พระพุทธรูปในประเทศไทย มีทั้งปางประทับนั่ง ปางประทับยืน และปางประทับนอนหรือพระพุทธไสยาสน์ มีขนาดต่างๆกันไป และมักจะพูดกันว่าองค์ใดใหญ่ที่สุด สำหรับพระพุทธไสยาสน์นั้นเคยถือกันว่า สมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร ของวัดบางพลีใหญ่กลาง จังหวัดสมุทรปราการ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ขณะนี้พบว่ายังมีอีก ๒ องค์ที่ไม่มีพระนาม แต่ใหญ่กว่าสมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร
สมเด็จพระศากยมุณีศรีสุเมธบพิตร พระพุทธไสยาสน์ของวัดบางพลีใหญ่กลางนี้ สร้างมาแต่ปี ๒๓๖๗ มีความยาวถึง ๕๓ เมตร อยู่ในพระวิหารที่สูงกว่าพระวิหารทั่วไป เพราะภายในองค์พระพุทธไสยาสน์ยังแบ่งเป็นชั้นต่างๆถึง ๔ ชั้น มีห้องปฏิบัติธรรม และห้องที่ผนังมีภาพเขียนนรกสวรรค์อันเป็นคำสอนทางพระพุทธศาสนา ที่สำคัญคือชั้น ๔ ยังมีหัวใจพระพุทธไสยาสน์ เปิดให้เข้าไปปิดทองและกราบไหว้ไว้ถึงหัวจพระพุทธรูป ซึ่งไม่มีที่ไหนเหมือน
ส่วนอีกองค์หนึ่งถือว่าใหญ่สุดของพระนอนที่อยู่ในร่ม ก็คือพระพุทธไสยาสน์ที่ไม่มีพระนาม อยู่ที่วัดสะพานเลือก ตำบลทุ่งเบญจา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี มีป้ายบอกความเป็นมาไว้ว่า
“พระพุทธไสยาสน์ (ในร่ม) ใหญ่ที่สุดในโลก วัดสะพานเลือก ประวัติย่อ สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ประทับอยู่ ณ เชตะวันเมืองสาวัตถี ครั้งนั้นสุรินทราหูจอมอสูร ซึ่งสำคัญว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่าพระพุทธเจ้า จึงไม่แสดงความอ่อนน้อม พระพุทธเจ้าจึงหวังจะลดทิฐิจอมอสูร จึงเนรมิตกายใหญ่กว่าจอมอสูรในท่าประทับนอนตะแคงและแสดงพระธรรมโปรด จนในที่สุดจอมอสูรจึงละทิฐิ ยอมอ่อนน้อมต่อพระพุทธองค์
สำหรับพระพุทธไสยาสน์องค์นี้ เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๗ องค์พระนอนมีความยาว ๕๖ เมตรเท่ากับบทพุทธคุณ (อิติปิโส) ซึ่งมี ๕๖ พยางค์ มีความสูงจากฐาน ๑๖ เมตร (๑๖ ชั้นฟ้า) ใช้งบประมาณ ๙๐ ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้เกือบทั้งหมดเป็นของหลวงพ่อประสงค์ จันทสุวัณโณ เจ้าอาวาสองค์แรกซึ่งท่านมรณะภาพเมื่อพ.ศ. ๒๕๓๗ ในขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ท่านได้ทำสังฆทานแก้กรรมช่วยชีวิตคนทั่วไปเป็นจำนวนมาก และได้รวบรวมเงินค่าสังฆทาน มาสร้างวัตถุทางศาสนานับราคาเป็นร้อยล้านบาท เช่น โบสถ์ วิหาร และอื่นๆ เมื่อท่านมรณะภาพแล้วยังเหลือเงินมากกว่า ๘๕ ล้านบาท บรรดาสานุศิษย์และบุคคลทั่วไปจึงได้บริจาคเพิ่มเติมจนครบ และได้นำเงินมาสร้างวิหาร พระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ซึ่งเป็นพระประจำวันของผู้ีที่เกิดวันอังคารซึ่งเป็นวันเดียวกับวันเกิดของท่านพ่อประสงค์ฯ จึงได้ร่วมกันสร้างถวายเป็นพุทธบูชาและเป็นการรำลึกถึงคุณงามความดีของท่านพ่อที่ได้มอบไว้ให้แก่พุทธศาสนาและวัดสะพานเลือกตลอดมา”
พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ประดิษฐานอยู่ภายในพระวิหารขนาดใหญ่ จึงถือว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ใหญ่ที่สุดในร่ม
ยังมีพระพุทธไสยาสน์อีกองค์ที่มีขนาดใหญ่กว่านี้แต่สร้างอยู่กลางแจ้ง ก็คือพระพุทธไสยาสน์ที่ไม่มีพระนามเหมือนกัน อยู่ที่วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรม อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีธรรมอยู่บนดอยม่อนทอง ซึ่งสูงราว ๒๐๐ เมตร ริมถนนแพร่-ลำปาง เมื่อผ่านไปหน้าวัดก็จะเห็นพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่เด่นอยู่หน้าวัด พระพักตร์งามสะดุดตา โดยเฉพาะพระเนตรที่ทำให้เรียกกันว่า “พระนอนตาหวาน” และจีวรยังดูพลิ้วสมจริง ฝ่าพระบาทมีภาพมงคล ๑๐๘ ประการ มีความยาวทั้งหมด ๘๕ เมตร ถือได้ว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวที่สุดในประเทศ
วัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีสร้างในลักษณะสถาปัตยกรรมล้านนา โดยนำจุดเด่นของสถานที่ต่างๆทั้งในไทย ลาว พม่า จีน ถึง ๑๑ แห่งมารวมไว้ อย่างเช่น ซุ้มประตูด้านหน้าโบสถ์จากวัดพระธาตุลำปางหลวง ซุ้มประตูด้านตะวันออกจากวัดพระธาตุดอยสุเทพ ซุ้มประตูด้านตะวันตกจากวัดพระธาตุหลวงเวียงจันทร์ ฐานพระอุโบสถรูปซิกแซกจากวังประทับพระยามังราย จ.เชียงราย ประตูและหน้าต่างลวดลายแกะสลัก จากวิหารลายคำวัดพระสิงห์ เชียงใหม่ ปั้นลมลวดลายเก่าศิลปะทางเหนือจากวัดต้นเกวน อ.สะเมิง เชียงใหม่ นาค ๗ เศียร แบบขอมและรูปปั้นนางอัปสรจากวัดเจ็ดยอด เชียงใหม่ หอไตรจากวัดพระสิงห์ หอระฆังจากวัดพระธาตุหริภูญชัย ศาลาพิพิธภัณฑ์ไม้สักทองจากบ้านไทยสิบสองปันนา ประเทศจีน และพระบรมธาตุ ๓๐ ทัส ศิลปะเชียงแสนจากวัดพระธาตุนอ ของพระชนกพระเจ้าเม็งรายมหาราช จากแคว้นสิบสองปันนา
วัดพระธาตุสุโทนฯสร้างเมื่อปี ๒๕๒๐ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อครั้งดำรงพระยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จแทนพระองค์ทรงเป็นประธานในพิธีฝังลูกนิมิต ส่วนผู้ริเริ่มสร้างวัดก็คือ ครูบาน้อย หรือหลวงพ่อมนตรี ขณะที่มีอายุเพียง ๑๘ ปี และมีประวัติที่น่าสนใจยิ่ง
หลวงพ่อมนตรีเป็นลูกชาวนาของอำเภอเด่นชัย ช่วยพ่อแม่เลี้ยงวัวเลี้ยงควายมาแต่เด็ก พอเรียนหนังสือได้แค่ชั้น ป.๗ ก็ขอลามาบวช จนอายุ ๑๘ ได้ริเริ่มสร้างวัด โดยระดมช่างฝีมือชั้นยอดของภาคเหนือที่เรียกว่า “สล่า” มาร่วมกันสร้าง จากนั้นอีก ๑๗ ปีก็แล้วเสร็จ สวยงามอลังการอย่างน่าตะลึง
หลวงพ่อมนตรีมีความสนใจพุทธศาสนาและงานปั้นมาแต่เด็ก ชอบปั้นพระตั้งแต่อายุ ๕ ขวบ เมื่อ ๙ ขวบเคยปั้นพระพุทธรูปหน้าตักกว้าง ๓ ศอกไว้กลางทุ่งนาแถวบ้านป่าหวาย อ.เด่นชัย โดยใช้เวลาปั้นแค่วันเดียว เมื่อบวชเรียนก็ศึกษางานจากช่างอาวุโสในการหล่อพระ หล่อระฆัง และสร้างวิหาร ทั้งยังตระเวนดูงานศิลปะของวัดต่างๆในล้านนา ลาว เชียงตุง จนถึงมณฑลยูนานในจีน และได้นำศิลปะเด่นของวัดแหล่านั้น ๑๑ แห่งมารวมไว้
ด้วยเหตุนี้ นอกจากวัดพระธาตุสุโทนมงคลคีรีสามัคคีจะมีพระพุทธไสยาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยแล้ว ยังมีศิลปะที่ล้ำค่าให้ชมอีกมาก