อที่ปนมาในอาหารแทงในลำคอ จนต้องผ่าตัดฉุกเฉิน โดย นพ.อารักษ์เล่าว่า "เตือนภัยฝอยเหล็กขัดหม้อปนในอาหารแทงในลำคอต้องผ่าตัดฉุกเฉิน
กรณีเคสตัวอย่าง ผู้ป่วยกินอาหารนอกบ้าน หมูกระทะ ด้วยความเอร็ดอร่อย มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อจะจ่ายเงิน รู้สึกปวดในลำคอเวลากลืนน้ำลาย จึงทดลองดื่มน้ำตามเข้าไป ยิ่งปวดมากขึ้น อาหารที่รับประทานก็ไม่มีประเภทปลา กระดูกแต่อย่างใด กลับไปถึงบ้านยิ่งกลืนน้ำลายยิ่งปวดมากขึ้น ใช้ไฟฉายส่องดูในลำคอก็มองไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงตัดสินใจเข้าโรงพยาบาลสิชล
แพทย์ห้องฉุกเฉินใช้เครื่องมือส่องในลำคอก็ไม่เห็นสิ่งแปลกปลอม จึงส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ส่วนลำคอ รังสีแพทย์มองเห็นภาพรังสี อ่านผลว่ามีสิ่งแปลกปลอมคล้ายโลหะขนาดยาวประมาณ 1.46 เซนติเมตร แทงฝังลึกในส่วนลำคอส่วนลึกใกล้ฝาปิดกล่องเสียง จึงรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก เพื่อนำเข้าห้องผ่าตัดส่องกล้องชนิดพิเศษด้วยการดมยาสลบไปด้วย เนื่องจากผู้ป่วยมีอาการปวดค่อนข้างมากและเพื่อป้องกันการสำลักอาหารในระหว่างส่องกล้อง
เมื่อส่องกล้องเข้าไป เจอชิ้นส่วนฝอยเหล็กขัดหม้อทิ่มแทงฝังลึกในลำคอ ส่วนที่เรียกว่า pyriform sinus ด้านซ้าย ผ่าตัดเอาออกมาได้สำเร็จ หากปล่อยทิ้งไว้เนิ่นนาน นอกจากอาการปวดที่รุนแรงมากขึ้นจะติดเชื้อรุนแรงตามมาได้
การส่องกล้องเอาสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ส่วนลึกในลำคอต้องใช้เครื่องมือพิเศษ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัด และความพร้อมของทีม ทั้งรังสีแพทย์ วิสัญญีแพทย์ แพทย์หู คอ จมูก และแพทย์ฉุกเฉิน รวมถึงทีมพยาบาล รับประทานอาหารต้องระวังมากขึ้น"