"ดร.เสรี ศุภราทิตย์" ชี้ฝนตกน้ำท่วมตอนนี้แค่ฉากแรก ปลาย ก.ย.จะได้รับอิทธิพลของพายุทำให้รุนแรงขึ้น พอ ต.ค. เจอน้ำหนุนเข้ามาอีก แต่โชคดีน้ำเหนือไม่ระดมเข้ามา แนะผู้ว่าฯ กทม.ไม่ต้องตระเวนลงพื้นที่ อยู่บัญชาการศูนย์กลางดีกว่า ได้เห็นภาพรวม และต้องเด็ดขาดกับ ผอ.เขต
วันที่ 13 ก.ย. 2565 รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต ให้สัมภาษณ์ในรายการ "คนเคาะข่าว" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง "นิวส์วัน"
รศ.ดร.เสรีกล่าวในช่วงหนึ่งว่า ฝนตกตอนนี้เรายังไม่เจออิทธิพลของพายุเข้ามาโดยตรง สัปดาห์ที่ 4 ของเดือนนี้จะเริ่มมีผล พายุก่อตัวและส่งผลกระทบต่อภาคกลางตอนบน อีสานกลาง อีสานล่าง เรากังวลว่าที่ผ่านมาฝนที่ตกแค่เตือนเฉยๆ
ร่องฝนจากนี้ต่อไปมันจะรุนแรงและยาวนานกว่าเดิม โดยเฉพาะภาคใต้ยาวไปถึง พ.ย. ภาคกลางอาจจะยาวถึงปลาย ต.ค. ประมาทไม่ได้ต้องเตรียมความพร้อม
นอกจากนี้ ประมาณสัปดาห์ที่ 2 ของ ต.ค. จะเริ่มมีอิทธิพลของน้ำหนุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้การระบายน้ำยากมากขึ้น แต่โชคดีอย่างหนึ่ง คือน้ำเหนือกับฝนตกหนักภาคเหนือไม่ระดมเข้ามา มาในระดับที่สามารถจัดการน้ำเหนือได้ แต่ที่กังวลคือน้ำฝนมากกว่า
รศ.ดร.เสรีกล่าวอีกว่า ปีนี้ทุกภาคฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทุกครั้งที่ฝนตกมาไม่มีที่ให้น้ำอยู่ ไม่มีที่ให้ซึมซับน้ำ ประชาชนที่อยู่ริมคลองเสี่ยงสูง ต้องระวังอันดับแรก
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. จะประชุมร่วมกับตนวันที่ 17 ก.ย.นี้ แถวคลองมหาสวัสดิ์ ปัญหาที่ตนจะนำเสนอคือ น้ำในคลองย่อยๆ ต่างๆ น้ำพวกนั้นเป็นน้ำนิ่งเน่าเสีย เนื่องจากพอน้ำหนุนก็ปิดประตูน้ำ บวกน้ำเสียจากบ้านเรือน มันก็ไม่ระบายออก ถ้าฝนตกน้ำท่วม ประชาชนก็อยู่กับน้ำเสีย
อีกปัญหาคือ ผู้ว่าฯ ต้องเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในภาพรวม ไม่จำเป็นต้องไปทีละจุด วันๆ หนึ่งก็หมดเวลาแล้ว แต่ต้องใช้มาตรการเด็ดขาดกับ ผอ.เขต เพราะ ผอ.เขตถือว่าเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ในท้องที่ ถ้า ผอ.เขตไม่พร้อม แล้วเกิดปัญหา ต้องออกไปให้คนอื่นมาทำแทน ไม่อย่างนั้นแล้วเกิดปัญหา ผู้ว่าฯ คนเดียวรับผิดชอบไม่ไหวหรอก
ต้องสั่งการ บัญชาการ ไม่ต้องไปอยู่ในเหตุการณ์ เพราะทุกครั้งเวลาไปจะเป็นภาระต่อคนทำงาน อยู่บัญชาการศูนย์กลางจะดีมาก ได้เห็นภาพรวมทั้งหมด
รศ.ดร.เสรีกล่าวต่ออีกว่า ในระยะสั้นนี้ฝนตกเมื่อไหร่น้ำก็จะท่วมอยู่แบบนี้ ส่วนระยะยาวต้องดูระบบระบายน้ำ แต่สิ่งที่จะทำให้เราแพ้ราบคาบเลยคือน้ำทะเลที่สูงขึ้น ในอนาคต 30-50 ปี กทม.จะไม่อยู่ในแผนที่โลกแล้ว ถ้าไม่ทำอะไร