ทนายตั้มที่รับทำคดีให้ พอร์ส นรากร นักร้องนำวง Yes Indeed ยันประกาศทางค่ายไม่มีผลแล้ว ไม่มีพันธะใดๆ ต่อกันอีกแล้ว ท้าหากจะบังคับตามสัญญายื่นฟ้องต่อศาลเท่านั้น ถ้ามั่นใจว่าไม่เอาเปรียบเด็ก ท้าให้เปิดสัญญา
วันนี้ (27 ก.ค.) จากกรณีที่เกิดกรณีพิพาทระหว่างนายนรากร อิสระวรางกูร หรือพอร์ส นักร้องนำวงเยส อินดีส (Yes Indeed) ที่แจ้งเกิดบนวอล์กกิ้งสตรีท สยามสแควร์ กับค่ายเพลง EXP Entertainment ซึ่งล่าสุดค่ายดังกล่าวยังคงชี้แจงว่าบริษัทฯ ได้ทำสัญญาจ้างขับร้องและนักแสดงกับ พอร์ส นรากร โดยได้รับความยินยอมจากบิดาโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สัญญาดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ และไม่สามารถบอกล้างอีกได้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ได้ปฏิเสธการบอกเลิกการให้ความยินยอมดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากผู้จัดงานหรือผู้ว่าจ้างประสงค์จะจ้างพอร์ส นรากร ซึ่งเป็นศิลปินในสังกัดของบริษัทฯ ทางบริษัทฯ ขอแจ้งให้ท่านติดต่อว่าจ้างผ่านทางบริษัทฯ เท่านั้น
อ่านประกอบ : ไม่จบ! ค่าย EXP Entertainment ประกาศ "พอร์ส Yes Indeed" ยังเป็นศิลปินในสังกัด
ล่าสุด นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ที่รับทำคดีให้ พอร์ส นรากร โพสต์ข้อความระบุว่า "เอกสารฉบับนี้ไม่มีผลแล้วครับ เพราะน้องพอร์สได้บอกเลิกสัญญาและบิดาได้บอกเลิกการให้ความยินยอมที่เคยให้ไปแล้ว จึงถือว่าในเบื้องต้นสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว และคู่สัญญาไม่มีพันธะใดๆ ต่อกันอีกแล้ว
หากค่ายต้องการบังคับตามสัญญา จจึงมีทางเดียวคือ ต้องนำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อใช้อำนาจเท่านั้นนะครับ
ดังนั้น ณ ปัจจุบันน้องพอร์สสามารถรับงานเองโดยอิสระได้ และบุคคลภายนอกที่จ้างน้องพอร์สก็จ้างต่อไปได้โดยถือเอาเหตุยกเลิกสัญญาของน้องพอร์สเป็นที่ตั้งครับ
ปล. ไม่ใช่การบอกเลิกสัญญากันง่ายๆ อย่างที่บางคนเข้าใจ กรณีนี้คือการที่ผู้เยาว์ทำสัญญาแล้วเสียเปรียบ ผู้ปกครองแม้จะเคยให้ความยินยอมแล้วก็สามารถบอกเลิกการให้ความยินยอมได้ เพราะกฎหมายมุ่งคุ้มครองไม่ให้ผู้ใหญ่เอาเปรียบเด็ก และสามารถบอกเลิกได้ฝ่ายเดียวโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายตกลงก่อน ถ้าค่ายมั่นใจว่าสัญญาที่ทำกับน้องพอร์สไม่เป็นการเอาเปรียบเด็ก ผมขอท้าให้เปิดสัญญา และหากข้องใจในเรื่องกฎหมายก็ฟ้องมาได้เลย ผมพร้อมเสมอ จะได้วัดกันว่าใครแม่นข้อกฎหมายกว่ากัน!!"
อ่านโพสต์ต้นฉบับ คลิกที่นี่