xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 31 ก.ค.-6 ส.ค.2565

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.สลด! ไฟไหม้ “เมาน์เท่น บี” ผับดังสัตหีบ ตาย-เจ็บเพียบ พบเปิดโดยไม่มีใบอนุญาต สะพัดออกหมายจับเจ้าของแล้ว!

เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 4 ล่วงเข้าวันที่ 5 ส.ค. เวลาประมาณ 01.00 น.เศษ ตำรวจ สภ.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้ผับ เมาน์เท่น บี (MOUNTAIN B) ตั้งอยู่ริมถนนสายสุขุมวิท บางนา-ตราด หมู่ 7 ต.พลูตาหลวง มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนรุดไปที่เกิดเหตุ

พบที่เกิดเหตุเป็นอาคารชั้นเดียว ในเนื้อที่กว่า 3 ไร่ พบเพลิงกำลังลุกไหม้ภายในตัวอาคารอย่างรุนแรง ขณะที่นักท่องเที่ยววิ่งหนีตายออกจากตัวอาคารเกือบร้อยคน บางคนถูกไฟไหม้ นอนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด เจ้าหน้าที่ต้องรีบปฐมพยาบาลและนำตัวส่ง รพ.

ทั้งนี้ การควบคุมเพลิงเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากภายในอาคารมีวัตถุติดไฟง่าย โดยเฉพาะโฟมซับเสียง ทำให้เพลิงลามทั่วตัวอาคารอย่างรวดเร็ว บางช่วงได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดด้วย เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชม.จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ พร้อมกันผู้คนออกนอกพื้นที่ เพราะเกรงอาคารทรุดตัว

สำหรับโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 13 ราย ภายหลังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก รวมเป็น 14 ราย บางกระแสรายงานว่า 15 ราย และมีผู้บาดเจ็บหลายสิบราย

ด้านตำรวจอยู่ระหว่างสอบสวนหาสาเหตุเพลิงไหม้ แต่จากการสอบปากคำพยาน เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเปลวเพลิง มีเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้ง ข้างเวทีบูธดีเจ ก่อนจะเกิดประกายไฟไปติดกับชนวนโฟมซับเสียง ซึ่งเป็นวัตถุติดไฟได้ง่าย จนลุกลามไปทั่วตัวอาคารอย่างรวดเร็ว จนเกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว

เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุไฟไหม้ผับเมาน์เท่น บี ครั้งนี้ มีผู้ตั้งข้อสงสัยว่า ผับมีประตูเข้าออกทางเดียวหรือไม่ นักท่องเที่ยวจึงวิ่งหนีออกประตูด้านหน้าเท่านั้น

ทั้งนี้ มีนักดนตรีคนหนึ่งที่เล่นดนตรีที่ผับดังกล่าวประจำ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก "Nui Voice Raphon" เผยให้เห็นความจริงบางอย่างว่า "ผมเป็น 1 วงที่เล่นประจำอยู่ร้านเมาน์เทน บี วันจันทร์ สิ่งที่น่ากลัวและคิดอยู่เสมอคือทางเข้าออก มันแคบมาก เพราะมีบูทของซาวนด์กั้นตรงกลางทางออก และทางเข้าออกของลูกค้ามีทางเดียว และ 2 ชั้น ให้นึกถึง ประตูผลักตามคอนโดฯ อะ 2 ชั้น (ด้านนอก 1 ผลัก ด้านใน 1 ผลัก) และสิ่งที่บุไว้ด้านบนเพื่อซับเสียง นั่นคือเชื้อเพลิงชั้นดี ที่ผมระแวงตลอด

"ปกติเวลาวงผมไปถึง จะมีสมาชิกวงเดินไปตามการ์ดที่หน้าร้านมาเปิดประตูด้านหลังร้านเพื่อเข้าไปถึงทางขึ้นเวทีเลย (ไม่ต้องเดินถือของเบียดลูกค้าเข้าไป) เมื่อเข้าไปการ์ดจะล็อกด้วยแม่กุญแจทันทีจะไม่มีใครสามารถเข้าออกได้ นอกจากจะตามคนดูแลมาไขแม่กุญแจเพื่อเปิดเท่านั้น ซึ่งเวทีกับประตูทางออกไกลกันพอสมควร (ถ้าจะออกคือต้องเบียดลูกค้าออกเท่านั้น) และแน่นอน เมื่อเกิดเพลิงไหม้ และมีหลังคาซับเสียงเป็นเชื้อเพลิงทำให้มันเกิดขึ้นเร็วมาก บวกกับลูกค้าเต็มร้าน แถมเมา ใครวิ่งทันก็ทัน ใครไม่ทันก็กองอยู่หน้าประตู มันจึงกลายเป็นไปปิดทางออก (ให้นึกถึงซานติก้า) เพื่อนๆ นักดนตรีที่อยู่ท้ายแถว เลยต้องเผชิญกับกองเพลิง สละเครื่องดนตรีทุกอย่างแล้ว แต่ก็ออกมาไม่ทัน..."

ขณะที่นายธนภัทร อายุ 24 ปี หรือพีช นักร้องวงแต๋วแหวว ซึ่งไม่ได้มาเล่นดนตรีในวันเกิดเหตุ ได้นำดอกไม้มาไว้อาลัยให้กับนายฉัตรชัย ชื่นค้า นักร้องนำ ที่มาทำงานแทนตนเองในวันดังกล่าว และนายรังสิมันต์ วนิชโรจนาการ มือคีย์บอร์ด ที่เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้เมาน์เท่น บี

นายธนภัทร ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ไม่ได้เอะใจว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่รู้สึกว่าหากลูกค้าตีกัน นักดนตรีจะออกยังไง เพราะว่าไม่กี่เดือนก่อนเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นมาแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตนเองไม่เคยรู้ว่าทางร้านมีการเช็คความปลอดภัยของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือไม่ แต่ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน ตนเองเคยได้กลิ่นไหม้บนเวที แต่ไม่ทราบว่าเป็นกลิ่นบุหรี่ หรือกลิ่นอะไรกันแน่ จึงไม่ได้สอบถามต่อ

นายธนภัทร กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ที่ตนเองร้องเพลงมา ไม่ได้สังเกตเลยว่า ภายในสถานบันเทิงแห่งนี้มีป้ายสัญลักษณ์ประตูหนีไฟ หรือถังดับเพลิงหรือไม่ มาทราบชัดเจนก็ตอนที่เห็นคลิปในโซเชียลเท่านั้น และรู้สึกว่าเพดานเตี้ยมากกว่าที่อื่น

หลังเกิดโศกนาฏกรรมไฟไหม้ผับเมาน์เท่น บี จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ปรากฏว่า อธิบดีกรมการปกครอง ได้ออกหนังสือโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 ให้ ว่าที่พันตรี ชาติชาย ศรีโพธิ์อ่อน ตำแหน่ง นายอำเภอ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ช่วยราชการที่กรมการปกครอง โดยมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่ ที่วิทยาลัยการปกครอง เป็นการประจํา ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

วันเดียวกัน (5 ส.ค.) พลตำรวจตรีอรรถสิทธิ์ กิจจาหาญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ได้เซ็นคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังเกิดเหตุไฟไหม้ผับเมาน์เท่น บี พร้อมคำสั่งโยกย้ายตำรวจ 4 นาย โดยให้เหตุผล เพื่อให้การปฏิบัติราชการของตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ

โดยให้ตำรวจ 4 นายต่อไปนี้ ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ทางตำแหน่งเดิม เพื่อปฏิบัติหน้าที่ ตามที่เวรนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่อำนวยการ ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี มอบหมาย ประกอบด้วย

1.พันตำรวจเอกวุฒิพงษ์ สมใจ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง 2.พันตำรวจโทสมศักดิ์ รู้ยิ่ง รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง 3.พันตำรวจโทต่อวงศ์ ศักดิ์กุลวงศ์ รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง 4.พันตำรวจตรีสมญา ชูสุขพลเยี่ยม สารวัตรป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง และ 5.พันตำรวจตรียุทธนา สงกระสันต์ สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.2565 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

ด้าน พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผช.ผบ.ตร. ได้เปิดแถลงกรณีเพลิงไหม้ผับเมาน์เท่น บี เมื่อวันที่ 5 ส.ค. หลังประชุมร่วมกับนายนริศ นิรามัยวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า หลังจากนี้จะมีการบูรณาการร่วมกับจังหวัดชลบุรี เทศบาล อบต.พลูตาหลวง จัดตั้งศูนย์อำนวยการในพื้นที่ อบต.พลูตาหลวง เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิต

ส่วนประเด็นที่สถานบริการแห่งนี้มีการขออนุญาตในลักษณะเป็นร้านอาหารแต่กลับมีการแอบลักลอบต่อเติมเป็นสถานบันเทิงโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งยังมีกระแสข่าวลือสะพัดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มีเอี่ยว หรือปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบเปิดเป็นสถานบันเทิงนั้น จะมีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบว่ามีการกระทำผิดจริง จะดำเนินการเอาผิดทางวินัยทันที

“ส่วนเรื่องการขออนุญาตดำเนินการผิดประเภทนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการตรวจสอบร่วมกัน เช่นเดียวกับกรณีที่มีการแจ้งว่า ประตูหนีไฟทั้ง 2 บานได้ถูกปิดล็อคจนเหลือทางออกเพียงด้านเดียว จนเป็นที่มาของเหตุสลดดังกล่าว”

มีรายงานว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับเจ้าของผับ "เมาน์เท่น บี" ที่เกิดเหตุไฟไหม้ โดยข้อหาหลักที่จะนำไปยื่นต่อศาลเพื่อออกหมายจับ คือ ประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย รวมถึงการไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงและการก่อสร้างต่อเติมโดยผิดต่อกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ชัยต์พจน์ สุวรรณรักษ์ รอง ผบช.ภ.2 ในฐานะโฆษก ภ.2 เผยว่า หลังได้รับแจ้งเหตุ ตำรวจภูธรภาค 2 ได้เข้าพื้นที่เกิดเหตุทันที โดยได้ทำการตรวจสอบข้อมูลของร้าน เบื้องต้นทราบว่า มีนายพงษ์ศิริ เป็นเจ้าของ เมาน์เท่น บี ผับ โดยไม่มีใบอนุญาตในการเปิดร้านดังกล่าว และยังเปิดเกินเวลา ซึ่ง สภ.พลูตาหลวง เคยจับกุมไปแล้ว เมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา สำหรับผับ เมาน์เท่น บี เพิ่งเปิดได้ 2 เดือน ก็มาเกิดเหตุสลดขึ้น

สำหรับเหตุเพลิงไหม้ผับ เมาน์เท่น บี จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากครั้งนี้ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า เหตุใดเมื่อเคยเกิดเหตุเพลิงไหม้ลักษณะนี้มาแล้วกับกรณีซานติก้าผับ ใน กทม. เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2552 จนมีผู้เสียชีวิต 61 คน และบาดเจ็บอย่างน้อย 225 คน จึงยังเกิดโศกนาฏกรรมในลักษณะเช่นนี้ขึ้นอีก

ล่าสุด บ่ายวันนี้ (6 ส.ค.) เฟซบุ๊ก MountainB ได้โพสต์ข้อความต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า "ทางร้าน Mountain B ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต/ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ทุกท่าน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทางร้านไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ตอนนี้ทางร้านอยู่ในระหว่างการรวบรวมรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทุกท่าน เพื่อให้การช่วยเหลือและเยียวยาในเบื้องต้น หากการติดต่อประสานงานล่าช้า ทางร้านต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย ทางร้านขอแสดงความเสียใจครับ"

ล่าสุด มีรายงานว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดพัทยาได้อนุมัติหมายจับนายพงศ์ศิริ ปั้นประสงค์ ซึ่งเป็นเจ้าของผับ เมาน์เท่น บี แล้ว ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นผู้ถึงแก่ความตาย และตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต

2."บอส วรยุทธ" หลุดคดีเสพโคเคน เหตุหมดอายุความแล้ว หลัง พ.ร.บ.ยาเสพติดฉบับใหม่ ทำอายุความลดจาก 10 ปี เหลือ 5 ปี!


เมื่อวันที่ 2 ส.ค. นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า ผลจากการใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.2564 ที่ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ 2522 เป็นผลทำให้คดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ในข้อหาเสพโคเคนขาดอายุความตามกฎหมาย

นายประยุทธ กล่าวว่า จากที่ทางพนักงานอัยการได้ตั้งทีมรื้อคดีอาญาขึ้นใหม่ โดยที่มีนายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคอีอาญา เป็นหัวหน้าคณะทำงานและมีตนเป็นเลขาคณะทำงาน ได้แจ้งดำเนินคดีเพิ่มข้อหาเสพโคเคน ขณะที่นายวรยุทธก็ได้หลบหนีไป จนศาลมีหมายจับ ซึ่งมีกำหนดอายุความ 10 ปี เป็นไปตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี พ.ศ 2522 มาตรา 58 ที่ระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดเสพยาเสพติดโคเคน (ยาเสพติดประเภท 2) หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามมาตรา 91 คือจำคุก 6 เดือนถึง 3 ปี ทำให้คดีดังกล่าวมีอายุความ 10 ปี โดยคดีดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. พ.ศ 2555 อายุความก็จะขาดในวันที่ 3 ก.ย. พ.ศ.2565 ที่จะถึงนี้

แต่ปรากฏว่า ต่อมา ได้มีประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ออกมาบังคับใช้ โดยยกเลิก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ทั้งหมด แล้วบัญญัติหมวดว่าด้วยเสพยาเสพติดประเภท 5 ใหม่ไว้ในมาตรา 104 ของกฎหมายดังกล่าว ระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดเสพยาเสพติดประเภท 2 (โคเคน) หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ ตามมาตรา 162 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และผลคือทำให้อายุความคดีจาก 10 ปี ลดเหลือ 5 ปี ทำให้คดีของนายวรยุทธ ข้อหาเสพโคเคนหมดอายุความโดยอัตโนมัติ

ดังนั้นในปัจจุบันคดีของนายวรยุทธจึงเหลืออยู่เพียงข้อหาเดียว คือการขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี จึงมีอายุความ 15 ปี และจะขาดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. พ.ศ 2570

3. วัยรุ่นอุบลฯ เปิดศึกยิงกันสนั่นเมืองกว่า 70 นัด ตาย 3 เจ็บหลายราย ด้านรองผู้การฯ อุบลฯ ถูกเด้ง สะพัดเข้าระงับเหตุล่าช้า!



เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 ส.ค. ร.ต.ท.เกียรติชาติ สาโท รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่ลานจอดรถตลาดนิกรธานี บริเวณลานร้านบันเทิง ถ.ชยางกูร ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี มีผู้บาดเจ็บหลายราย จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อม พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ คงศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี และตำรวจที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดอุบลราชธานี และเจ้าหน้าที่มูลนิธิศิษย์พระจี้กงอุบลราชธานี

ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บ 4 ราย เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่ง รพ. และเสียชีวิตในเวลาต่อมา 2 ราย ทั้งนี้จากการตรวจสอบยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. กระสุนปืนลูกซอง และกระสุนปืนกลไม่ทราบชนิด ตกกระจายโดยรอบกว่า 70 นัด อีกทั้งยังมีรถเก๋ง รถกระบะ และรถจักรยานยนต์ ได้รับความเสียหายอีกจำนวน 5 คัน

ด้านพยานที่เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังทำงานอยู่ในร้านอาหารใกล้จุดเกิดเหตุ เห็นกลุ่มวัยรุ่นทะเลาะกัน จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 70-100 นัด มีทั้งปืนสั้นและปืนยาว ตนและคนในร้านต้องหลบใต้โต๊ะหนีตายอลหม่าน จากนั้นประมาณ 5 นาที เสียงปืนก็สงบลง ตนจึงออกมาดูพบมีผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่ที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ 2 คน และมีผู้บาดเจ็บหลบไปในร้านข้าวต้มอีก 2 คน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็นำตัวคนเจ็บทั้งหมดส่ง รพ.

หลังเกิดเหตุกราดยิงดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จ.อุบลราชธานี ด้วยตนเอง

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เผยเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่า ผู้ต้องหาจากเหตุการณ์กราดยิงอยู่ในความควบคุมของตำรวจแล้ว 5 คน โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ เป็นการมาสั่งการเพื่อกำชับให้คณะทำงานเร่งรัดติดตามจับกุมกลุ่มผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว และติดตามอาวุธที่ใช้ก่อเหตุทั้งหมดมาตรวจสอบ

ผบ.ตร.กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดจากความขัดแย้งระหว่างร้านพญายอ กับร้านเอกมัย 487 ทั้ง 2 ฝ่ายจึงได้นัดที่จะเจรจาเคลียร์กัน แต่ไม่สามารถตกลงกันได้ จนกระทั่งเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ถึงขั้นที่ต่างฝ่ายใช้อาวุธปืนยิงซึ่งกันและกัน จากการตรวจสอบ พบปลอกกระสุนปืนชนิดต่างๆ คือ ขนาด 9 มม. 11 มม. และ 7.62 มม. และลูกซองจำนวนหลายนัด ซึ่งผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต มีอยู่ประมาณ 12 คน โดยยอดตัวเลขยังไม่นิ่ง ขอรอรวบรวมข้อมูลก่อน แต่ทั้งหมดเพียงผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ฝ่ายเท่านั้น ไม่มีประชาชนทั่วไปได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 3 ศพ

ด้าน พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภาค 3 ได้มีคำสั่งลงวันที่ 4 สิงหาคม 2565 ให้ พ.ต.อ.อดิเทพ พิชาดุลย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี ย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 โดยขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิมจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง

สำหรับสาเหตุที่ พ.ต.อ.อดิเทพ ถูกโยกย้ายครั้งนี้ไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่ระหว่างที่กลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุ มีการแชร์ข้อความจากประชาชนที่มาเที่ยวระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าระงับเหตุล่าช้า จนทำให้มีคนเจ็บและตายจำนวนมาก ซึ่ง พ.ต.อ.อดิเทพ เป็นรองผู้บังคับการตำรวจจังหวัดที่กำกับดูแลเรื่องการปราบปรามเหตุรุนแรงในจังหวัด

ส่วนความคืบหน้าทางคดี เมื่อวันที่ 5 ส.ค. พล.ต.ต.สถาพร เอมโอษฐ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี เผยว่า เจ้าหน้าที่ได้เร่งรวบรวมหลักฐานว่าในกลุ่มผู้ก่อเหตุ ใครมีส่วนร่วมกระทำความผิดในคืนเกิดเหตุ เพราะบางคนมาด้วย แต่ไม่ได้ร่วมก่อเหตุ จึงต้องหาพยานหลักฐานพิสูจน์ความผิดของแต่ละคนให้ชัดเจน

สำหรับนายภิวัฒน์ หรือโชค ที่เป็นคู่ขัดแย้งและเป็นการ์ดของร้านเอกมัย 487 ได้เข้ามอบตัวคนแรก ก่อนพาเจ้าหน้าที่ไปยึดอาวุธปืนที่ซุกซ่อนไว้ในป่าข้างที่พัก ซึ่งเป็นปืนพกสั้นออโตเมติกขนาด 9 มม. ตรงกับปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ และตรงกับคำรับสารภาพว่าใช้ปืนกระบอกนี้ก่อเหตุ จึงได้ส่งปืนให้พิสูจน์หลักฐานตรวจเปรียบเทียบกับปลอกกระสุนที่เก็บได้

ขณะนี้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาดำเนินคดีแล้ว 1 คน ส่วนที่เหลืออีกราว 10 คน พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลออกหมายจับข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตไว้ในความครอบครอง พกพาอาวุธปืนและยิงปืนในที่สาธารณะ ส่วนอาวุธปืนที่เหลือเจ้าหน้าที่กำลังติดตามยึดมาให้ได้มากที่สุด

ส่วนสถานบริการทั้ง 2 แห่ง กำลังตรวจสอบใบอนุญาตได้รับอนุญาตอะไรบ้าง เมื่อตรวจสอบมีความผิดเรื่องใดก็จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เบื้องต้นทั้ง 2 ร้านขออนุญาตเปิดเป็นร้านอาหารที่มีการจำหน่ายสุรา และวันเกิดเหตุยังอยู่ในช่วงเวลาก่อนเที่ยงคืน

สำหรับการก่อเหตุครั้งนี้จะมีส่วนพัวพันกับแก๊งปล่อยเงินกู้หรือไม่ อยู่ระหว่างการสอบสวน แต่เบื้องต้นทราบว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างบุคคลทั้งสองฝ่าย แต่ไปลากเอาสมัครพรรคพวกมาช่วยกันเคลียร์ปัญหาจึงทำให้เกิดเหตุขึ้น

ล่าสุด วันนี้ (6 ส.ค.) พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เผยว่า ขณะนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว 3 คน คาดว่า สัปดาห์หน้าจะออกหมายจับเพิ่มอีก 2-3 คน และว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่กลุ่มผู้มีอิทธิพล เป็นเพียงกลุ่มวัยรุ่นที่เกิดเขม่นกัน และลงมือก่อเหตุเพราะอารมณ์ชั่ววูบ

4. อัยการนนท์สั่งฟ้อง 5 คนบนเรือ+กุนซือคดีแตงโมแล้ว ยันกระทำโดยประมาท ไม่ใช่ฆาตกรรม ด้านศาลให้ประกัน โดยไม่มีเงื่อนไข!



เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ที่สำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมด้วย น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ หรืออัยการดาว อัยการจังหวัดนนทบุรี ได้แถลงกรณีอัยการจังหวัดนนทบุรี นัด 6 ผู้ต้องหามาฟังคำสั่งฟ้อง คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม อดีตนักแสดงชื่อดัง หลังเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องมาแล้ว 3 ครั้ง
นายประยุทธ กล่าวว่า อัยการจังหวัดนนทบุรีนัดผู้ต้องหาทั้งหมด 6 คน ประกอบด้วย 1.นายตนุภัทร หรือ ปอ เลิศทวีวิทย์ 2.นายไพบูลย์ หรือโรเบิร์ต ตรีกาญจนานันท์ 3.นายนิทัศน์ หรือจ๊อบ กีรติสุทธิสาธร 4.น.ส.อิจศรินทร์ หรือกระติก จุฑาสุขสวัสดิ์ 5.นายวิศาพัช หรือ แซน มโนมัยรัตน์ และ 6.นายภีม หรือเอ็ม ธรรมธีรศรี ตามที่นางภนิดา ศิริยุทธโยธิน แม่แตงโม เป็นผู้ยื่นฟ้องต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี

โดยตอนนี้พิจารณาเสร็จสิ้น จึงมีความเห็นสั่งฟ้องนายตนุภัทร หรือปอ ใน 5 ข้อหา ฐานกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, แจ้งความเท็จฯ, ไม่มีประกาศนียบัตรตำแหน่งบนเรือตามที่กฎหมายกำหนด, เททิ้งหรือทำด้วยประการใดลงแม่น้ำ และเสพวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 หรืออัลปราโซแลม โดยผิดกฎหมาย

สำหรับนายไพบูลย์ หรือเบิร์ต สั่งฟ้อง 4 ข้อหา ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุ, ไม่มีประกาศนียบัตรตำแหน่งบนเรือตามที่กฎหมายกำหนด และเทสิ่งปฏิกูลลงแม่น้ำ

นายวิศาพัช หรือแซน สั่งฟ้อง 1 ข้อหา ฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

นายนิทัศน์หรือจ๊อบ 3 ข้อหา ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ช่วยเหลือผู้อื่น ให้ไม่ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง และเททิ้งหรือทำด้วยประการใดลงแม่น้ำ

น.ส.อิศรินทร์ หรือกระติก สั่งฟ้อง 3 ข้อหาฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, แจ้งความเท็จแก่พนักงานสอบสวน และช่วยเหลือผู้อื่น ให้ไม่ต้องรับโทษ หรือได้รับโทษน้อยลง

นายภีม หรือเอ็ม 2 ข้อหา ฐานใช้ผู้อื่นให้แจ้งข้อความอันเป็นเท็จ และเพื่อจะช่วยให้ผู้อื่นมิต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลงฯ

นายประยุทธ ยืนยันด้วยว่า ในสำนวนการสอบสวน ไม่มีพยานหลักฐานใดที่ไปถึงประเด็นเรื่องการฆาตกรรม เราพิจารณาสำนวนและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องและดูทุกมิติแล้ว ก็ไม่ทราบว่าการที่มีผู้นำไปฟ้องคดีฆาตกรรมนั้นมีพยานหลักฐานใด

ด้าน น.ส.สุภาภรณ์ หรืออัยการดาว กล่าวว่า ในการพิจาณาคดี อัยการจังหวัดนนทบุรีมีคำสั่งฟ้องเพิ่มเติมจากพนักงานสอบสวนทั้งหมด 3 คน สำหรับนายปอ ในข้อหาเสพสารเสพติด และสำหรับนายนิทัศน์ หรือจ๊อบ กับ น.ส.อิศรินทร์ หรือกระติก แจ้งเพิ่มเติมฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ยืนยันพยานหลักฐานทั้งหมดชี้ชัดว่าเป็นการกระทำโดยประมาท ซึ่งหากนางภนิดาจะร้องขอเป็นโจทก์ร่วมก็ถือเป็นสิทธิ์ แต่ต้องตรวจสอบก่อน

ต่อมาเวลา พนักงานสอบสวนได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ไปส่งฟ้องที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยทั้งหมดมีสีหน้าเรียบเฉย และไม่เอ่ยถึงประเด็นใดหลังอัยการมีคำสั่งฟ้อง ขณะที่ แซน วิศาพัช ได้เดินลงมาจากรถตู้ที่ควบคุมตัวมา พร้อมกับชูมือสองนิ้ว แล้วเดินเข้าศาลทันที

ต่อมา จำเลยได้ขอประกันตัว ซึ่งศาลอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทุกราย โดยไม่มีเงื่อนไข โดยโดยตีราคาประกัน กระติกและจ๊อบคนละ 210,000 บาท ปอ 160,000 บาท ส่วนแซน และโรเบิร์ต คนละ 120,000 บาท ขณะที่ภีม กุนซือ 90,000 บาท ซึ่งวงเงินประกัน ศาลพิจารณาตามข้อหาที่จำเลยแต่ละคนถูกฟ้อง

ทั้งนี้ กระติกเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “รู้สึกโล่งใจ เรื่องนี้ถือเป็นที่ยุติ ใครที่เคยบอกว่าเป็นคดีฆาตกรรมก็เตรียมรับผิดชอบกับคำพูดตัวเองด้วย..." และว่า จากนี้ถ้าเจอกับนางภนิดา แม่ของแตงโม ก็พูดคุยกันได้ตามปกติ คงไม่ถึงขั้นจะต้องคลานเข่าไปหา ยังสวัสดีเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพตามปกติ ใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมที่ยังไม่เคยเกิดเรื่อง "ตอนนี้เป็นอีกก้าวที่จะลุยได้เต็มที่ เพราะตอนนี้เป็นคดีประมาท ไม่ได้มีใครไปทำร้ายแตงโม ทุกคนบนเรือก็โล่งใจ”

ด้าน แซน กล่าวว่า จากนี้ก็จะต่อสู้คดีไปตามขั้นตอน ไม่มีความกังวลใดๆ แต่จำเป็นต้องใช้สิทธิ์ตามกฎหมายในการฟ้องร้องเอาผิดกลุ่มคนที่มากล่าวหา ...หวังว่าคนที่พูดเก่งๆ ที่ด่าและแจ้งความตนนั้นให้ยอมรับผลกรรมที่กระทำไว้ ไม่จำเป็นต้องออกมาขอโทษ ขอให้เก็บไว้ไปใช้ในศาล

ขณะที่นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความของแซน เผยว่า ศาลได้นัดคุ้มครองสิทธิ์และสอบคำให้การในช่วงเช้าวันที่ 21 ก.ย.นี้ ซึ่งศาลอาจจะเรียกฝ่ายผู้เสียหายเข้ามาเจรจา ส่วนการเอาผิดบุคคลที่กล่าวหากลุ่มลูกความว่าเป็นเรื่องฆาตกรรมนั้น ขณะนี้ได้เตรียมยื่นฟ้องเบื้องต้น 2 ราย ใครที่ฟ้อง 5 คนบนเรือก็จะฟ้องกลับ ส่วนบุคคลอื่นนอกจากนี้ก็กำลังพิจารณา

นายพรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งกระติกและแซน ได้ปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหาในชั้นศาล และว่า หลังจากนี้ เมื่อฝ่ายเราและฝ่ายโจทก์ได้เจอกัน คาดว่าจะมีการคุยเรื่องตัวเลข แต่ยังไม่ขอบอกรายละเอียดเรื่องจำนวน

5. แม่ "ผกก.โจ้" ไม่อุทธรณ์คดีคลุมถุงดำ หลังศาลลดโทษจากประหารเหลือจำคุกตลอดชีวิต บอก ลูกสำนึกผิด น้อมรับโทษ ด้าน "ษิทรา" ไม่เชื่อสำนึกผิด เพราะยังขู่ตนจากเรือนจำ!



ความคืบหน้าคดีอดีต ผกก.โจ้ หรือ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล กับพวกใช้ถุงดำ 7 ใบคลุมหัวผู้ต้องหาในคดียาเสพติด จนขาดอากาศหายใจเเสียชีวิต ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ให้ประหารชีวิต ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผล อย่างไรก็ตาม ศาลเห็นว่า จำเลยรู้สึกผิดช่วยค่าปลงศพ และวางเงินบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์ร่วมทั้งสอง (บิดามารดาผู้เสียชีวิต) คนละ 3 แสนบาท จึงลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกตลอดชีวิต ขณะที่นางจันทร์จิรา ธนะพัฒน์ แม่ของผู้เสียชีวิต รับพฤติกรรมของจำเลยไม่ได้ และอยากให้ศาลประหารชีวิตจำเลยมากกว่าจำคุกตลอดชีวิต

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นางจันทา อุทธนผล มารดาของอดีด ผกก.โจ้ พร้อมด้วย น.ส.ธนัญญา น้องสาวอดีต ผกก.โจ้ ได้เดินทางไปยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์คดีเเละขอให้ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิตอดีต ผกก.โจ้ และได้ลดโทษให้เหลือจำคุกตลอดชีวิต เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.

ทั้งนี้ นางจันทา กล่าวว่า อดีต ผกก.โจ้ สำนึกในการกระทำผิด และรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ขาดความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต โดยน้อมรับโทษตามที่ศาลพิพากษามา ไม่ขอต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาอีกต่อไป โดยให้โทษเป็นไปตามที่ศาลพิพากษาไว้ ซึ่งตนยังรู้สึกห่วงสุขภาพของลูก

ด้าน น.ส.ธนัญญา กล่าวว่า พี่ชายต้องการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ทำไป จึงขอรับโทษ และจะจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวของผู้เสียชีวิตตามที่ได้มีการตกลงกันไว้

ขณะที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ผมไม่เชื่อว่าผู้กำกับโจ้จะสำนึกผิดจริง เพราะเดือนก่อนยังขู่อาฆาตผมจากในเรือนจำ ว่าที่ต้องติดคุก เพราะผมเปิดคลิปนาทีสังหาร แต่ที่ผู้กำกับโจ้ไม่อุทธรณ์ และเยียวยาโจทก์ร่วม เพราะต้องการให้คดีถึงที่สุด เพื่อเข้าหลักเกณฑ์ได้รับอภัยโทษ หลายคนสงสัยว่าแบบนี้ผู้กำกับโจ้จะติดคุกจริงกี่ปี เป็นคนอื่นคงจะมี 15 ปี แต่ระดับผู้กำกับโจ้ผมว่า คงหวังว่าจะติดซัก 5-7 ปี ก็ออกมาลัลล้าได้แล้ว"

ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่แม่และน้องสาวของอดีต ผกก.โจ้ ยื่นคำร้องขอถอนอุทธรณ์คดี เเละขอให้ศาลออกหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดว่า คดีนี้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุดพิจารณา เนื่องจากเป็นคดีที่ถูกทำให้เสียชีวิตระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงานตามหน้าที่ ซึ่งทางอัยการสูงสุดพิจารณาเเล้ว เห็นด้วยกับศาลชั้นต้นไม่ยื่นอุทธรณ์คดี เเต่ยังมีข้อกฎหมายที่ควรรู้ คือ โดยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 245 วรรค 2 บัญญัติไว้ว่า ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องส่งสำนวนคดีที่พิพากษาให้ลงโทษ "ประหารชีวิต" หรือ "จำคุกตลอดชีวิต" ไปยังศาลอุทธรณ์ ในเมื่อไม่มีการอุทธรณ์คำพิพากษานั้น และคำพิพากษาเช่นว่านี้จะยังไม่ถึงที่สุด เว้นแต่ศาลอุทธรณ์จะได้พิพากษายืนคดีจึงจะสิ้นสุด เเต่หากศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษากลับ ก็จะเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดในการพิจารณาว่ายื่นฎีกาหรือไม่ต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น