"ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์" ผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวตำหนิ แจ็กสัน หวัง นักร้องชื่อดังชาวฮ่องกง จากวง GOT7 ของเกาหลีใต้ ว่าเป็นสลิ่มจีน เนื่องจากไม่พอใจที่นักร้องดังแสดงจุดยืน “One China” หลัง แนนซี เพโลซี เหยียบไต้หวันจนสร้างความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีน, อเมริกา และไต้หวันอย่างรุนแรง
จากประเด็น แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน ทำให้ประเทศจีนหวั่นว่าจะกลายเป็นการบ่อนทำลายรากฐานทางการเมืองของความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างร้ายแรง เป็นการรุกล้ำอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศจีนอย่างร้ายแรง คัดค้านอย่างรุนแรง สหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบผลที่ตามมา
ต่อมาพบว่าไอดอล K-Pop เชื้อสายจีนหลายคนออกมาแสดงจุดยืน "จีนเดียว" หลังการเยือนไต้หวันของ "แนนซี เพโลซี" ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกา โดยหนึ่งในนั้นพบว่ามี แจ็กสัน หวัง ดาราชาวฮ่องกงคือหนึ่งในไอดอล K-Pop เชื้อสายจีนที่แสดงจุดยืน “One China” หลัง แนนซี เพโลซี เหยียบไต้หวันจนสร้างความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีน, อเมริกา และไต้หวันอย่างรุนแรง
แน่นอนว่าหลายฝ่ายไม่ค่อยแปลกใจกับจุดยืนดังกล่าวของหนุ่ม แจ็กสัน หวัง นัก เพราะก่อนหน้านี้ในปี 2019 แจ็กสัน หวัง คือหนึ่งในคนดังที่โพสต์ข้อความที่ว่าตนเองคือ "หนึ่งใน 1,400 ล้านคนที่ขอปกป้องธงจีน" หลังเกิดความอื้อฉาวที่มีผู้ประท้วงในฮ่องกงปลดธงชาติจีนโยนทิ้งทะเลมา
ล่าสุดวันนี้ (4 ส.ค.) นายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต และผู้ต้องหาคดี 112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Pavin Chachavalpongpun" ระบุ "แจ็กสัน หวัง" ก็คือสลิ่มจีน โดยเจ้าตัวได้ระบุข้อความว่า
"ackson Wang ก็คือสลิ่มจีน สั้นๆ แค่นั้น นางเกิดปี 1994 ตอนนาง 3 ขวบ อังกฤษคืนเกาะฮ่องกงให้จีน จากนั้นฮ่องกงก็ค่อยๆ ถูกกลายพันธุ์ให้กลายมาเป็นเมืองท่าโปรจีน หวังเติบโตในช่วงฮ่องกงแบบใหม่ แบบที่ถูกครอบงำโดยปักกิ่ง และเป็นช่วงที่เริ่มเกิด the rise of China ดังนั้น การจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจบันเทิงได้จำเป็นต้องอวยจีน เพราะตลาดจีนใหญ่มหาศาล มีประชากรนับพันล้าน จึงไม่ต้องแปลกใจอะไรที่หวังกลายมาเป็นโฆษกให้รัฐบาลจีน
เมื่อวาน ทันทีที่เกิดประเด็นสหรัฐฯ-ไต้หวัน หวังรีบออกมาเลียจีนทันที ประกาศนโยบายจีนเดียว ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ถ้าหวังไม่ออกมาพูด ก็คงไม่เลวร้ายเท่าไหร่ แค่หวังเลือกที่จะเล่นประเด็นการเมือง ดังนั้น แฟนคลับมีสิทธิ์วิจารณ์นางได้ เลิกพูดได้แล้วว่างานบันเทิงต้องแยกออกจากการเมือง เพราะอีตัวนักร้องนี่แหละ ที่เอาการเมืองมาปนกับธุรกิจบันเทิงของตัวเอง
บางทีดิฉันก็งงในความเป็นแฟนคลับหวังของคนไทย โดยเฉพาะฝั่งประชาธิปไตย คือถ้าอีสลิ่มไทยจะเชียร์หวัง ดิฉันเข้าใจได้ แต่ฝั่งเรานี่แหละ ที่ต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยในบ้านของตัวเอง พอเจอเซเลบที่ตัวเองชอบ ที่เบาไปชอบเผด็จการ กลับเห็นว่าเป็นเรื่องที่รับได้ ดังนั้น คนพวกนี้ไม่ได้มีหลักการอะไร มีแต่ความคันเท่านั้นค่ะ"