พนักงาน ขสมก.ครวญเครื่องสแกนบัตรไม่ได้คุณภาพ สุดรันทดวิ่งรถออกไปครึ่งทางแบตฯ หมด ต้องชาร์จแบตฯ สำรองกลางทาง พอแจ้งปัญหาไปแล้วก็โยนกันไปโยนกันมา น่ารักจริงๆ ... พบมันคือเครื่อง EDC ของแบงก์กรุงไทย นำมาให้ใช้รับบัตรคนจนเมื่อ 3 ปีก่อน หลังระบบ e-Ticket ล้มเหลว ถูกฟ้อง 1,500 ล้าน
เมื่อวันที่ 1 ก.ย. เฟซบุ๊ก "รถเมล์ไทยแฟนคลับ Rotmaethai" ได้เผยภาพการสนทนากับลูกเพจ ซึ่งคาดว่าเป็นพนักงานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ระบุว่า "อยากขอให้รถเมล์ไทยแฟนคลับช่วยเป็นกระบอกเสียงถึงผู้ใหญ่เกี่ยวกับเครื่องสแกนค่ะ ปัญหาเกี่ยวกับบัตรต่างๆ ที่ใช้ร่วมกับรถเมล์ ขสมก. 90% มาจากเครื่องสแกนที่ไม่ได้คุณภาพค่ะ วิ่งรถออกไปครึ่งทางแบตฯ หมดพนักงานต้องพกแบตฯ สำรองไว้ชาร์จกลางทางเพื่อเลี่ยงปัญหาในการแตะบัตรต่างๆ ไม่ได้ แจ้งไปที่ระบบเกี่ยวข้องต่างๆ ก็โยนกันไปโยนกันมา สุดท้ายปัญหาตกอยู่ที่พนักงาน"
เฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่า "เสียงจากพนักงาน ขสมก. เครื่องอ่านบัตรไม่มีคุณภาพ แบตเตอรี่เครื่องอ่านบัตรหมดระหว่างทาง จนต้องใช้เพาเวอร์แบงก์ชาร์จแบตฯ แจ้งปัญหาแล้วไม่แก้ไข ผลจึงตกแก่พนักงานผู้ปฏิบัติ สุดท้ายผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวก จากที่ใช้บัตรจ่าย ต้องกลับมาใช้เงินสดแทน เพราะเครื่องอ่านบัตรใช้งานไม่ได้ ผู้โดยสารเสียประโยชน์ พนักงานผู้ปฏิบัติงานโดนผู้โดยสารด่า ข้างบนก็ลอยตัว เพราะไม่เห็นแก้ไขปัญหาอะไรให้พนักงานผู้ปฏิบัติงานเลย
เลยฝากให้ทางเพจสะท้อนปัญหาไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ใน ขสมก.รับทราบ แท็กหา ขสมก.พร้อมบวก ด้วยเลยแล้วกัน เพราะถือว่ากรณีเครื่องอ่านบัตรแบตฯ หมดไว ไม่สามารถให้บริการได้ ก็กระทบต่อผู้โดยสารเช่นกัน"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับเครื่องอ่านบัตรดังกล่าวมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า "เครื่องรับชำระค่าโดยสารอิเล็กทรอนิกส์" (Electronic Data Capture) หรือ EDC ซึ่งธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้นำมาให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ใช้เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2562 จำนวน 3,000 เครื่อง เพื่อใช้รับชำระค่าโดยสารด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หลังจาก ขสมก.ประสบความล้มเหลวในการติดตั้งระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ E-Ticket และเครื่องเก็บเงิน Cash Box ซึ่งเช่าจากบริษัทเอกชนรายหนึ่ง มูลค่าโครงการ 1,665 ล้านบาท โดยอ้างว่าอุปกรณ์ไม่เสถียร ไม่สามารถใช้งานได้ ก่อนที่ ขสมก.จะไม่ตรวจรับงาน แล้วยกเลิกสัญญาไปเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2562 ภายหลัง ขสมก.ถูกบริษัทเอกชนรายนั้นฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 1,500 ล้านบาท
เครื่อง EDC ดังกล่าว มีบริษัท ไทยแวน เซอร์วิส จำกัด (THAIVAN) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) กับบริษัทโคแวน (KOVAN) ประเทศเกาหลีใต้ เป็นผู้ให้บริการร่วมกับธนาคารกรุงไทย ใช้รับชำระค่าโดยสารด้วยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เฉพาะเวอร์ชัน 2.0 และ 2.5 ที่มีสัญลักษณ์บัตรแมงมุมด้านหลังบัตร และเวอร์ชัน 4.0 ซึ่งออกให้เฉพาะประชาชนผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่กรุงเทพฯ และพื้นที่ติดกัน 7 จังหวัดเท่านั้น กระทั่งได้พัฒนาซอฟต์แวร์ให้สามารถชำระด้วยบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ ขสมก. บัตรเครดิต บัตรเดบิต VISA และ MasterCard ที่มีสัญลักษณ์ Contactless บนบัตร และ THAI PROMPT QR ได้ นำร่องสาย 510 ม.ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2562 แล้วขยายไปทุกเส้นทางมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2562 เป็นต้นมา พร้อมกับยกเลิกการจำหน่ายบัตรโดยสารล่วงหน้าแบบกระดาษ
อย่างไรก็ตาม การนำเครื่อง EDC มาใช้ แม้จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารสามารถชำระค่าโดยสารแทนเงินสดได้ แต่มักจะประสบปัญหาแก่พนักงานเก็บค่าโดยสาร เช่น ขนาดเครื่องที่ใหญ่เทอะทะเกินไป พนักงานต้องถือทั้งกระบอกตั๋วและสะพายเครื่อง EDC ไว้ข้างตัวไปพร้อมกัน ปัญหาผู้โดยสารใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แล้วระบบใช้งานไม่ได้ ผู้โดยสารก็ไม่ยอมจ่ายเงินสด โดยอ้างว่ามีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทำให้เกิดข้อพิพาทระหว่างพนักงานเก็บค่าโดยสารกับผู้โดยสาร เกิดความเสียหายต่อองค์กร นอกจากนี้ พนักงานเก็บค่าโดยสารยังต้องแบกรับความเสี่ยง หากเครื่อง EDC สูญหายหรือชำรุดบกพร่องที่ไม่ได้เกิดจากการใช้งานปกติ พนักงานเก็บค่าโดยสารคนนั้น ต้องชดใช้ให้ธนาคารกรุงไทย ตามมูลค่าของเครื่องเป็นจำนวน 10,000 บาทอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมามีพนักงานสังกัดเขตการเดินรถที่ 8 เคยถูกผู้โดยสารขโมยเครื่อง EDC มาแล้ว