xs
xsm
sm
md
lg

ร.๑๐ พระราชนิพนธ์ “น้ำท่วม” ตั้งแต่ ๑๒ ชันษา! เล่าความลำบากในการฝึก นนร.ดันทรูนเป็นคำกลอน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงได้รับการจารึกไว้ว่า เป็นกษัตริย์พระองค์แรกของราชวงศ์จักรีที่ทรงขับเครื่องบิน ทรงขับทั้งเครื่องบินโดยสาร เครื่องบินรบ รวมทั้งเครื่องบินปีกหมุน และทรงเป็นกษัตริย์ที่เคยนำทหารเข้าสู่สมรภูมิด้วยพระองค์เอง ท่ามกลางเสียงปืนดังไม่ขาดสาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นมกุฎราชกุมาร มีพระยศเป็นร้อยเอก บรรทมในหลุมลึก ๒ ฟุต หลังคาคลุมด้วยหญ้า มีเพียงเป้ทหารหนุนพระเศียร และเสวยข้าวจี่ทาไข่กับปลาร้า

แต่เมื่อครั้งพระชนมายุเพียง ๑๒ พรรษา ทรงแสดงอัจฉริยทางด้านการประพันธ์ ใช้เวลาเพียง ๑ ชั่วโมง พระราชนิพนธ์เรื่อง “น้ำท่วม” มีความว่า

“ตอนค่ำวันเสาร์ ขณะที่ผมกำลังรับประทานข้าวเย็นอยู่ที่บ้าน โทรศัพท์ในห้องอาหารก็ดังขึ้น คนใช้รีบไปรับ เขาพูดโทรศัพท์สักครู่ใหญ่แล้วก็เดินยิ้มมาพูดกับผมว่า

“ข่าวดีครับคุณหนู พรุ่งนี้คุณป้าคุณหนูจะชวนคุณหนูไปที่บ้าน เพื่อไปเล่นพายเรือและเล่นน้ำที่บ้านท่าน บ้านท่านที่อยู่ริมน้ำไงครับ น้ำที่แม่น้ำขึ้นเพราะฝนตกเลยท่วมขึ้นมาพ้นสนามในบ้านหมด น้ำลึกถึงเอวเลยครับ”

ผมดีใจมากจึงรับประทานข้าวไม่ได้มาก ผมรีบลุกขึ้นจากโต๊ะกินข้าวและไปแปลงฟัน ทำการบ้านแล้วก็รีบเข้านอน
ตลอดคืนผมนอนไม่หลับเลย เพราะผมรู้สึกเจ็บคอมาก ความจริงผมเจ็บคอมาตั้งแต่รับประทานอาหารแล้ว แต่ผมปิดบังไม่บอกใคร กลัวว่าเค้าจะบอกแม่ผมและแม่ผมจะไม่ให้ผมไป ในที่สุดผมก็เลิกคิดเรื่องเจ็บคอ กลับมาคิดเรื่องจะไปเที่ยวพรุ่งนี้ว่า จะเอาเพื่อนไปกี่คน และจะไปทำอะไรที่บ้านคุณป้าบ้าง คุณป้าผมเคยบอกว่าคุณป้าชอบให้น้ำท่วมสนามในบ้าน เพราะมีปลาอะไร ๆ มากมายมาว่ายอยู่ในน้ำที่สนาม จะได้ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อปลาที่ตลาด

โอย ผมปวดหัวเสียแล้ว ผมรู้สึกว่าผมจะเป็นไข้เสียแล้ว แต่ผมก็ไม่ลดละความพยายามที่จะอดกลั้นความเจ็บไว้ เพราะผมคิดอยู่เสมอ ถ้าบอกคนอื่นผมก็จะอดไปเที่ยว

รุ่งเช้าของวันใหม่มาถึงแล้ว ผมยังนอนแซ่วอยู่ในเตียง ผมรู้สึกว่าตัวร้อนมาก ผมพยายามลุกขึ้นแต่ลุกไม่ไหว พอดีคนใช้เห็นเข้าจึงถามว่า

“คุณหนูเป็นอะไรไปครับ ดูหน้าตาแองเชียว”

ผมฝืนใจพูดว่า “เปล่า” เบา ๆ คนใช้ตรงเข้ามาจับหน้าผากผมและพูดว่า “คุณหนูเป็นอะไร ตัวร้อนนี่”

ผมไม่พูดว่าอะไร รู้สึกว่าไม่สบายมาก เกือบจะแข็งใจไม่ไหวแล้ว

คนใช้นั้นรีบออกจากห้องนอนผมไป คนใช้ไปบอกแม่ผมมา แม่ผมรีบเข้ามาในห้องนอนผมและเอาปรอทมาให้ผมอม เมื่อชักปรอทขึ้นจากปากผมปรอทก็ขึ้นไปถึง ๓๗.๒ ซี ผมเลยปลงตกแล้วว่าผมต้องอดไปแน่

แม่ผมถามว่า “รู้สึกตั้งแต่เมื่อไหร่”

ผมตอบเบา ๆ ว่า “เป็นตั้งแต่เมื่อวานนี้แล้ว”

แม่ผมถามอีกว่า “ทำไมไม่บอกเล่า”

ผมนิ่งอึ้งแล้วบอกว่า “ผมกลัวอดไปเที่ยวครับ”

“นั่นแน่จับได้แล้ว” แม่ผมพูด และแม่ผมพูดต่อไปอีกว่า “ลูกรักทำอย่างนี้ไม่ถูกนะลูก ถ้าเผื่อลูกบอกเสียตั้งแต่เมื่อวาน แม่ก็จะหายาให้ และตามหมอมาตรวจและอาจไม่เป็นมากเท่านี้ก็ได้ ลูกอย่าเห็นแก่การเที่ยวมากเกินไป ผลเสียมีหลายอย่างนะ นี่...วันจันทร์นี้ก็จะสอบแล้ว ถ้าลูกบอกเสียตั้งแต่เมื่อวาน หมอก็จะได้ให้ยา วันนี้อาจจะหายแล้ว และวันจันทร์ก็จะได้สอบ นี่ลูกไม่บอกนี่ วันจันทร์นี้ลูกสอบไม่ได้แล้วจะต้องลาพัก ถ้าเผื่อขาดเรียนบ่อย ๆ ความรู้ก็จะไม่มี และเวลาโตขึ้นลูกก็จะลำบากมาก”

ผมรู้สึกเสียใจมากที่ผมได้ทำผิดครั้งนี้ ก็เพราะห่วงความสนุกนั่นเอง

“ต่อไปนี้ ผมจะไม่ทำผิดอีกแล้ว” ผมพูดเบา ๆ แล้วก็หลับไป.”

นอกจากทรงพระราชนิพนธ์บทร้อยแก้วเรื่องนี้แล้ว ยังทรงพระราชนิพนธ์กราบบังคมทูลพระกรุณาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนี ในโอกาสที่ทรงเข้าศึกษา ณ โรงเรียนนายร้อนดันทรูน ออสเตรเลีย เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๕ เป็นบทร้อยกรอง มีความว่า

“เมื่อสิบสองมกรา หนึ่งห้า ลูกคลาคลาด
ต้องนิราศ จากไป ไกลนักหนา
จำใจจาก แม่พ่อ คลอน้ำตา
นึกขึ้นมา คราใด ใจอาวรณ์
ลูกจากไป ครานี้ มีจิตมั่น
จะขยัน และทำตาม คำพร่ำสอน
ถึงลำบาก อย่างไร ไม่อุทธรณ์
สู้ทุกตอน ตามประสงค์ จำนงใจ
ห้าอาทิตย์ เข้าเรียนใหม่ ไร้ญาติมิตร
ทรมานจิต ทรมานกาย ไม่แจ่มใส
ตื่นตีห้า ฝึกหนักงาน มากมาย
ความสบาย ไม่เคยพบ สบอารมณ์
จะไปไหน พ้นชายคา จะต้องวิ่ง
ห้ามยืนพิง ห้ามนั่งเหม่อ เจอขื่นขม
โดนทำโทษ ล้างส้วม ด่าตรอมตรม
แสนระทม ค่ำเช้า เศร้าอุรา
ออกกำลัง อย่างทหาร เป็นงานใหม่
วิ่งสิบไมล์ ปีนเขาลง หน้าผา
แบกเครื่องหลัง ข้ามน้ำ ตามเวลา
หากทำช้า เกินกำหนด ปลดออกไป
ฝึกอาวุธ แถวชิด ผิดเสมอ
มัวแต่เผลอ ฟังคำสั่ง ว่าไฉน
เขาสั่งเร็ว เสียงเพี้ยน ไม่เข้าใจ
เขาสั่งไป เรายืนเฉย เชยเหลือเกิน
ตรวจเครื่องแบบ ร่างกาย ในตอนเช้า
ดูผมยาว เสื้อผ้า ดูท่าเขิน
สุขภาพ ความสง่า เวลาเดิน
มัวแต่เพลิน ถูกตัดแต้ม แถม พี.ที.
รบในป่า ใช้อาวุธ สุดลำบาก
นอนแช่ปลัก มุดหนาม เมื่อยามหนี
มีข้าศึก คอยติดตาม ทุกนาที
ข้าวไม่มี ติดท้อง สองสามวัน
เขาช่างสรร ความลำบาก ให้ยากยิ่ง
ทำให้จริง ยิงแทง แข็งขยัน
สอนต่อสู้ หลบหลีก อย่างฉับพลัน
สอนครบคัน เหลี่ยมชาย ไว้รับมือ
เขาถือว่า จะเป็นนาย ต้องแข็งแกร่ง
ต้องแสดง อนุภาพ น่าเชื่อถือ
เสียสละ มีความรู้ คู่ฝีมือ
รักเกียรติชื่อ วงศ์วาน บ้านเมืองตน
วันอากาศ แจ่มใส ลูกใจสู้
วันฝนพรู หิมะแฉะ แย่สับสน
มันหนาวเหน็บ น่าเบื่อ เหลือจะทน
ทุกข์ระคน ใจเศร้า เคล้าน้ำตา
หวังสี่ปี ข้างหน้า ถ้าโชคช่วย
อาจอำนวย ให้สำเร็จ การศึกษา
คงได้รับ ยศศักดิ์ ปริญญา
ดังเจตนา แม่พ่อ ผู้รอคอยฯ”

พระราชนิพนธ์นี้อยู่ใน “๖๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ์” เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๕






กำลังโหลดความคิดเห็น