xs
xsm
sm
md
lg

"หมอยง" ชี้ "ฝีดาษลิง" ยากกำจัดให้หมดไป คงต้องอยู่กับโรคนี้อีกนาน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา เผย "ฝีดาษลิง" กำจัดให้หมดไปยาก ส่วนใหญ่พบในกลุ่มชายรักชาย แต่อาการโรคไม่รุนแรง อัตราการเสียชีวิตน้อย ชี้เราคงต้องอยู่กับโรคนี้อีกนาน

วันนี้ (25 ก.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความในประเด็น "ฝีดาษวานร หรือฝีดาษลิง" ชี้ฝีดาษลิงยากที่จะควบคุมหรือกำจัดให้หมดไป ทั้งนี้ "หมอยง" ได้ระบุข้อความว่า

"ฝีดาษวานร เป็นโรคที่องค์การอนามัยโลกประกาศเป็น ภาวะฉุกเฉินฯ ระหว่างประเทศ ในวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 ทุกประเทศควรจะต้องช่วยกันในการควบคุม ลดการระบาดของโรค ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก มากกว่า 16,000 คน มีรายงานกล่าวถึงการเสียชีวิต 5 ราย แต่ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกในวันที่ 22 กรกฎาคม 2565 ไม่มีผู้เสียชีวิต พบผู้ป่วยมากกว่า 70 ประเทศ และจะพบจำนวนเพิ่มมากขึ้นอีกแน่นอน

โรคนี้เป็นโรคที่ไม่รุนแรง มีอัตราการเสียชีวิตน่าจะน้อยกว่า 3 ใน 10,000 โดยเฉพาะพวกกลุ่มเปราะบางเท่านั้น ฝีดาษวานรที่รายงานให้องค์การอนามัยโลกพบในเพศชาย 98% และอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ จำนวนมากเป็นชายรักชาย ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (22 ก.ค. 2565) และผู้ป่วยมีการติดเชื้อ HIV ร่วมด้วยเป็นจำนวนมาก

Multi-Country Monkeypox Outbreak - Global Trends

โรคฝีดาษวานรติดต่อและแพร่กระจายโดยการสัมผัสอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะกิจกรรมเพศสัมพันธ์ โรคอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์ จึงยากที่จะควบคุมหรือกำจัดให้หมดไป กามโรคมีมานับหลายร้อยปี มียารักษาที่ดีก็ไม่สามารถกำจัดให้หมดไปได้ ในทำนองเดียวกัน ฝีดาษวานรจึงเป็นการยากในการควบคุม และกำจัดให้หมดไป นอกจากฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพได้ครอบคลุมเกือบทั้งหมด ก็ต้องใช้จ่ายเงินอีกจำนวนมาก เราคงต้องอยู่กับโรคนี้อีก"
กำลังโหลดความคิดเห็น