คุณแม่แชร์ประสบการณ์ พ่อเข้าสนามเด็กเล่นดังเป็นเพื่อนลูกสาวแต่กลับได้รับบาดเจ็บหนัก หมอระบุกระดูกทับเส้นประสาท 2 ข้อ ล่าสุดยังขับถ่ายเองไม่ได้ และไม่สามารถเดินได้ เผยทางสนามเด็กเล่นขอรับผิดชอบจ่ายเพียง 10% ตั้งคำถามมันสมเหตุสมผลไหมกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
เมื่อวันที่ 3 ก.ย. เฟซบุ๊ก "Punya Hansivathip" ได้โพสต์เรื่องราวเพื่อเป็นอุทาหรณ์และเตือนภัยผู้ปกครองหรือพ่อแม่ ที่ตั้งใจพาลูกไปเล่นสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น หลังสามีได้เข้าไปในสนามเด็กเล่นเป็นเพื่อนลูกสาว 2 คน เพื่อไปเฝ้าระวังและดูแลความปลอดภัย แต่กลับได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขนาดขยับร่างกายไม่ได้ และต้องเข้ารับการผ่าตัด 2 ครั้ง ใน 2 สัปดาห์
โดยระบุข้อความว่า "ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไรนอกจากเตือนภัยให้พ่อแม่ทุกคนใช้เป็นอุทาหรณ์ค่ะ ครอบครัวเราพาลูกไปเล่นสวนสนุกในร่มที่เขาเคลมตัวเองว่าเป็นสนามเด็กเล่นในร่มมาตรฐานระดับโลกในวันหยุดสุดสัปดาห์ ย่านบางนา ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน พ่อเป็นคนเข้าไปเล่นกับลูกดูแลลูก ค่าบัตรสำหรับเข้าไปเล่นในเวลาสองชั่วโมงไม่ใช่น้อย กฎคือผู้ปกครองต้องเข้าไปดูแลบุตรหลาน ต้องใส่ถุงเท้าเพื่อความปลอดภัยและดูแลความสะอาด เราทำตามกฎทุกอย่าง สามีเราวิ่งตาม ดูแลลูกสาวสองคนด้วยความห่วงใย ขณะนั้นเราเดินดูเฟอร์นิเจอร์อยู่ในโซนเฟอร์นิเจอร์ สักพักเราได้รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก คนโทร.มาคือลูกสาวเราที่ขอยืมโทรศัพท์จากผู้ปกครองท่านอื่น ลูกโทร.มาบอกว่าป๊าเดินชนของเล่นล้มลุกไม่ขึ้น เรารีบวิ่งเข้าไปดู ขณะนั้นพนักงานของสวนสนุกกำลังเรียกให้ fireman มายกสามีเราออกจากจุดเกิดเหตุ แต่เรามองแล้วการหิ้วปีกสามีเราลงมาทั้งที่เกิดอาการขยับตัวไม่ได้มันเสี่ยงและอันตรายเกินไป เราจึงขอให้ทางสวนสนุกเรียกรถพยาบาล
โชคดีที่ผู้ปกครองในนั้นเป็นแพทย์ซึ่งมาคอยเฝ้าดูอาการ รถพยาบาลมาถึงใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ เมื่อถึงโรงพยาบาล สามีเราถูกพาเข้าห้องฉุกเฉินทันทีเพราะมีอาการช็อก ตัวสั่น เมื่อทำ MRI พบว่ากระดูกทับเส้นประสาท 2 ข้อ ที่เดียวกับการควบคุมการทำงานของแขนขาและการเต้นของหัวใจ ซึ่งทั้งหมดนี้มีพนักงานของสวนสนุกตามมาที่โรงพยาบาล 1 คน และหลังจากนั้นเมื่อเข้าสู่การรักษาเกือบสองเดือน ทางสวนสนุกไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ สามีเราต้องผ่าตัดถึง 2 รอบภายในเวลา 2 สัปดาห์ หลายคนคงคิดว่าเล่นผาดโผนขนาดไหนถึงอาการหนักขนาดนี้ เราบอกเลยว่ามันไม่ควรเกิดเรื่องร้ายแรงแบบนี้เลยค่ะ สามีเราไม่ได้ผาดโผน แต่เนื่องจากอุปกรณ์การเล่นออกแบบมาให้เกิดอันตราย ไม่ใช่กับผู้ใหญ่ที่ตัวสูง 176 นะคะ แม้แต่เด็กๆ ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์นี้ได้เช่นเดียวกัน ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที พ่อลูกที่ยังเล่นกันด้วยเสียงหัวเราะกลายเป็นวันที่บ้านเรามีแต่เสียงร้องไห้ทุกวัน
ในสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ เราพยายามทุกทางที่จะรักษาสามีให้เขากลับมาเดินได้ ลุกนั่งได้ด้วยตัวเอง หมดค่ารักษาและหมดจนเรียกได้ว่าหมดจริงๆ ค่ารักษาเฉพาะที่รักษาที่ รพ. รวมกัน 2.8 ล้านบาทแล้ว เรายังโชคดีที่ทำประกันสุขภาพและอุบัติเหตุไว้ มีวงเงิน 2 ล้านบาท ออกเพิ่มเอง 8 แสน (ลองคิดว่าถ้าเราไม่ได้ทำประกันไว้ ตอนนี้เราจะเป็นยังไง กลับบ้านแล้ว เรายังต้องมีค่าใช้จ่ายทั้งการกายภาพอีกไม่รู้นานเท่าไหร่ กว่าสามีเราจะกลับมาช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่ต้องคิดว่าจะกลับมาได้ 100% นะคะ การจ้างพยาบาลมาดูแล เพราะเขายังถ่ายเองไม่ได้ต้องใช้การสวนและต้องสะอาดมากที่สุดเพราะกลัวติดเชื้อ ทุกอย่างคือค่าใช้จ่ายที่หนักมากค่ะ แต่เราก็พยายามสุดความสามารถเพื่อให้เขากลับมาให้เร็วที่สุด
สวนสนุกในร่มที่บอกว่ามีมาตรฐานระดับโลก ไม่ออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งที่สถานที่ของคุณไม่ปลอดภัยเพียงพอ จุดอันตรายตรงนั้นคุณบอกว่าปกติจะมีพนักงานคอยยืนเตือน แต่วันนั้นไม่มี คุณบอกว่าจุดนี้มีคนชนบ่อย แต่คุณไม่แก้ไขและยังประมาทเลินเล่อ ปกติคุณต้องทำประกันไว้ แต่ทางประกันบอกว่าไม่สามารถจ่ายให้ได้เนื่องจากกรณีนี้ไม่เข้าข่าย ประกันเลยจ่ายไม่ได้ (ไม่เข้าใจว่าการที่ลูกค้ามาใช้บริการสถานที่ของคุณ และมีการบาดเจ็บสาหัสในสถานที่ของคุณ คุณและประกันแจ้งว่าไม่เข้าข่าย) เสี้ยววินาทีเดียวที่ครอบครัวเราเหมือนกอดคอกันตกจากตึกสูง ชีวิตเราเปลี่ยนไปหมด ลูกๆ ร้องไห้ทุกวัน เราแอบร้องไห้ทุกคืนไม่ให้ใครเห็น พยายามหาทางรักษาให้สามีกลับมาเหมือนเดิม ตัวสามีเองสภาพจิตใจก็ย่ำแย่ กลัวตัวเองจะเดินไม่ได้
เหตุการณ์นี้ไม่มีใครอยากให้เกิด ยิ่งครอบครัวเรายิ่งไม่อยากให้เกิด ถ้าเลือกได้เราไม่อยากให้เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวเราทั้งเหนื่อย ทั้งท้อแท้ ทั้งสิ้นหวัง แต่ความหวังก็คือจะทำยังไงให้สามีกลับมาเป็นปกติให้ได้มากที่สุด ถ้าลูกเราทำของเล่นคุณเสียหาย คุณเรียกร้องค่าเสียหายทันทีมิเช่นนั้นจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่เมื่ออุปกรณ์ของสวนสนุกคุณทำความเสียหายต่อชีวิตและจิตใจพวกเราขนาดนี้ คุณกลับประวิงเวลา และหิ้วกระเช้ามาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทั้งที่เหตุการณ์เกิดขึ้น 2 เดือนกว่าแล้ว และเสนอการเยียวยาโดยแจ้งว่าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของลูกค้ากับ บริษัท เลยจะจ่าย 10% ของค่ารักษาที่เกินจากประกันส่วนตัวเราจ่าย นั่นคือ เราจ่ายส่วนต่างที่ 8 แสน 10% คือ 80,000 บาท เราถามหน่อยว่า มันสมเหตุสมผลกันไหม กับความเสียหายที่เกิดขึ้น"