ตามประวัติรัฐสภาไทย จากยุคพันเอกพระยาพหลพพยุหเสนา มาจนถึงพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลรวมทั้งหมด ๔๕ ครั้ง มีการลงมติไว้วางใจ ๓๗ ครั้ง อีก ๘ ครั้งไม่มีการลงมติด้วยเหตุผลต่างๆ เช่น นายกรัฐมนตรีลาออกก่อนบ้าง ยุบสภาก่อนลงมติบ้าง หรือขอเปิดอภิปรายขัดรัฐธรรมนูญบ้าง
สรุปว่าลงมติกี่ครั้งรัฐบาลก็ชนะทุกครั้ง เพียงแต่แข่งวัดบารกันเองมีว่าใครได้คะแนนสูงต่ำกว่ากันแค่ไหน ส่วนฝ่ายค้านก็สะใจที่ได้ด่ารัฐบาลฟรีๆ เท็จบ้างจริงบ้างก็สะใจแฟนๆไปตามกัน
การเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ ก็คือครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพลเรือตรีถวัลย์ ธำรงนาวาสวัสดิ์
ประชาธิปัตย์ได้ชื่อว่าเป็นฝ่ายค้านที่น่ากลัวมาแต่ไหนแต่ไร ครั้งนั้นนอกจากจะมีนายควง อภัยวงศ์ อดีตนายกฯเป็นหัวหน้าทีมแล้ว ลูกทีมก็ล้วนแต่ขุนพลปากล้าเรียงหน้ากันมาสลอน ขออภิปรายให้สะใจตั้งแต่วันที่ ๑๙-๒๖ พฤษภาคม ๒๔๙๐ ถึง ๘ วัน ๗ คืน ยาวนานที่สุดในประวัติรัฐสภาไทย ฝ่ายรัฐบาลนั้น พล.ร.ต.ถวัลย์ นายกรัฐมนตรี ก็มีความเชื่อมั่นในฝีปากตัวเองไม่เกรงใคร และต้องการจะแสดงความเป็นนักประชาธิปไตยจึงยอมให้ฝ่ายค้านอภิปรายได้เต็มอยาก ทั้งยังสั่งให้สถานีวิทยุกรมโฆษณาการถ่ายทอดออกอากาศตลอดการอภิปราย สร้างประวัติศาสตร์ไว้อีกว่าเป็นการถ่ายทอดการอภิปรายในสภาเป็นครั้งแรก ชาวบ้านเรียกกันว่า “มหกรรม ๘ วัน ๗ คืน”
การต่อสู้ด้วยวาทะในรัฐสภาครั้งนี้ พล.ร.ต.ถวัลย์ยืนซดกับฝ่ายค้านทุกหมัดอย่างฉาดฉานจนได้รับฉายาว่า “นายกฯลิ้นทอง” และยังมีข่าวที่ครึกโครมที่ไม่น้อยกว่ากัน เมื่อหัวหน้าทีมอภิปรายของฝ่ายค้านแม้จะเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ก็ถูกรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายชกปากหลังจากอภิปรายได้สะใจคนฟัง
เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ ๒๑ พฤษภาคมตอนพักเที่ยง ขณะที่นายควงเดินออกจากห้องประชุมจะเดินไปรับประทานอาหาร เผอิญสวนทางกับนายจรูญ สืบแสง ส.ส.ปัตตานี ผู้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯที่เพิ่งถูกนายควงอภิปรายแบบเอาฮาตามลีลาของนายควง ทำให้รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายกลายเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะเยาะ
ความจริงนายควงและนายจรูญต่างก็เป็นคณะราษฎรสายพลเรือนที่ร่วมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเปลี่ยนแปลงการปกครองมาด้วยกัน แต่มาสังกัดกลุ่มการเมืองคนละพวก นายจรูญที่ยังมีอารมณ์ค้างมาจากที่ถูกอภิปรายจึงเอ่ยขึ้นว่า
“พวกลื้อนี่ปากกล้าปากเก่งนักนะ”
นายควงคนฝีปากดีก็ตอบว่า “การอภิปรายมันก็ต้องเป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้นจะเปิดอภิปรายไปทำไม”
นายจรูญก็ตอบด้วยเสียงขุ่นๆไปว่า “ถึงงั้นก็เถอะ ไม่ควรพูดเสียดสีก้าวร้าว ควรเอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน”
นายควงว่า “ก็รัฐบาลทำไม่ถูกนี่ ก็ต้องว่ากันหน่อย”
นายจรูญคนอารมณ์ร้อนก็เลยพลุ่ง บอกว่า “พวกลื้อเก่งแต่ปาก แต่อั๊วเก่งมือ”
ปากว่าแล้วมือก็ถึง ยัดกำปั้นไม่มีรูไปที่หน้านายควง แต่นายควงไม่ใช่เก่งแต่ปากยังฟุตเวิร์คดีด้วย ถอยฉากหลบทัน หมัดของนายจรูญจึงแค่เฉี่ยวๆเท่านั้น บรรดา ส.ส.ทั้งหลายจึงต้องมาร่วมใจกันเป็นกรรมการ แยกรัฐมนตรีออกจากอดีตนายกฯ
ข่าวนี้ครึกโครมในวันรุ่งขึ้นยิ่งกว่าข่าวอภิปรายเสียอีก เมื่อนักข่าวไปรุมสัมภาษณ์อดีตนายกฯเจ้าของฉายา “ตลกหลวง” นายควงก็ตอบตามสไตล์ว่า
“จรูญมันเป็นคนสายตาสั้น ชกผมไม่ถูกหลอก ผมก็พอเป็นมวยอยู่บ้าง พอมันชกมาผมก็หลบฉาก ครั้นจะสวนหมัดออกไป เดี๋ยวก็จะหาว่าทำร้ายคนสายตาสั้น”
ส่วนรัฐมนตรีมือไวก็ให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่มีอะไรหรอก ผมกับนายควงเป็นเพื่อนรักกัน ก็หยอกล้อกันนิดหน่อย แต่หนังสือพิมพ์เอาไปเขียนกันแรงเกินไป ทำอย่างนี้ผมเสียหายหมด ท่านก็ไม่ได้ถือโกรธอะไรผม”
กลายเป็นว่านักข่าวเอาไปใส่ไข่ระบายสีให้เป็นเรื่องใหญ่ไปเอง
เรื่องนี้เกิดในสภา ก็เลยจบแค่ในสภา ไม่ไปฟ้องร้องให้รกศาล และทำให้ชาวบ้านเบื่อหน่ายขึ้นไปอีก