สะพัด พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ พายิ่งลักษณ์หลบหนีคดีจำนำข้าว ก.ตร.ถกเลื่อนเงินเดือนให้

จับตาการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ขออนุมัติเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ "พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์" คนที่ระบุว่าพาอดีตนายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" หลบหนี พบผ่านไป 3 ปีกลับเข้ารับราชการตำรวจเมื่อปี 2563 ปัจจุบันเป็น รอง ผบก.1 บก.อก.บช.ภ.4 ขอนแก่น

วันนี้ (25 ก.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้ เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะเดินทางมาเป็นประธานประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2565 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพบว่าวาระการประชุมหนึ่งในนั้นคือการขออนุมัติเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายในห้วงที่มิได้ปฏิบัติราชการให้แก่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการ 1 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (รอง ผบก.1 บก.อก.บช.ภ.4) จ.ขอนแก่น

สำหรับ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ อดีตรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 (รอง ผบก.น.5) เคยถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเอาผิดทางวินัยร้ายแรงและถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หลังพบว่ามีความผิดใช้รถผิดกฎหมายพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีการฟังคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีรับจำนำข้าวเมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2560 ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ออกจากราชการไว้ก่อน และติดตามตัวมาดำเนินคดี แต่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ไม่เดินทางมาและไม่สามารถติดต่อได้ หลังผ่านไป 3 ปี ปรากฏมีชื่อของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ กลับเข้ารับราชการตำรวจเมื่อปี 2563 และปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รอง ผบก.1 บก.อก.บช.ภ.4 โดย ก.ตร.จะพิจารณาอนุมัติเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายในห้วงที่ไม่ได้ปฏิบัติราชการให้แก่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ในการประชุมครั้งนี้

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า จากหนังสือบันทึกข้อความ เรื่อง รายงานการซักถามผู้เกี่ยวข้องกรณีการพา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนี ที่ส่งถึง พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ขณะดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2560 หรือ 2 วันก่อนวันอ่านคำพิพากษาคดีรับจำนำข้าว เวลา 18.20 น. พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ขับรถเก๋งสายตรวจยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีบรอนซ์เทา หมายเลขตราโล่ 0980 ไปพบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านถนนวัชรพล 5 นาที ต่อมามีรถเบนซ์สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มี น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งอยู่ด้วย จากนั้นรถเบนซ์สีดำไม่ทราบทะเบียนขับมุ่งไปที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล ถนนสุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์จึงขับรถยนต์ตราโล่ตามไป จนถึงหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล รถเบนซ์สีดำเข้าไปทางป้อมยามของหมู่บ้านในซอย 23 ส่วนรถของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ จอดรออยู่ที่ปากซอย 23 ไม่ตามเข้าไป

ต่อมาอีก 2 นาที มีรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีบรอนซ์เทา มีซันรูฟ ติดป้ายทะเบียน ฌย 2123 กรุงเทพมหานคร ขับมา และขับนำรถยนต์คันที่ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ไป โดยคัมรี่คันดังกล่าวนั้นมี น.ส.ยิ่งลักษณ์นั่งมาโดยเป็นการเปลี่ยนรถยนต์นั่งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์จนถึงซอย 38 รถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้ารุ่นคัมรี่ก็ได้ขับเข้าไปยังบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ซึ่งอยู่ท้ายซอย โดย พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์เองก็ได้ขับรถยนต์เข้าไปจอดไว้ในบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ จากนั้น พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ ซึ่งในรถเก๋งคันดังกล่าวมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯ ที่เป็นผู้หญิงอีก 1 คน นั่งอยู่ โดยทั้งสองคนได้ใช้หน้ากากอนามัยสีดำปิดปากและจมูกไว้ และสวมหมวกเเก๊ปสีเข้มไว้ทั้งสองคน

รถคันดังกล่าวมุ่งหน้าออกจากหมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล เลี้ยวซ้ายไปที่ถนนรามอินทรา มุ่งหน้าเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามถนนสุวินทวงศ์ มุ่งหน้าจังหวัดฉะเชิงเทรา พอผ่านตัวจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เลี้ยวซ้ายไปทาง อ.พนมสารคาม เมื่อถึง ต.เขาหินซ้อน ได้เลี้ยวขวาไปตามถนนสระแก้ว-เขาหินซ้อน มุ่งหน้า จ.สระเเก้ว แล้วต่อด้วยถนนสุวรรณศร มุ่งไปยัง อ.อรัญประเทศ เมื่อถึงตัวอำเภออรัญประเทศ เวลาประมาณ 22.00 น. ได้ขับรถไปตามถนนสุวรรณศร เพื่อไปที่นัดหมาย โดยมีรถมารอรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ห่างจากสถานีรถไฟอรัญประเทศประมาณ 1 กิโลเมตรเศษ ซึ่งบริเวณดังกล่าวไม่มีไฟส่องสว่างจากที่ใดๆ

เมื่อไปถึงมีรถยนต์กระบะสี่ประตู สีทึบ ไม่ทราบยี่ห้อ และหมายเลขทะเบียน จอดรออยู่ และมีชายลักษณะสูงประมาณ 180 เซนติเมตร ซึ่งมองเห็นหน้าไม่ชัดว่าเป็นชายไทยหรือไม่ โดยรถยนต์กระบะคันดังกล่าวได้เปิดไฟกะพริบซ้ายขวาด้านหลังไว้ด้วย ซึ่ง พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ได้จอดรถยนต์คันที่ขับมาต่อท้าย จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินมารับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเลขาฯ หญิง ไปขึ้นรถกระบะคันดังกล่าวแล้วขับออกไป ส่วน พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้ขับรถต่อไปอีก 500 เมตร จึงแวะจอดข้างทางเพื่อนอนพักผ่อนชั่วคราว โดยตื่นเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 24 ส.ค. 2560 จึงได้ขับรถยนต์กลับกรุงเทพฯ ตามเส้นทางเดิม ถึงบ้านพักของ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ที่หมู่บ้านชัยพฤกษ์ วัชรพล ในเวลาประมาณ 06.00 น. โดยไม่ได้แวะพักที่ใดแต่อย่างใด และได้จอดรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่คันดังกล่าวไว้ที่บ้าน

กระทั่งวันที่ 28 ส.ค. 2560 พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้ขับรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นคัมรี่คันดังกล่าว โดยเปลี่ยนป้ายทะเบียนเป็น ฌข 5323 กรุงเทพมหานคร แล้วนำแผ่นป้ายทะเบียนเดิมห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ไปซุกซ่อนไว้ที่บริเวณที่เก็บยางอะไหล่ภายในกระโปรงท้ายรถคันดังกล่าว นำไปให้ ด.ต.พรพิพัฒน์ มากบุญงาม ขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับหมู่ ฝ่ายอำนวยการ 7 ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม (ผบ.หมู่ ฝอ.7 ภ.จว.นครปฐม) ที่จังหวัดนครปฐม เพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน ซึ่ง ด.ต.พรพิพัฒน์ เคยรับราชการและทำการร่วมกันกับ พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ในสมัยที่เคยรับราชการอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามด้วยกันเมื่อประมาณเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในวันต่อมา พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้โทรศัพท์ไปบอก ด.ต.พรพิพัฒน์ ให้นำป้ายทะเบียนที่ซุกซ่อนไว้ในรถไปทำลายด้วย โดยได้นำมาจอดไว้ที่ร้านอาหารแสงจันทร์ของ ด.ต.พรพิพัฒน์ ในตัวเมืองนครปฐม ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยยังไม่ได้ทำอะไรกับรถยนต์คันดังกล่าว จากนั้น พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ได้โทรศัพท์มาบอกให้ด.ต.พรพิพัฒน์ นำแผ่นป้ายทะเบียนอีกชุดหนึ่งที่ซุกซ่อนอยู่ในที่เก็บยางอะไหล่ในกระโปรงท้ายรถคันดังกล่าวไปทำลาย มีกระดาษหนังสือพิมพ์ห่อไว้

ต่อมาวันที่ 30 ส.ค. 2560 ด.ต.พรพิพัฒน์จึงได้ติดต่อให้ พ.ต.ท.สามมิตร ไชยอิ่นคำ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งสารวัตรสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม (สว.สส.ภ.จว.นครปฐม) ซึ่งเป็นนักเรียนพลตำรวจรุ่นเดียวกัน นำรถยนต์คันดังกล่าวไปเพื่อนำไปแยกชิ้นส่วนทำลายหลักฐาน จากนั้น พ.ต.ท.สามมิตรได้นำรถยนต์คันดังกล่าวจากร้านอาหารเเสงจันทร์ของ ด.ต.พรพิพัฒน์ ไปจอดไว้ใต้ต้นไม้บริเวณบ้านของ ด.ต.ธนารักษ์ ชาวสวนเเก้ว ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับหมู่งานสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ผู้ใต้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท.สามมิตร โดยยังไม่ได้นำไปแยกชิ้นส่วนเเต่อย่างใด ต่อมาวันที่ 21 ก.ย. 2560 ด.ต.พรพิพัฒน์ และผู้บังคับบัญชาของ พ.ต.ท.สามมิตร ได้โทรศัพท์ไปสอบถามเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ดังกล่าว ก่อนให้นำรถยนต์คันดังกล่าวมามอบให้เจ้าหน้าที่ที่สำนักงานตำรวจเเห่งชาติ และมาให้ปากคำเกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว