ญาติคนไข้โพสต์คลิปลงติ๊กต็อกด่าหมอโรงพยาบาลรัฐ ทำนองถ้ามีเงินคงไม่มาหาหมอแบบนี้ เจอพ่อหมอเป็นทนายสุดทนฟ้องไปเลย 4 ข้อหา เรียกค่าเสียหาย 3 แสน ระบุคำฟ้องขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก เพราะมีเจตนาทำลายชื่อเสียงชัดเจน ระบุไม่ได้โกรธแค้นแต่เป็นบรรทัดฐาน อย่าถ่ายคลิปถ่ายภาพขณะรักษาพยาบาลอีก
วันนี้ (17 ก.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในโลกโซเชียลฯ มีผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่งโพสต์วิดีโอคลิปวิจารณ์การทำหน้าที่ของแพทย์โรงพยาบาลยโสธร พร้อมกับข้อความระบุว่า "ถ้ามีเงินคงไม่มาหาหมอแบบนี้ค่ะ อยากมีเงินรักษาที่อื่นเหมือนกันค่ะ รักษาที่นี่คงต้องทำใจ" จากคลิปเป็นการสนทนาบางช่วงบางตอนของแพทย์รายหนึ่ง กล่าวว่า "ถ้าอยากรักษาเพิ่มเติมหรือว่าอยากไปที่อื่นต่อก็บอกได้นะคะ" ญาติผู้ป่วยจึงกล่าวว่า "อ๋อค่ะ จะไล่เหรอคะ" แพทย์จึงกล่าวว่า "ไม่ได้ไล่ค่ะ บอกเบื้องต้น" ญาติผู้ป่วยจึงกล่าวว่า "ได้ค่ะ ได้ค่ะ แต่ถ้าเกิดมีที่อื่นที่ดีกว่า ถ้าเรามีเงินเราก็จะไป" แพทย์จึงกล่าวว่า "ไม่ใช่ หมายถึงว่าถ้าอยากรักษาที่แบบว่า ถ้าคิดว่าตรงนี้รักษาไม่พอหรือว่ายังไง" ญาติผู้ป่วยจึงกล่าวว่า "คือเรายังไม่ได้คิดนะคะ แต่คือขอให้หมอทำเต็มที่ก่อนนะคะ" แพทย์กล่าวว่า "ทำเต็มที่แล้วค่ะ" ญาติผู้ป่วยจึงกล่าวว่าให้รีบรักษา แพทย์จึงกล่าวว่า รักษาอยู่ค่ะ และไม่อยากให้คนไข้เครียด
ทวิตเตอร์ @redskullxxx โพสต์วิดีโอคลิปดังกล่าว ระบุว่า "ญาติผู้ป่วยถือกล้องแล้วมีพลังเสมอ สงสารหมอเจอญาติผู้ป่วยประสาทแดก อัดคลิปกะให้มวลมหาประชาชนติ๊กต๊อกฟาดหมอ สุดท้ายทัวร์ลงตัวเองยับต้องลบคลิป พวก...นี่ต้องส่งไปให้รักษากับหมอผีโน่น เท่าที่กูเจอมาพวกยกกล้องแล้วดรามากับหมอ 90% ส่วนใหญ่จะบ้งเหมือนโพสต์นี้ล่ะ" และกล่าวว่า ล่าสุดทัวร์ลงจนพ่ายแพ้ลบคลิปไปแล้ว ขณะที่บิดาของแพทย์คนดังกล่าวคอมเมนต์ว่า "ไปเจอกันที่ศาลครับ ลบแล้วก็ไม่พ้นครับ ความผิดสำเร็จแล้ว บังเอิญพ่อหมอเป็นทนาย"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
ปรากฏว่าเมื่อวานนี้ (16 ก.ย.) นายธรัช โคตรสมบัติ หรือทนายโบตั๋น อายุ 53 ปี บิดาของ พญ.ศศินา โคตรสมบัติ หรือหมอฟ้า แพทย์ประจำโรงพยาบาลยโสธร นำคลิปดังกล่าวเข้ายื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดยโสธร เพื่อดำเนินคดีต่อเจ้าของคลิป เพศหญิง อายุ 42 ปี ชาว อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ซึ่งเป็นญาติของผู้ป่วยซึ่งเป็นสามี และกำลังรักษาด้วยอาการเส้นเลือดในสมองตีบ พูดไม่ได้ ในข้อหาดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าด้วยการโฆษณา หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ ปี 2550 และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ปี 2562 พร้อมเรียกค่าเสียหายแก่จำเลย 300,000 บาท
นอกจากนี้ ในคำฟ้องระบุว่า "โจทก์ขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานหนัก เนื่องจากจำเลยมีเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงของตัวโจทก์ ลดคุณค่า ด้อยคุณค่า ลดศักดิ์ศรีวิชาชีพแพทย์ที่โจทก์กำลังตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ โดยที่จำเลยได้เตรียมการในการอัดคลิปวิดีโอนำมาเผยแพร่บนโลกออนไลน์ ซึ่งแพร่กระจายไปอย่างไร้ขอบเขตทั่วโลก เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของโจทก์ ทั้งๆ ที่โรงพยาบาลยโสธร ได้ติดประกาศห้ามการถ่ายภาพบุคลากรทางการแพทย์ขณะทำการรักษาผู้ป่วยไว้ทั่วไป ซึ่งหากกระแสสังคมออนไลน์ไม่ตีกลับ โจทก์คงจะได้รับความอับอายอย่างแสนสาหัสจนไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพแพทย์ที่โรงพยาบาลของรัฐได้ และเมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วจำเลยยังไม่มีท่าทีว่าลบคลิปที่จำเลยโพสต์ หากจำเลยไม่ได้พูดคุยกับหัวหน้างานของโจทก์"
เบื้องต้นศาลยโสธรได้ประทับรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.2357/2565 โดยนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 14 พ.ย. 2565 เวลา 13.00 น.
นายธรัชกล่าวว่า ขอบคุณประชาชนทั่วประเทศและชาวโซเชียลฯ ที่ส่งกำลังใจมาให้หมอฟ้า ซึ่งหมอฟ้าเป็นแพทย์จบใหม่ บรรจุรับข้าราชการมาได้เพียง 3 เดือน ก็ถือว่าได้รับรู้รสชาตินอกรั้วมหาวิทยาลัยว่าไม่ได้สวยงาม ซึ่งในการทำงานต่อไปก็คงจะต้องมีความระมัดระวังยิ่งขึ้น ขอบคุณทีมผู้บริหารโรงพยาบาลยโสธรที่ลงมาแก้ปัญหาได้ทันท่วงที และให้กำลังใจหมอฟ้าให้มีความเข้มแข็งในการทำงานเพื่อคนไข้ต่อไป ขอบคุณบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาลยโสธร และทั่วประเทศที่ส่งกำลังใจมาให้ทุกช่องทาง ตนในฐานะพ่อและทนายความได้มายื่นฟ้องญาติผู้ป่วยในวันนี้ ไม่ได้มีความโกรธแค้น แต่เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้แก่ประชาชน ควรคิดให้ดีก่อนที่จะกระทำการใดๆ เพื่อเป็นการขัดขวางการรักษาผู้ป่วยของแพทย์และพยาบาล รวมถึงการถ่ายภาพผู้ป่วยและแพทย์ที่ทำการรักษาพยาบาล เป็นสิ่งที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม
อย่างไรก็ตาม ตน หมอฟ้า และครอบครัว ฝากความห่วงใยไปยังสามีของจำเลย ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้อาการป่วยขอให้หายเป็นปกติดีวันดีคืน ส่วนจำเลยที่กระทำความผิดก็จะต้องต่อสู้คดีตามกฎหมาย ส่วนจะผิดข้อหาอะไรบ้างขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ฝากเตือนประชาชน ญาติผู้ป่วย หรือผู้ป่วยเอง หากฝ่าฝืนกฎกติกาในเรื่องการถ่ายภาพผู้ป่วย หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำการรักษาผู้ป่วยอยู่นั้น ถือว่านำเข้าข้อมูลด้านสุขภาพมาเผยแพร่ ในประการที่น่าจะทำให้เสียหายต่อผู้ป่วยหรือบุคลากรทางการแพทย์ ก็น่าจะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ อยากให้เป็นบรรทัดฐาน เพื่อให้ประชาชนไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น นอกจากนี้ ยังถือว่าเป็นการขัดขวางการรักษาผู้ป่วยของบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์หรือพยาบาลอีกด้วย
"ฝากความห่วงใยบุคลากรทางการแพทย์ที่กำลังทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นหมอจบใหม่ หรือหมอเก่า หรือว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์ต่างๆ หรือว่าหมอฟ้าเอง บางวันก็เข้าทำงาน เข้าเวรอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง พักแค่ 3 ชั่วโมงก็มาทำงานต่อ แต่เป็นหน้าที่ วิชาชีพที่เลือกแล้ว" นายธรัช กล่าว
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เมื่อวันที่ 9 ก.ย. เวลาประมาณ 01.00 น. หมอฟ้าโทรศัพท์คุยกับพ่อและร้องไห้ เล่าว่าญาติคนไข้ได้เข้ามาผลักตน เมื่อทราบเรื่องจึงเดินทางมาที่โรงพยาบาล ปลอบใจลูกขอให้อดทน ซึ่งหมอฟ้าต้องดูแลคนไข้ที่ตึกอายุรกรรม 4 ชั้น มากถึง 60-70 คน ก่อนจะทราบภายหลังว่าทางญาติคนไข้เอาคลิปไปลงติ๊กต็อก แล้วก็เอาคลิปอีก 3-4 คลิปไปลงเฟซบุ๊ก ภายหลังได้พูดกับญาติคนไข้ พบว่าได้แต่ขอโทษแล้วก็ลบคลิป จึงเป็นที่มาของการฟ้องดำเนินคดีต่อเจ้าของคลิปดังกล่าว เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของลูกสาว รวมถึงศักดิ์ศรีของหมอ และบุคลากรทางการแพทย์