xs
xsm
sm
md
lg

เผยหญิงกล้าแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทวงความเป็น “เมีย” จากพระมหากษัตริย์! ที่มาของวัดกลางกรุง!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค


สมเด็จพระจอมเกล้าฯ กับสมเด็จพระนางรำเพย
เป็นที่ทราบกันว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นพระราชโอรสองค์โตในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยที่ประสูติจากพระมเหสี มีสิทธิในราชบัลลังก์โดยตรง แต่ก่อนจะสิ้นรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯยังทรงเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎฯ มีพระชนม์ ๒๐ พรรษา ส่วน หม่อมเจ้าชายทับ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ พระราชโอรสที่ประสูติจากพระสนมก่อนขึ้นครองราชย์ มีพระชนม์ ๓๗ พรรษาแล้ว และช่วยพระราชบิดาบริหารราชการมาตลอด ฉะนั้นเพื่อความเหมาะสม ขณะที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯประชวรหนัก จึงโปรดฯให้เจ้าฟ้ามงกุฎฯผนวชอย่างกระทันหัน เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯสวรรคต ขุนนางข้าราชการจึงอัญเชิญกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ขึ้นครองราชย์ เป็นพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ส่วนเจ้าฟ้ามงกุฎฯทรงผนวชอยู่ตลอดรัชกาลที่ ๓ เป็นเวลาถึง ๒๗ ปี

ก่อนที่เจ้าฟ้ามงกุฎฯจะผนวชนั้น ทรงมีเจ้าจอมอยู่แล้ว คือเจ้าจอมมารดาน้อย ธิดาของพระอินทอำไพ หรืออดีตสมเด็จเจ้าฟ้าทัศไภย พระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และให้ประสูติพระโอรส ๒ พระองค์ องค์โตมีพระชันษา ๒ ปี องค์น้อย ๒ เดือนเมื่อพระบิดาผนวช ส่วนเจ้าจอมมารดาน้อยก็ต้องร้างพระสวามีถึง ๒๗ ปี

เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๓ เจ้าฟ้ามงกุฎได้รับการทูลเชิญให้ลาผนวชจากเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศ มาขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๔ ทรงสถาปนาพระราชโอรสทั้ง ๒ ที่ประสูติก่อนทรงผนวช องค์โต หม่อมเจ้าชายนพวงศ์ ขึ้นเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส องค์รอง หม่อมเจ้าชายสุประดิษฐ์ เป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร

ในรัชกาลนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้มีการแต่งตั้งภรรยาเจ้าเป็นพระอัครมเหสีอย่างเป็นทางการตามแบบสากล ทรงสถาปนาพระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระเจ้าหลานเธอในรัชกาลที่ ๓ ขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ในที่สมเด็จพระนางนาฏบรมอรรคราชเทวี แต่ไม่ถึงปี สมเด็จพระนางเธอโสมนัสฯประชวรสิ้นพระชนม์ จึงทรงสถาปนาหม่อมเจ้ารำเพยขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ในที่สมเด็จพระนางนาถราชเทวี ซึ่งต่อมาก็คือสมเด็จพระเทพศิรินทรา บรมราชินี พระราชมารดาในรัชกาลที่ ๕ และยังทรงมีพระสนมอีกมาก แต่เจ้าจอมมารดาน้อย “เมียคนแรก” ไม่ได้รับโปรดเกล้าฯแต่อย่างใด

ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ได้ทรงบูรณะพระราชวังบางปะอินซึ่งสร้างมาแต่สมัยพระเจ้าปราสาททอง จึงมีการเสด็จไปประทับพักผ่อนพระอิริยาบถที่พระราชวังบางปะอินเป็นประจำ ครั้งหนึ่งเสด็จล่องเจ้าพระยาไปเป็นขบวนใหญ่ มีเจ้าจอมหลายคนตามเสด็จ แต่ไม่มีเจ้าจอมมารดาน้อยไปด้วย จึงได้เกิดเหตุการณ์ทวงความเป็นเมียขึ้น

จากพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีข้อความว่า

“...ข้าออกเรือกระบวรมาจากตำหนักน้ำ ขึ้นมาถึงวัดเขมาตลาดแก้ว เวลาเช้า มีเรือเก๋งลำหนึ่งพายตามขึ้นมา แข่งเรือที่นั่งของข้า เกินหน้าเรือตำรวจ เรือที่นั่งรองทุกลำ แข่งจนเก๋งเคียงเรือกันยาเรือที่นั่ง แต่แรกข้าสำคัญว่านางหนูลูกรำเพยจะร้องไห้ มารดาจะให้เอาใส่เรือเก๋งขึ้นมาส่งให้ข้ากระมัง ข้าจึงร้องถามไปว่าเรือใคร เรือนั้นมีม่านบังมิด มีผู้หญิงนั่งท้ายหลายคน เรือตำรวจตามไปก็สำคัญว่าเรือข้างในในกระบวน จึงไม่มีใครห้ามปล่อยให้พายขึ้น สรรเพธภักดีร้องถามหลายคำก็ไม่บอก ข้าถามหลายคำว่าอะไรๆ เรือใครก็ไม่บอก บ่าวผู้หญิงข้างท้ายก็หัวร่อเยาะด้วยบานเต็มที่ จนคนในเรือที่นั่งโกรธว่าหัวร่อเยาะ ข้าคิดจะเอาปืนยิงตามกฎหมาย ก็กลัวจะถูกคนตายเขาจะลือไปว่าดุร้ายใจเบาทำคนตายง่ายๆ พายแข่งไล่เรือที่นั่งอยู่นาน เห็นผิดทีแล้ว จึงได้ร้องให้ตำรวจไล่จับ ครั้นเรือไปจับจะฉุดเรือมาจึงพายหนีห่างออกไป ไล่ไปไกลจึงได้ตัวเรือมา ได้

ความว่าเป็นเรือมารดากรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส มาทำหน้าเป็นเล่นตัว ล้อข้าต่อหน้าธารกำนัล น่าชังนักหนา ข้าสั่งให้พระอินทรเทพจับคุมเรือลงมาส่ง ตัวนายเข้ามาให้จำไว้ บ่าวให้จำไว้ข้างหน้า ข้าได้เขียนหนังสือมาให้กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาสทราบแล้ว ได้มีไปสั่งถึงท้าวศรีสัจจา ท้าวโสภสนิเวศน์ ให้เอาตัวจำไว้ให้มั่นคงกว่าข้าจะกลับลงไป อยากจะใคร่ให้เอาๆตัดหัวเสียตามสกุลพ่อมัน แซ่นี้มักเป็นเช่นนั้นเหมือนคุณสำลี มันไม่เจียมตัวว่าชั่ว มันยังถือตัวว่าเป็นเมียข้า มันจึงตามมาล้อต่อหน้าเมียใหม่ๆ สาวๆ เปนเจ้าเปนนายเมื่อจับมันร้องว่าจะไปตามเสด็จกรุงเก่าด้วย...”

ทรงกริ้วมากจนบริภาษอย่างรุนแรงไปถึงพระราชสกุลฝ่ายบิดาของเจ้าจอมด้วย และรับสั่งให้จำคุกไว้ในวังหลวง แต่ต่อมาพระราชโอรสได้กราบทูลขอพระราชทานอภัยโทษแก่พระมารดา เจ้าจอมมารดาน้อยจึงได้รับอิสรภาพ ต่อมาก็ถึงแก่อนิจกรรม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯโปรดเกล้าฯให้พระราชทานเพลิงศพที่สวนท้ายวังของกรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร และโปรดให้สร้างวัดขึ้นที่บริเวณนั้น แต่ยังไม่ทันลงมือสร้างกรมหมื่นวิษณุนาถฯได้สิ้นพระชนม์เสียก่อน จึงโปรดเกล้าฯให้กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาสทรงสร้าง แต่กรมหมื่นมเหศวรฯก็สิ้นพระชนม์ในปี ๒๔๑๐ ขณะที่วัดยังสร้างโบสถ์และวิหารไม่เสร็จ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯจึงโปรดเกล้าฯให้พระยาราชสงครามเป็นผู้อำนวยการสร้างต่อจนสำเร็จ พระราชทานนามว่า “วัดตรีทศเทพ” มีความหมายว่า “วัดที่เทพสามองค์เป็นผู้สร้าง”

นั่นก็คือ วัดตรีทศเทพ ที่ถนนประชาธิปไตย ใกล้สี่แยกวิสุทธิ์กษัตริย์ในปัจจุบัน เป็นที่ระลึกถึงเจ้าจอมมารดาน้อย หญิงที่กล้าทวงสิทธิ์ความเป็น “เมีย” จากพระมหากษัตริย์

สมเด็จพระจอมเกล้าฯกับพระนางรำเพย พร้อมพระราชโอรส

กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส

กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร
กำลังโหลดความคิดเห็น