ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ เตือนกรณีอาจารย์เจษฎ์ นักวิทย์คนดัง ซื้อยาโมลนูพิราเวียร์กินเอง แถมเผื่อแผ่ญาติพี่น้อง ระบุทุกคนไม่จำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัส ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ หวั่นเชื้อดื้อยา แถมเบียดเบียนผู้อื่น ชี้เจ้าตัวไม่ใช่หมอ โพสต์ความคิดเห็นส่วนตัวไม่ได้อิงวิชาการ แนะประชาชนเลือกเชื่อถือข้อมูลจากแพทย์เท่านั้น
วันนี้ (2 ส.ค.) รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผอ.รพ.) จุฬาลงกรณ์ ออกมาเตือนถึงการใช้ยาต้านไวรัสสำหรับรักษาโควิด-19 หลัง รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ โพสต์ภาพยาโมลนูพิราเวียร์ ที่เจ้าตัวนั้นหาซื้อมาเอง และอ้างว่าสั่งยามาเพิ่มแล้ว หลังจากที่บ้านญาติติดโควิดกันไปทั้งหลัง และแทบไม่มีใครได้ยาต้านไวรัสเลย เพราะยังไม่ถึงเกณฑ์ 608 ของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ว่า การใช้ยาต้านไวรัสยังคงยืนยันต้องทำข้อบ่งชี้ เป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ ยาไม่ได้มีเพียงพอสำหรับทุกคน และทุกคนก็ไม่ได้จำเป็นต้องใช้ยาเหมือนกันหมด
การใช้ยาโดยเฉพาะยาต้านไวรัสควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบจากยาภายหลัง เพราะการใช้ยาเกินจำเป็น นอกจากเกิดผลกระทบต่อร่างกายแล้ว ยังเท่ากับเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาด้วย กรณีการซื้อยามาใช้เองของอาจารย์ดังกล่าว โดยมีการระบุว่า คนในครอบครัวไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 แต่ก็ต้องการให้คนในครอบครัวได้รับยานั้น ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง เพราะเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นแพทย์ หรือมีความรู้เรื่องยา การเขียนข้อความต่างๆ เป็นการโพสต์แสดงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่ใช่ความคิดเห็นของแพทย์ ดังนั้นประชาชนควรพิจารณาและเลือกเชื่อถือข้อมูลจากแพทย์เท่านั้น โอกาสการดื้อยา มีเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นจึงไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ
รศ.นพ.ฉันชายกล่าวว่า ที่ผ่านมาทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีการติดตามมอนิเตอร์ความคิดเห็นของ รศ.ดร.เจษฎา ทางเฟซบุ๊กมาโดยตลอด การโพสต์ข้อมูลต่างๆ โพสต์แสดงความคิดเห็นแบบส่วนตัว ไม่ได้มีการอ้างอิงตามวิชาการ ดังนั้นก็ไม่ควรนำมาเชื่อถือ ส่วนเรื่องกรณีนี้ทำให้มีการนำไปเป็นแบบอย่างและซื้อยาจากประเทศเพื่อนบ้านมาใช้ หรือทำให้เกิดกระแสการหาซื้อยาในโลกออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ อย่างไรก็ตาม ก็จะมีการนำเรื่องนี้หารืออีกครั้งในจุฬาฯ
อีกด้านหนึ่ง เฟซบุ๊กของ รศ.ดร.เจษฎา ได้ลบภาพและข้อความดังกล่าวออกแล้ว และยืนยันเจตนากับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าไม่ได้ต้องการโฆษณายา แค่เอาประสบการณ์มาเล่าให้คนอื่นฟัง
อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.เจษฎายังได้กล่าวตอบโต้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ที่ออกมาตำหนิการซื้อยาโมลนูพิราเวียร์มากินเอง ว่า ถ้าความอ้วน คือสาเหตุที่ VIP ได้ยาต้านไวรัสกัน คนอื่นๆ ที่อ้วน ก็ควรได้ยากันทั้งประเทศด้วย และถ้ายาไม่เพียงพอ ขาดแคลน รัฐจัดหาให้ไม่ได้ ก็ควรช่วยเร่งจัดหา ปลดล็อกต่างๆ ให้ประชาชนเข้าถึงยาได้มากขึ้น เร็วขึ้น ไม่ติดขัดอยู่แต่กับกลไกรัฐ เพราะหน้ากากขาดแคลน แอลกอฮอล์ขาดแคลน วัคซีนขาดแคลน ชุดตรวจขาดแคลน คนไทยผ่านมาหมดแล้ว นี่ยังมาเจอยาขาดแคลนอีก