โดย ดร.ฐณยศ โล่ห์พัฒนานนท์
สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
APEC ย่อมาจาก Asia-Pacific Economic Cooperation เป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มีที่มาจากแนวทางของกลุ่มสมาชิกอาเซียนที่ต้องการการหารือในด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง APEC เป็นตัวเป็นตนขึ้นมาในปี 1989 และขยับขยายจนครอบคลุมสมาชิกถึง 21 เขตเศรษฐกิจ ประกอบไปด้วย ไทย บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม จีน เขตปกครองพิเศษฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา สหรัฐอเมริกา ชิลี เม็กซิโก เปรู ปาปัวนิวกินี รัสเซีย และจีนไทเป ทั้งหมดทำข้อตกลงร่วมกันว่าจะอำนวยการส่งออก เคลื่อนย้ายแรงงานและทุน เปิดทางให้แก่การค้าระหว่างกัน รวมถึงใช้ระเบียบการค้าร่วมกัน
การประชุม APEC จัดขึ้นทุกปี ไทยเคยเป็นเจ้าภาพมาแล้ว 2 ครั้ง ได้แก่ ปี 1992 และปี 2003 ครั้งแรกเป็นการประชุมระดับรัฐมนตรี ทำข้อตกลงระหว่างสมาชิก 15 เขตเศรษฐกิจ แต่ครั้งหลังเป็นการประชุมระดับผู้นำจากสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ การประชุมครั้งถัดไปจะเกิดขึ้นที่ประเทศไทยอีกเช่นกัน ระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน ใช้แนวคิด “เปิดกว้าง สร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล”
การเป็นเจ้าภาพครั้งที่ 3 ของไทยได้รับการจับตามากเป็นพิเศษ เพราะว่าด้วยการพบปะกันระหว่างผู้นำจีนกับสหรัฐฯ (รวมทั้งรัสเซีย) ท่ามกลางสถานการณ์ขัดแย้งระหว่างประเทศรวมทั้งปัญหาเศรษฐกิจเรื้อรังอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากสงครามการค้าและวิกฤตโควิด-19 ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้ยืนยันจะเข้าร่วมประชุมเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ผู้นำสหรัฐฯ ยังไม่แสดงท่าทีชัดเจน การวางตัวของสหรัฐฯ จึงเผยให้เห็นความพยายามเชื่อมโยงเวที APEC เข้ากับความไม่ลงรอยระหว่างกัน
ข้อสังเกตนี้อาจไม่น่าสนใจ หากไม่มีการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ สมัยพิเศษในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะการประชุมดังกล่าวคือความพยายามสกัดความเชื่อมโยงระหว่างจีนกับอาเซียนโดยตรง สหรัฐฯ ได้แสดงบทบาทเชิงรุกด้วยการเสนอความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจสองฝ่ายอันตรงกับนโยบายของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เรื่องการกลับมานำโลกอีกครั้ง ผลสรุปการประชุมในตอนท้ายก็เป็นความลับ หลายฝ่ายจึงคาดกันว่า APEC อาจจะเป็นอีกเวทีที่สหรัฐฯ จะใช้ลดบทบาทของจีนทั้งในอุษาคเนย์และพื้นที่อื่น
อย่างไรก็ดี สัญญาณแวดล้อมต่างๆ กลับบ่งชี้ว่าความสัมพันธ์จีน-อาเซียนในเวที APEC จะยังคงเต็มไปด้วยความมั่นคงมากกว่าจะถูกสั่นคลอน เพราะการมีส่วนร่วมของจีนในอดีตสะท้อนผลเชิงบวกต่อสมาชิกจากอาเซียน ไม่ใช่การบั่นทอน อีกทั้งทุกชาติต่างก็ยึดมั่นคำประกาศสมัยร่วมก่อตั้ง นั่นคือสานความร่วมมือเพื่อให้เอเชีย-แปซิฟิกกลายเป็นพื้นที่อำนวยการค้าสำหรับทุกฝ่าย ความมั่นคงดังกล่าวเห็นได้ชัดจากแนวคิดการประชุมดังที่ระบุข้างต้น หมายความว่าจะไม่มีชาติใดถูกโดดเดี่ยวในการประชุมที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
นอกจากนี้ การยืนยันเข้าร่วมประชุมของประธานาธิบดี สี จิ้นผิงยังเผยให้เห็นว่าจีนให้ความสำคัญต่อการทำหน้าที่ของไทยโดยไม่หวั่นเกรงต่อแรงกดดันจากปัญหาขัดแย้งใดๆ อีกทั้งประเทศไทยได้ถือโอกาสนี้ผลักดันประเด็นพัฒนาร่วมกัน ได้แก่ การเจรจาเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก การคมนาคมข้ามพรมแดน และการส่งเสริมความยั่งยืนในหลายเรื่อง (การค้า การคลัง ป่าไม้ การเกษตร กิจการสตรี สุขภาพ และวิสาหกิจขนาดกลาง/เล็ก/ย่อย) ประเด็นการประชุมของไทยสะท้อนความต้องการฟื้นฟูภูมิภาคของชาติสมาชิกอย่างไม่ต้องตีความหลังจากความขัดแย้งต่างๆ รวมทั้งภัยโควิด-19 ได้บ่อนทำลายความสัมพันธ์และเศรษฐกิจในพื้นที่ การประกาศรับคำเชิญฝ่ายไทยจึงสื่อความตั้งใจของจีนที่จะร่วมสร้างเสถียรภาพให้แก่ภูมิภาคซึ่งสอดรับกับแนวทางเชื่อมโยงที่จีนพยายามผลักดันเสมอมา
ความสัมพันธ์กับอุษาคเนย์เป็นอีกเหตุปัจจัยที่ทำให้จีนยินดีกับการประชุมที่ประเทศไทย รายงานหลายฉบับระบุตรงกันว่า การพัฒนาความสัมพันธ์ที่ผ่านมาส่งผลให้อาเซียนกลายเป็นคู่ค้าสำคัญของจีน ในปี 2021 มูลค่าการค้าจีน-อาเซียนอยู่ที่ประมาณ 878.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจีนส่งออกไปยังอาเซียน 483.69 พันล้านเหรียญสหรัฐ นำเข้าจากอาเซียน 394.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนาม มาเลเซีย และไทยคือ 3 ชาติอาเซียนที่ทำการค้ากับจีนมากที่สุด แม้สมาชิกอาเซียนไม่ได้อยู่ในกลุ่ม APEC ทั้งหมดเพราะขาดเมียนมา ลาว และกัมพูชา การขยับเขยื้อนใดๆ ก็ตามของ 7 ประเทศอาเซียนใน APEC ย่อมส่งผลต่อประชาคมโดยรวมเนื่องจากอาเซียนเป็นพื้นที่ที่ประชาชนสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี ความใส่ใจของจีนต่ออาเซียนในเวที APEC จึงไม่ต่างจากบทบาทเพื่อนบ้านที่มีต่ออาเซียนทั้งหมด
ไม่เพียงเท่านี้ จีนยังให้ความร่วมมือแก่การประชุมเสมอมาเพื่อให้เกิดผลดีแก่ทั้งอาเซียนและสมาชิกอื่น นับตั้งแต่เข้าร่วมในปี 1991 จีนได้พยายามแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์โดยเฉพาะการสร้างกลไกเศรษฐกิจกลุ่ม APEC ให้มีความลื่นไหล อย่างในปี 2020 จีนบริจาคเงิน 1.42 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับส่งเสริมความร่วมมือ การค้า การลงทุนในกรอบ APEC และถ้าย้อนไปในช่วงทศวรรษแรกของการเข้าร่วม จีนได้พยายามสนับสนุนกิจกรรมความร่วมมือต่างๆ เช่น การประชุมเกี่ยวกับการขยายตัวของวิสาหกิจขนาดกลาง/เล็ก/ย่อยในปี 1993 การประชุมว่าด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในปี 1994 การประชุมกลุ่มประมงในปี 1995 การประชุมพลังงานสะอาดในปี 1996 การประชุมเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในปี 1997 และอีกมากมาย ความสนับสนุนของจีนไม่ได้จำกัดแค่การค้าการลงทุน แต่มุ่งความยั่งยืน การเจรจาในวง APEC สำหรับจีนจึงไม่ใช่ภารกิจสู่ความมั่งคั่ง แต่เป็นความพยายามลดช่องว่างระหว่างสมาชิกจากหลากหลายสถานะ
เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีเหตุอันใดที่จะต้องเปลี่ยนเวที APEC เป็นลานประลอง ในทางตรงข้าม APEC จะเป็นอีกช่วงเวลาของการประกาศจุดยืนสำหรับโลกยุคใหม่ เป็นจุดยืนซึ่งไม่เพียงแต่จะฉายความสัมพันธ์จีน-อาเซียนในระยะต่อไป แต่ยังแสดงออกชัดซึ่งความเป็นตัวของตัวเอง