รองผู้ว่าฯ สมุทรสาครถกแก้รถติดจากอุบัติเหตุคานสะพานกลับรถถนนพระราม 2 ร่วงทับรถยนต์ดับ 1 นายช่างดับอีก 1 ชี้กำลังหาทางเปิดช่องทางหลักแก้รถติดหลังรถติดสะสม 6-7 กิโลเมตร แต่ต้องรอคำตอบวิศวกร แนะเลี่ยงใช้เพชรเกษม-บรมราชชนนีไปก่อน ด้านวิศวกรรมสถานฯ ลงพื้นที่ ยันภาพรวมโครงสร้างแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องทุบทิ้ง
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. จากกรณีที่เกิดอุบัติเหตุคานสะพานกลับรถบนถนนพระรามที่ 2 กม.ที่ 34 บริเวณเยื้องกับโรงพยาบาลวิภาราม สมุทรสาคร ต.บางกะเจ้า อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ที่กำลังอยู่ในระหว่างปิดปรับปรุง หล่นลงมาทับรถยนต์ที่กำลังสัญจรบนช่องทางหลัก (Main Road) ขาเข้ากรุงเทพฯ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 31 ก.ค. 2565 ทำให้มีรถยนต์ได้รับความเสียหายรวม 3 คัน ประกอบด้วย รถเก๋งเชฟโรเลต รถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ รถบรรทุกน้ำมันยี่ห้อฮีโน่ มีผู้เสียชีวิตรวม 2 ราย คือ น.ส.สุวรรณี รักท้วม อายุ 40 ปี เสียชีวิตในรถเก๋งเชฟโรเลต และนายชาญ ชาวทอง อายุ 48 ปี พนักงานโยธา ศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 ปทุมธานี ตกลงมาจากสะพาน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร ส่วนผู้บาดเจ็บมี 2 ราย คือ น.ส.ลัคขณา จงศิริโรจน์กุล อายุ 40 ปี คนขับรถยนต์ ปัจจุบันกลับบ้านได้แล้ว และนายฉัตรชัย ศิริมาศ อายุ 27 ปี ลูกจ้างชั่วคราว ศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 ปทุมธานี ได้รับบาดเจ็บฟกช้ำ อาการปลอดภัย รักษาตัวที่โรงพยาบาลสมุทรสาคร
ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาจากเหตุการณ์แผ่นปูนสะพานกลับรถหล่นทับรถยนต์ โดยระบุว่า ทางจังหวัดได้เรียกผู้เกี่ยวข้องมาประชุมเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ และหาแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้เกิดความสะดวกในการเดินทางของประชาชน เนื่องจากถนนพระรามที่ 2 มีปริมาณรถค่อนข้างมาก และมีรถติดสะสมพอสมควร เนื่องจากมีความจำเป็นต้องปิดช่องทางหลักเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน ที่ประชุมมีข้อสรุปว่าจะพยายามหาทางเปิดช่องทางเดินรถเพิ่มขึ้นเพื่อลดการจราจรติดขัดฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ แต่ต้องรอวิศวกรให้คำตอบว่าสะพานยังมีความแข็งแรงทางวิศวกรรมหรือไม่จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้ ทั้งนี้ ได้มีข้อสั่งการในเรื่องของการจราจร เพราะตอนนี้ติดขัดสะสมประมาณ 6-7 กิโลเมตร โดยแนะนำให้ประชาชนใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม และถนนบรมราชชนนี เพื่อเข้ากรุงเทพฯ ไปก่อน ซึ่งจะสะดวกกว่า
อีกด้านหนึ่งที่จุดเกิดเหตุ ได้มีญาติของนายชาญ ชาวทอง คนงานก่อสร้างที่เสียชีวิต นำข้าวของมาเซ่นไหว้และประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ โดยมีมารดาของนายชาญทำพิธีด้วยตัวเองพร้อมญาติอีก 2 คน และจะนำศพของนายชาญไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า หลังจากนั้นญาติของ น.ส.สุวรรณี รักท้วม ก็ได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตเช่นกัน ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย ต่อมาเวลา 12.00 น. น.ส.ปรียานันท์ ลิขิตศานต์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานมกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย น.ส.สุวดี ทวีสุข สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว ว่าทำตามกฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงานหรือไม่
กระทั่งเวลา 14.00 น. รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพของสะพานกลับรถ เปิดเผยว่า สะพานกลับรถแห่งนี้เป็นการบูรณะซ่อมเสริมสะพานที่ดำเนินการใช้งานมากว่า 30 ปีแล้ว มีความเสื่อมโทรมและเกิดรอยร้าวตามสภาพ อีกทั้งจุดดังกล่าวยังเคยเกิดไฟไหม้รถบรรทุกน้ำมัน เกิดความร้อนเนื่องจากไฟไหม้ อาจมีผลกระทบต่อคอนกรีตและเหล็กเสริม แต่จากการตรวจสอบในช่วงขณะนั้นพบว่ายังสามารถใช้งานได้ตามปกติ กระทั่งถึงกำนดระยะเวลาซ่อมแซมด้วยวิธีรื้อผิวคอนกรีตออก ซ่อมแซมเหล็กเสริมใหม่ และเทคอนกรีตใหม่ บังเอิญว่าพอเอาพื้นออกกำลังเตรียมการเทปูนก็เกิดปัญหาขึ้น
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบยืนยันว่าโครงสร้างสะพานกลับรถภาพรวมยังมั่นคงแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนเพื่อสร้างใหม่ สามารถใช้การปรับปรุงซ่อมแซมตามแผนเดิมได้ ส่วนการเปิดใช้ช่องทางหลักขาเข้ากรุงเทพฯ ที่ปิดการจราจรบริเวณใต้สะพานกลับรถนั้น ได้แนะนำให้กรมทางหลวงเชื่อมเหล็กยึดโยงกับตัวคานสะพานด้านในเพื่อความปลอดภัย เมื่อเชื่อมยึดเสร็จก็จะประชาสัมพันธ์ว่าได้ดำเนินการแล้ว ก่อนเปิดเส้นทางให้รถสัญจรได้ตามปกติ แต่จะมีป้ายขอให้ผู้ใช้ยานพาหนะลดความเร็วเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน ส่วนปัญหานี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้นตนคงไม่สามารถยืนยันได้ เพราะอุบัติเหตุไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่เชื่อได้ว่าทั้งผู้ควบคุมงานและผู้ปฏิบัติงานไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแก่ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างแน่นอน
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า สำหรับสภาพการจราจรบนถนนพระรามที่ 2 ช่วงจุดเกิดเหตุดังกล่าว พบว่าการจราจรติดขัดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้กั้นพื้นที่ให้รถที่มาจากช่องทางหลักมาใช้ช่องทางขนานซึ่งมีเพียง 2 ช่องจราจรเท่านั้น เมื่อพ้นสะพานกลับรถไปแล้วถึงจะเข้าทางหลักมุ่งหน้ากรุงเทพมหานครได้ตามปกติ สำหรับผู้ใช้เส้นทางจากภาคใต้ สามารถเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นเพื่อเข้ากรุงเทพฯ ได้แก่ ถนนเพชรเกษม ผ่านจังหวัดราชบุรี นครปฐม ซึ่งจะอ้อมกว่าถนนพระรามที่ 2 ประมาณ 41 กิโลเมตร หรือหากเลยจังหวัดสมุทรสงครามไปแล้ว ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 375 ถนนบ้านแพ้ว-พระประโทน ออกถนนเพชรเกษมที่ จ.นครปฐม มุ่งหน้ากรุงเทพฯ หรือทางหลวงชนบท ก่อนถึงอำเภอบ้านแพ้ว สามารถเลี้ยวขวาไปตามถนนบ้านแพ้ว-กระทุ่มแบน ข้ามสะพานท่าจีน 2 ผ่านอำเภอกระทุ่มแบน ต่อเนื่องถนนเศรษฐกิจ 1 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพุทธสาคร เพื่อไปออกถนนเพชรเกษม และถนนพุทธมณฑล สาย 4 ได้อีกทางหนึ่งด้วย