คุณแม่เผย คลิปลูกชายหัวเราะบ่อย หลงคิดว่าลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี สุดท้ายหาหมอ พบเนื้องอกหัวเราะ มีอาการหัวเราะเองโดยไม่มีสาเหตุ หัวเราะต่อเนื่องนาน และชัก
วันนี้ (10 ก.ย.) ผู้ใช้บัญชี TikTok "@poyautchara" ได้แชร์คลิปวิดีโอสุดน่ารักของลูกชาย ซึ่งในภาพจะเห็นเด็กชายที่หัวเราะอย่างสดใสไม่หยุด ในหลายๆ สถานที่และเหตุการณ์ โดยผู้เป็นแม่ระบุข้อความบนคลิปวิดีโอว่า "เมื่อเสียงหัวเราะของลูกเป็นเสียงที่เราไม่อยากได้ยินอีกต่อไป Hypothalamic Hamartoma เนื้องอกหัวเราะ จุดกำเนิดอาการชักแบบหัวเราะ เด็กจะหัวเราะเองโดยไม่มีสาเหตุ หัวเราะต่อเนื่องนาน ลูกหัวเราะแบบนี้มานานมาก หลงคิดว่าลูกเป็นเด็กอารมณ์ดี ขอโทษนะครับ ขอโทษที่ทำให้ลูกเกิดมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้ ไม่ใช่คอนเทนต์แต่นี่คือชีวิตจริง เป็นคลิปที่นองน้ำตา สู้ไปด้วยกันนะลูก พร้อมติดแฮชแท็ก #เนื้องอก #เนื้องอกในสมอง #เนื้องอกหัวเราะ #ชัก
ทั้งนี้ หลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งให้กำลังใจคุณแม่และลูกชายจำนวนมาก พร้อมขอให้การรักษาราบรื่นและผ่านไปอย่างปลอดภัย บางส่วนยังได้สอบถามเพิ่มเติมว่า ทั้งคุณพ่อคุณแม่เริ่มสงสัยได้อย่างไรว่าน้องเริ่มมีอาการผิดปกติ
ด้านกรมการแพยท์ได้ออกมาให้ความรู้จากกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า "อาการชักแบบหัวเราะพบได้ตั้งแต่กำเนิดในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี มีอาการหัวเราะแบบไม่มีเหตุผล เป็นพักๆ เสียงหัวเราะไม่ได้เกิดจากความขบขัน หรือมีความสุข และอาจจะตามด้วยอาการชักแบบอื่นๆ ได้ เช่น เหม่อไม่รู้ต้ว เกร็งกระตุกทั้งตัว โดย นายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อาการชักแบบหัวเราะ หรือ Gelastic seizure เป็นอาการชักชนิดหนึ่งซึ่งพบไม่บ่อย เกิดได้ตั้งแต่เด็ก มักจะเกิดจากความผิดปกติแต่กำเนิดของสมองส่วนไฮโปธาลามัส ลักษณะคล้ายเนื้องอก เรียกว่า hypothalamic harmatoma อุบัติการณ์ของอาการชักแบบหัวเราะที่เกิดจาก Hypothalamic harmatoma ในการศึกษาต่างประเทศ พบประมาณ 1 ต่อ 2 แสนในประชากรอายุน้อยกว่า 20 ปี
อาการชัก มักจะเริ่มในขวบปีแรก แต่บางรายอาจจะเริ่มอาการในช่วงเด็กโตได้ ลักษณะคือ หัวเราะแบบไม่มีเหตุผล เป็นพักๆ เสียงหัวเราะไม่ได้เกิดจากความขบขัน หรือมีความสุข ในเด็กโตบางครั้งอาจจะสามารถบอกว่ามีสัญญาณเตือนก่อนมีอาการหัวเราะได้ เช่น ความรู้สึกแปลกๆ เป็นต้น อาการชักแบบหัวเราะมักจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ประมาณ 30-45 วินาที และอาจจะตามด้วยอาการชักแบบอื่นๆ ได้ เช่น เหม่อไม่รู้ต้ว เกร็งกระตุกทั้งตัว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อาการชักแบบหัวเราะยังอาจจะพบเกิดจากพยาธิสภาพส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากไฮโปธาลามัสได้เช่นกัน ได้แก่ สมองส่วนหน้า ส่วนขมับ เป็นต้น
นายแพทย์ ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา เปิดเผยว่า เนื่องจากอาการดังกล่าวอาจจะสับสนกับอาการพฤติกรรมผิดปกติในเด็กที่มีปัญหาพัฒนาการ สมาธิสั้น หรือออทิสติกร่วมด้วย ทำให้การวินิจฉัยล่าช้าได้ สิ่งที่สำคัญของการวินิจฉัย คือการสังเกตอาการของเด็กจากบุคคลใกล้ชิด หรือการถ่ายวิดีโออาการดังกล่าวเมื่อมาปรึกษาแพทย์ จะช่วยในการวินิจฉัยได้ การตรวจวินิจฉัยที่สำคัญคือ การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง เพื่อวินิจฉัยแยกอาการชักหรือไม่ใช่อาการชัก และการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) และเน้นบริเวณ hypothalamus เพื่อหาความผิดปกติของเนื้อสมองบริเวณไฮโปธาลามัส หรือตำแหน่งอื่นๆ ที่อธิบายอาการชักได้ชัดเจน การรักษาอาการชัก เริ่มต้นด้วยการใช้ยากันชักที่รักษาอาการชักชนิดเฉพาะที่
อย่างไรก็ตาม โรคลมชักที่เกิดจาก hypothalamic harmatoma มักจะคุมชักได้ยากแม้จะใช้ยากันชักหลายชนิด ดังนั้น การรักษาที่เหมาะสมคือการผ่าตัดเอาเนื้อสมองส่วน harmatoma ออก ซึ่งเป็นการผ่าตัดสมองในส่วนลึกและผ่าตัดยาก ถือเป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน แต่สามารถทำให้โรคลมชักหายขาดได้เมื่อผ่าตัดสำเร็จ นอกจากนี้อาจจะมีการใช้รังสีรักษาเฉพาะที่ แต่ไม่ค่อยพิจารณาทำในเด็ก ในเด็กที่มี hypothalamic harmatoma อาจพบภาวะเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย หรือความผิดปกติของฮอร์โมนอื่นๆ ร่วมด้วย เนื่องจากความผิดปกติของสมองส่วน hypothalamus จะเกี่ยวข้องกับฮอร์โมน ดังนั้นการรักษาโรคนี้จึงต้องติดตามภาวะฮอร์โมนที่ผิดปกติร่วมด้วยเสมอ"