xs
xsm
sm
md
lg

"กรมการแพทย์" เตือนภาวะวูบหมดสติสัญญาณแฝงอันตราย ชี้มาจาก 4 สาเหตุ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"กรมการแพทย์" โพสต์ข้อความเตือน "ภาวะวูบหมดสติ" เป็นอาการสูญเสียความรู้สึกตัว และการทรงตัวชั่วคราว โดยทั่วไปเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง อาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้ แนะควรรีบมาพบแพทย์ทันทีอย่าปล่อยทิ้งไว้

จากกรณีแฟนเพจเฟซบุ๊ก “รักเชียงตุง” ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอของครูบาบุญชุ่ม งานยกฉัตรพระธาตุ ที่นากองมู ห้วยอ้อ เมืองโต๋น ซึ่งขณะทำพิธีปรากฏว่าครูบาบุญชุ่มเดินอยู่ก็กลับล้มทั้งยืนเหมือนจะเป็นลม พร้อมมีอาการลักษณะคล้ายชักขณะที่ล้มลงไปด้วย

ล่าสุดวันนี้ (15 ส.ค.) เพจ "กรมการแพทย์" ออกมาโพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว ชี้ภาวะวูบหมดสติสัญญาณแฝงอันตรายไม่ควรมองข้าม โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

"กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา เผยเป็นอาการสูญเสียความรู้สึกตัว และการทรงตัวชั่วคราว โดยทั่วไปเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลง อาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้

นายแพทย์ สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ภาวะวูบหมดสติ (Syncope) เป็นอาการสูญเสียความรู้สึกตัว และการทรงตัวชั่วคราว โดยทั่วไปเกิดจากเลือดไปเลี้ยงสมองลดลงชั่วขณะ ทำให้สมองขาดออกซิเจนชั่วคราว จะมีลักษณะอาการเฉพาะคือ หมดสติเฉียบพลัน เกิดขึ้นชั่วขณะในระยะเวลาอันสั้น และสามารถฟื้นคืนสติได้เอง จะแสดงออกทางอาการหลากหลาย เช่น เรียกไม่รู้สึกตัว ล้มลงกับพื้น ทรงตัวไม่อยู่ อาจมีอาการเกร็งที่มือ เท้า ตาค้างชั่วขณะ เหงื่อออกที่ใบหน้า ซึ่งผู้ป่วยจะจำเหตุการณ์ตอนหมดสติไม่ได้ โดยจะมีระยะเวลาการหมดสติตั้งแต่ 30 วินาที ถึง 5 นาที ขึ้นกับสุขภาพพื้นฐานเดิมของผู้ป่วย ในบางรายอาจจะมีอาการนำมาก่อนเกิดอาการวูบหมดสติ เช่น รู้สึกหวิวๆ มึนศีรษะ โคลงเคลง ตาพร่าหรือเห็นแสงแวบวาบ ปลายมือปลายเท้าเย็น คลื่นไส้ เป็นต้น อาการวูบไม่รู้ตัวเป็นเรื่องที่อันตรายมากโดยเฉพาะคนที่ต้องทำงานบนที่สูง หรือผู้ที่ต้องขับรถ หากมีอาการวูบบ่อยๆ ควรพบแพทย์ประเมินหาสาเหตุ

นายแพทย์ ธนินทร์ เวชชาภินันท์ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า สาเหตุของภาวะวูบหมดสติเกิดขึ้นได้หลายสาเหตุ เช่น

1. สาเหตุจากหัวใจ เกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ เส้นเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ

2. เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ซึ่งมักพบตามหลังสถานการณ์เฉพาะบางอย่าง เช่น หลังไอ จาม เบ่ง ยืนนานๆ ในที่แออัด หรืออากาศร้อน กลัวการเจาะเลือด เป็นต้น

3. เกิดจากการเสียเลือดหรือขาดน้ำ เช่น ท้องเสียรุนแรง หรือมีเลือดออกในอวัยวะภายใน

4. เกิดจากยาบางชนิด โดยเฉพาะยาลดความดันโลหิตสูง ยารักษาต่อมลูกหมาก ยาต้านอาการซึมเศร้า หรือแม้แต่ยาเบาหวาน สิ่งที่เป็นอันตรายที่ควรต้องระวัง คือ หลังจากผู้ป่วยตื่นขึ้นมาอาจมีอาการบาดเจ็บได้ การรักษาควรจะต้องรักษาที่สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการ แต่ถ้าหากวูบหมดสติตื่นขึ้นมาแล้วมีอาการ เช่น ปากเบี้ยว ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด ชาหรืออ่อนแรงร่างกายครึ่งซีก 

อาจเป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติภาวะทางสมองอาการของหลอดเลือดสมองตีบ หรือหลอดเลือดสมองแตกได้ ผู้ป่วยหรือผู้ใกล้ชิดควรต้องสังเกตอาการวูบที่เกิดขึ้น และควรรีบมาพบแพทย์ทันทีอย่าปล่อยทิ้งไว้"


กำลังโหลดความคิดเห็น