ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เผยโชคดี "ฝีดาษลิง" ไม่ติดต่อง่ายเหมือนโควิด-19 แต่มีสิ่งที่ควรระวังคือ ฝีดาษลิงเตรียมพร้อมที่จะมีการปะทุขึ้นตลอดเวลา และการแพร่กระจายจะไม่จบสิ้นในเวลาอันรวดเร็วแน่นอน
วันนี้ (26 ก.ค.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ชี้ฝีดาษลิงไม่ได้ติดต่อกันง่ายเหมือนโควิด แต่ไม่จบลงง่ายๆ ทั้งนี้ หมอธีระวัฒน์ได้ระบุข้อความอธิบายว่า
"ฝีดาษลิงไม่ได้ติดต่อกันง่ายแบบที่เราเห็นในโควิด แม้ว่ากลไกการแพร่จะเป็นในลักษณะแบบเดียวกันคือ การสัมผัสใกล้ชิด โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ สัมผัสกับผื่น (ยกเว้นที่เป็นสะเก็ดแล้ว) แพร่ทางละอองฝอย ไอ จาม และการแพร่จะเกิดขึ้นต่อเมื่อคนติดเชื้อเริ่มมีอาการแล้ว (ไข้ ปวดหัว ปวดเมื่อยตัว ปวดหลัง ตามด้วยผื่น ต่อมน้ำเหลืองโต)
ฝีดาษลิงเตรียมพร้อมที่จะมีการปะทุขึ้นตลอดเวลาที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้เนื่องจากประชาชนในทุกประเทศทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษหรือฝีดาษซึ่งสามารถมีภูมิคุ้มกันข้ามไปยังฝีดาษลิงได้อย่างน้อยถึง 85% แต่การฉีดวัคซีนไข้ทรพิษได้มีการยุติลงในปี 2523 ทั้งนี้เนื่องจากถือว่าไข้ทรพิษได้สูญไปจากโลกแล้ว ดังนั้นคนที่เกิดก่อนปี 2523 ในประเทศไทย ซึ่งน่าจะมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป น่าจะยังมีภูมิคุ้มกันฝีดาษลิงอยู่ได้ แต่ไม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ เมื่ออ้างอิงตามหลักฐานที่มีการศึกษารายงานในวารสาร นิวอิงแลนด์ในปี 2007 ศูนย์สัตว์จำพวกลิงในรัฐโอเรกอนของสหรัฐฯ โดยเป็นการศึกษาระยะยาวในเจ้าหน้าที่ 45 คน และทำการติดตามภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนไปยาวเฉลี่ย 15 ปีหรือนานกว่า พบว่า 60% ยังคงมีภูมิคุ้มกันต่อฝีดาษลิงได้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไข้ทรพิษแล้ว โดยที่ประเมินว่าภูมิที่ยังเหลืออยู่นั้น ควรจะมีระยะเวลาที่ใช้ได้อยู่ถึง 90 ปีจากการดูหลักฐานในเซลล์ความจำระบบ B cell และระดับของภูมิในน้ำเหลือง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถยืนยาวได้ทั้งหมดทุกคนที่มีภูมิคุ้มกันหลงเหลืออยู่ ทั้งนี้เนื่องจากประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันในร่างกายจะถดถอยลงเรื่อยๆ เมื่ออายุมากขึ้น
สถานะภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ที่ได้รับจากวัคซีนไข้ทรพิษ ทั้งในแอฟริกา และทั้งโลก น่าจะเริ่มเสื่อมโทรมไป นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันปาสเตอร์ได้ทำแบบจำลองคณิตศาสตร์ รายงานใน bulletin ขององค์การอนามัยโลกในปี 2020 และได้ข้อสรุป และตั้งข้อสังเกตว่าฝีดาษลิงจะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ แปรตามสัดส่วนของภาวะภูมิคุ้มกันที่เริ่มลดลงในประชากรในประเทศแอฟริกา เช่น คองโก หลังจากที่หยุดการฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ ซึ่งสามารถป้องกันข้ามไปยังฝีดาษลิงได้ และเริ่มเห็นการระบาดหนาตาขึ้นเรื่อยๆ
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเหมือนกับเป็นการนับวันรอปะทุ โดยที่ความสามารถในการแพร่จากคนหนึ่งไปสู่คนอื่นที่เดิมน้อยกว่าหนึ่ง ประมาณ 0.7-0.8 นั่นคือ คนติดเชื้อหนึ่งคน สามารถแพร่ต่อไปหาคนอื่นได้น้อยมาก แต่อาจจะสูงขึ้น เป็นมากกว่าหนึ่ง และนั่นหมายถึง การระบาดแพร่กระจายจะไม่จบสิ้นในเวลาอันรวดเร็ว (sustained transmission)"