xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 17-23 ก.ค.2565

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.11 รมต.ผ่านศึกซักฟอกฉลุย ด้าน ส.ส.ก้าวไกลไม่พอใจ วางดอกไม้จันทน์ที่นั่งนายกฯ!

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ได้มีการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลจำนวน 11 คน โดยการอภิปรายจะมีต่อเนื่องเป็นเวลา 4 วัน ถึงวันที่ 22 ก.ค. และลงมติวันที่ 23 ก.ค. ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้อ่านญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตอนหนึ่ง โดยโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า การบริหารแบบคุยโวที่ผ่านมาทั้งหมดตลอด 8 ปี คือความบกพร่อง ผิดพลาด ล้มเหลวของตัวท่านเองแต่เพียงผู้เดียว และความสิ้นหวังที่เกิดขึ้นกับประชาชนในขณะนี้ ยากเกินความสามารถเกินสติปัญญาของท่านที่จะแก้ไข ไม่ควรดันทุรังบริหารประเทศต่อไปอีกแล้ว “หวังว่าคนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ควรจะไปจากสภาแห่งนี้ เพราะท่านไม่เคยให้เกียรติสภาแห่งนี้ ท่านอย่าอยู่เพื่อเป็น 608 ทำลายประเทศชาติเลย”

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ได้ลุกขึ้นชี้แจงตอนหนึ่งว่า วันนี้มีปัญหามากมาย นพ.ชลน่านทราบดีอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ฟังว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง หรือฟังแต่อาจจะฟังไม่ครบ หรือฟังโดยใช้อวัยวะข้างเดียว ไม่ได้ฟังสองข้าง พล.อ.ประยุทธ์ ยังติง นพ.ชลน่านที่พูดถึง 608 ด้วยว่า ต้องให้เกียรติ 608 ด้วย เขาเป็นประชากรที่สูงอายุ ต้องให้ความสำคัญกับคนเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า “นายกฯ ไม่ใช่คนรู้ทุกเรื่อง เก่งทุกเรื่อง หรือฉลาดที่สุด เหมือนบางคนที่ท่านบอกฉลาดที่สุด แต่ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ...ความเป็นผู้นำประเทศ ผมก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านายกฯ ท่านอื่นๆ หรืออดีตนายกฯ ของท่าน ลองไปหาสิ่งที่ดีๆ มองด้วยสายตา 2 ข้าง หู 2 หู จะได้เห็นอะไรที่ดีๆ บ้าง ...ผมทราบดีว่า ท่านคงชื่นชมหลายคนที่เคยทำงานมาก่อนว่าดีกว่าผม แต่ไม่เป็นไร ก็เอากลับมาให้ได้ก็แล้วกัน”

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการอภิปรายเมื่อวันที่ 21 ก.ค. ช่วงที่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายการใช้งบของกองทัพ มีช่วงหนึ่ง นางอมรัตน์ได้ยกกระจกขึ้น พร้อมระบุว่า “สุดท้ายที่อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ สิ่งนั้นคือกระจกบานนี้ เพราะท่านปิดคอมเมนต์ในเพจเฟซบุ๊ก ชื่อ ‘ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-0-cha’ ประชาชนไม่มีสิทธิที่จะสะท้อนความรู้สึกไปยังท่านได้ อยากบอกว่า กระจกบานนี้เวลาที่ท่านชี้หน้าใคร บอกว่าก่อความวุ่นวายก่อความไม่สงบ ให้มองที่กระจกบานนี้ เวลาที่ท่านเที่ยวชี้หน้าใครบอกไม่มีมารยาท ไม่รักชาติ ให้มองที่กระจกบานนี้ และเวลาที่ท่านว่าใครไม่อ่านประวัติศาสตร์ ก็ให้ท่านมองที่กระจกบานนี้ ทั้งหมดคือคนในกระจก”

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชี้แจงนางอมรัตน์ตอนหนึ่งว่า วันนี้ท่านบอกว่าชื่อของตนมีความหมายนู่นนี่ ไปคิดเอาแล้วกันว่าคำว่า “ตู่กับเตี้ย” ความหมายเหมือนกันหรือไม่ คงไม่เหมือนกันหรอก แต่ไปดูว่าใครทำประโยชน์มากกว่า เห็นว่าท่านก็เคลื่อนไหวอยู่ข้างนอกตลอดเวลา ท่านบอกว่าศึกษาประวัติศาสตร์ก็ดี ก็ศึกษาประวัติศาสตร์ส่วนที่ดีไว้บ้าง เรื่องของการก้าวล่วงสถาบัน รับไม่ได้อยู่แล้ว และจำเป็นต้องพูด ส่วนเรื่องกระจก ตนไม่ค่อยได้ใช้

ขณะที่นางอมรัตน์ได้ลุกขึ้นประท้วง ถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า ตนก้าวล่วงสถาบันตรงไหน ข้อหามาตรานี้ผิด มีโทษร้ายแรง อยู่ดีๆ จะมาปากพล่อยว่าคนอื่นอย่างนี้ได้อย่างไร ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไปดูในคดีต่างๆ ก็มีอยู่หลายคดีเหมือนกัน ไปเตรียมต่อสู้คดีเอาแล้วกัน ขณะที่นางอมรัตน์ได้ลุกขึ้นกล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ให้นายกฯ ถอนคำพูด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันไม่ถอน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการอภิปรายของนางอมรัตน์เมื่อวันที่ 21 ก.ค. มีบางช่วงบางตอนที่มีการกล่าวพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งในที่สุด วันต่อมา (22 ก.ค.) นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้ไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. ให้ตรวจสอบการอภิปรายของนางอมรัตน์ ที่กล่าวพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ว่า ขัดต่อกฎหมายมาตรา 108 และมาตรา 112 หรือไม่ พร้อมนำคลิปการอภิปรายของนางอมรัตน์ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐานด้วย

สำหรับผลการลงมติในญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีรายบุคคลจำนวน 11 คน (23 ก.ค.) ปรากฏว่า ทั้ง 11 คน ต่างได้รับเสียงไว้วางใจให้ทำงานต่อไป โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้คะแนนไว้วางใจ 256 ต่อ 206 งดออกเสียง 9 , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้คะแนนไว้วางใจ 268 ต่อ 193 งดออกเสียง 11 , นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้คะแนนไว้วางใจ 264 ต่อ 205 งดออกเสียง 3 , นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้คะแนนไว้วางใจ 241 ต่อ 207 งดออกเสียง 23

พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้คะแนนไว้วางใจ 245 ต่อ 212 งดออกเสียง 13 , นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้คะแนนไว้วางใจ 262 ต่อ 205 งดออกเสียง 5 , นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้คะแนนไว้วางใจ 249 ต่อ 205 งดออกเสียง 18 , นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้คะแนนไว้วางใจ 244 ต่อ 209 งดออกเสียง 17 , นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้คะแนนไว้วางใจ 249 ต่อ 204 งดออกเสียง 18 , นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้คะแนนไว้วางใจ 246 ต่อ 206 งดออกเสียง 20 , นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้คะแนนไว้วางใจ 243 ต่อ 208 งดออกเสียง 20

เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐมนตรีที่ได้รับเสียงไว้วางใจมากสุด คือ พล.อ.ประวิตร ได้ 268 เสียง ส่วนรัฐมนตรีที่ได้เสียงไว้วางใจน้อยสุด คือ นายจุรินทร์ ได้เพียง 241 เสียง

ทั้งนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการโหวตลงคะแนน บรรดา ส.ส.พรรคก้าวไกล อาทิ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล นายรังสิมันต์ โรม ฯลฯ ซึ่งพากันแต่งชุดดำมาประชุมสภาฯ ได้นำดอกไม้จันไปวางบริเวณที่นั่งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ออกไปแล้ว

ซึ่งกรณีที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล นำดอกไม้จันเข้ามาในห้องประชุมสภาก่อนจะมีการโหวตลงมตินั้น ได้มี ส.ส.บางคนปรึกษาเรื่องนี้กับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ แล้วว่า สภาเป็นที่ทรงเกียรติไม่ใช่วัด ไม่ใช่เมรุ ขอให้ประธานควบคุมและดูความเรียบร้อยด้วย ซึ่งนายชวนกล่าวว่า ถือว่าเป็นพฤติกรรมของแต่ละท่าน หากปฏิบัติผิดข้อบังคับประธานก็ควบคุมได้ แต่จะควบคุมมารยาทจริยธรรมบางทีก็ยาก

2.ส.ส.เพื่อไทย อภิปราย "ชัยวุฒิ" นอกใจภรรยาจนหย่าร้าง ผิดจริยธรรมร้ายแรง เจ้าตัวโต้ มาตรฐานต่ำ ด้าน "กานต์กนิษฐ์" อดีตภรรยา แยกแยะได้ ยังโหวตไว้วางใจ!


เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภา น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายไม่ไว้วางใจนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีพฤติการณ์จงใจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มีความประพฤติเสื่อมเสียต่อศีลธรรมอันดี ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง โดยทำร้ายจิตใจภรรยาของตัวเองอย่างแสนสาหัส จนภรรยาต้องออกมาโพสต์ข้อความตัดพ้อ

น.ส.ชนก อภิปรายต่อว่า ตนพูดในฐานะหัวอกแม่คนหนึ่ง และพูดในฐานะที่เป็นเพื่อนภรรยาท่านนายชัยวุฒิ ซึ่งเป็น ส.ส. ด้วย ตนมั่นใจว่าเพื่อนสมาชิกอยากได้ข้อมูลจากตน เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะไว้วางใจนายชัยวุฒิหรือไม่ และว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้ออกประกาศประมวลจริยธรรมของข้าราชการทางการเมืองปี 2564 เมื่อวันที่ 11 ต.ค.64 ซึ่งเป็นมาตรฐานทางจริยธรรมที่สูงมาก ไม่ว่าจะคู่สมรสหรือบุคคลข้างกายต้องใช้มาตรฐานทางจริยธรรมนี้เช่นกัน ซึ่งนายชัยวุฒิกระทำขัดข้อ 10 ฝ่าฝืนจริยธรรมและทำร้ายจิตใจภรรยาอย่างแสนสาหัส

อย่างไรก็ตาม ส.ส.หญิงพรรคพลังประชารัฐและฝ่ายรัฐบาล ได้ลุกขึ้นประท้วงการอภิปรายประเด็นดังกล่าวเป็นระยะ เนื่องจากเห็นว่า เนื้อหาจะส่งผลกระทบเป็นตราบาปกับบุตรของรัฐมนตรี

ขณะที่ น.ส.ชนก อภิปรายต่อว่า ตราบาปที่เพื่อนสมาชิกได้กล่าวอ้างนั้น ตนไม่ได้เป็นคนทำ ตนก็เป็นแม่ เป็นภรรยา เป็นเพื่อนของภรรยารัฐมนตรีชัยวุฒิเช่นกัน พฤติกรรมของรัฐมนตรีที่ตนกล่าวอ้างมาทั้งหมด ในที่สุดทราบว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้มีการหย่าร้างกับภรรยา จากนั้นได้เปิดรูปนายชัยวุฒิที่ถ่ายร่วมกับบุคคลกลุ่มหนึ่ง โดยเบลอหน้าทุกคน ยกเว้นนายชัยวุฒิ

ด้านนางนันทนา สงฆ์ประชา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาภิวัฒน์ ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า เรื่องนี้จะเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่สมควรอย่างยิ่ง ประธานควรสั่งให้หยุดการอภิปราย เรื่องนี้เป็นเรื่องครอบครัว การเอารูปอย่างนี้ขึ้นสมควรหรือไม่ ขอให้ประธานวินิจฉัยด้วย แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ถูกต้อง

ขณะที่ประธานสภาฯ วินิจฉัยว่าไม่ต้องบรรยายภาพว่าเป็นอย่างไร ขอให้คิดถึงใจเขาใจเราด้วย ถ้าหากมีคลิปหรือภาพอะไร ขออย่าเปิดอีกเลย

ด้าน น.ส.ชนก อภิปรายว่า นายชัยวุฒิมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี ตนอดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอื้อประโยชน์ในกระทรวงที่รัฐมนตรีบริหารอยู่หรือไม่ จึงไม่สามารถไว้วางใจนายชัยวุฒิได้จริงๆ

มีรายงานว่า น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ อดีตภรรยานายชัยวุฒิ ได้เดินทางมาร่วมประชุมในสภาฯ เพื่อติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล เพียงแต่ในช่วงที่มีการอภิปรายเนื้อหาที่ถูกพาดพิง น.ส.กานต์กนิษฐ์ ได้ลุกออกไปนอกห้องประชุม ไม่ได้อยู่ร่วมรับฟัง

ต่อมา นายชัยวุฒิ ชี้แจงว่า ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกคนที่ให้เกียรติตน ได้ช่วยกันประท้วงและมีการควบคุมการอภิปราย จริงๆ ตนไม่ได้ประสงค์ให้มีการปิดกั้น อยากให้พูดให้หมด รูปภาพจะเปิดก็เปิดไปเถอะ ของมันไม่จริงมันก็ไม่มีอะไร ไม่ได้กลัวอยู่แล้ว แต่ส่วนตัวคิดว่าการอภิปรายในประเด็นเรื่องแบบนี้ไปไกลไปหน่อย ตนว่ามาตรฐานมันต่ำ อภิปรายเรื่องต่ำ คนพูดก็จะต่ำไปด้วย มีเรื่องให้พูดตั้งเยอะ ตนคิดว่าคนที่ให้ข้อมูลท่านพูดรื่องนี้ไม่ได้หวังดีกับท่าน เพราะนอกจากภาพที่ไม่ดีจะติดตัวไปแล้ว มันจะมีคดีติดตัวด้วย คดีหมิ่นประมาท ไปฟังคนโน้นคนนี้ว่ามา มโนไปอย่างโน้นอย่างนี้ แล้วเอามาพูดในสภาฯ ข้อเท็จจริงไม่มี สุดท้ายก็ไปสู้กันที่ศาล ไม่ใช่ตนฟ้อง แต่คนที่เสียหายเขาฟ้อง

นายชัยวุฒิ กล่าวด้วยว่า “ทุกคนถ้ารู้จักผม จะรู้ว่าผมเป็นคนอย่างไร คุณไม่รู้จักผม ก็อย่ามาอภิปรายในเรื่องส่วนตัวผม ไปฟังคนโน้นคนนี้พูดมา แล้วเอามาพูดมันไม่ใช่”

ด้าน น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงให้นายชัยวุฒิตอบให้ตรงประเด็น และจี้ถามว่า ”เมื่อสักครู่ดิฉันยังอภิปรายฯไม่จบด้วยซ้ำ หากนายชัยวุฒิบริสุทธิ์ใจจริง ไม่กังวลจริง ท่านหย่าทำไม”

เป็นที่น่าสังเกตว่า เฟซบุ๊ก "กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ" ของ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ และอดีตภรรยานายชัยวุฒิ ได้โพสต์ข้อความหลังการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล (23 ก.ค.) ว่า "หลังจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจสิ้นสุดลง นี่เป็นครั้งแรกที่กานต์ขอใช้พื้นที่นี้ พูดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ก่อนอื่นกานต์ ต้องขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่ส่งให้กานต์และครอบครัวตลอดช่วงเวลาอภิปรายที่ผ่านมา

"ซึ่งในการอภิปรายครั้งนี้ของกรณีคุณชัยวุฒิ กานต์มองว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเรา ไม่ว่าบทสรุปของครอบครัวกานต์จะลงเอยอย่างไร กานต์และคุณชัยวุฒิ ยอมรับการตัดสินใจของกันและกัน และพร้อมจะดูแลลูกๆ ของเราอย่างดีที่สุด

"กานต์ไม่ปรารถนาให้ใครก็ตามเอาเรื่องภายในครอบครัวของกานต์ มาเป็นเป็นเครื่องมือทางการเมืองมาพูดในสภา เพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเอง ลูกๆ ของกานต์ยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขายังเด็กและไม่ควรมารับรู้เรื่องที่ผู้ใหญ่ก่อขึ้น และเขาอาจจะต้องเผชิญกับสายตาแปลกๆ จากสังคมที่โรงเรียนของเค้า

"วันนี้เป็นวันลงมติกัน กานต์ใช้เวลาครุ่นคิดอยู่นานอย่างมีสติว่า กานต์ต้องแบ่งแยกให้ได้ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว และที่สำคัญเหนือสิ่งใด คือความรู้สึกของลูกๆ เมื่อลูกโตขึ้นหนูจะเข้าใจว่า ไม่ว่าใครพยายามจะทำร้ายครอบครัวเราในสภาฯ อย่างไร....ทุกอย่างที่แม่ทำ แม่จะไม่ทำให้ลูกๆ เสียใจ"


ทั้งนี้ น.ส.กานต์กนิษฐ์ ได้แนบภาพประกอบข้อความที่โพสต์ดังกล่าวด้วย โดยเป็นภาพบัตรประจำตัว ส.ส.ของตนเสียบในเครื่องระหว่างลงมติ เพื่อยืนยันว่า ตนยังคงลงมติไว้วางใจนายชัยวุฒิ

3. ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด "ทนง พิทยะ" กับพวก คดีสินบนโรลส์รอยซ์การบินไทย ขณะที่เจ้าตัวอ้าง แค่ทำตามมติบอร์ด!



เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับพวก กรณีถูกกล่าวหาคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงินจากบริษัท โรลส์รอยซ์ฯ ผู้นำเข้าเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน Boeing 777-200ER ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือคดีสินบนโรลส์รอยซ์ ครั้งที่ 3 ระหว่างปี 2547-2548 รวมความเสียหายประมาณ 7.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 254 ล้านบาทว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ค. องค์คณะไต่สวนที่มี ป.ป.ช. 9 คน เป็นองค์คณะ มีความเห็นควรชี้มูลความผิดนายทนงกับพวก และที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติตามที่องค์คณะไต่สวนเสนอ เบื้องต้นต้องนำเรื่องเข้าที่ประชุม ป.ป.ช.เพื่อรับรองมติอย่างเป็นทางการอีกครั้ง

รายงานแจ้งว่า ป.ป.ช.มีมติ 6 ต่อ 2 เสียง ชี้มูลความผิดนายทนง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบินไทยและที่ปรึกษาอนุกรรมการพิจารณาแผนการลทุนระยะยาวของบริษัท และนายกวีพันธ์ เรืองผกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชี ฝ่ายบริหารงานนโยบายการบินไทย โดยทั้ง 2 คนมีความผิดตามมาตรา 8 และ 1 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502

อย่างไรก็ตาม ความผิดตามมาตรา 11 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว ขาดอายุความคดีนี้ไปแล้ว ดังนั้น จึงเหลือแค่ความผิดตามมาตรา 8 คือ ผู้ใดเป็นพนักงาน มีหน้าที่ซั้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท

ส่วนผู้ถูกกล่าวหาที่เหลือ เช่น นายกนก อภิรดี เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย ฝ่ายบริหารงานนโยบาย และรองประธานอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของการบินไทย มีความผิดทางวินัยร้ายแรง อย่างไรก็ดีนายกนกเกษียณอายุราชการไปนานแล้ว ส่วนผู้ถูกกล่าวหารายอื่น ๆ มีทั้งผิดวินัยไม่ร้ายแรง และบางรายพ้นข้อกล่าวหา

มีรายงานว่า คดีนี้เกิดระหว่างปี 2547-2549 อดีตผู้บริหารการบินไทยบางคน ได้ติดต่อเจรจาต่อรองเพื่อจัดหาเครื่องยนต์สำรองสำหรับเครื่องบิน A340-500/600 และเครื่องบิน B777-200ER กับบริษัทโรลส์รอยซ์ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่ปรากฏว่า มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเปิดซองพิจารณาคัดเลือกตัดสินเพื่อดำเนินการจัดหาตามระเบียบการบินไทยว่าด้วยการพัสดุฯ ซึ่งเป็นสาระสำคัญตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. จนนำไปสู่การตั้งองค์คณะไต่สวน โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ อดีตคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และคณะอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัท การบินไทยฯ จำนวน 10 ราย (จากผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด 26 ราย) กรณีเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงินจากบริษัท โรลส์รอยซ์ ผู้นำเข้าเครื่องยนต์เครื่องบิน Boeing 777-200ER ของบริษัท การบินไทยฯ หรือคดีสินบนโรลส์รอยซ์ ครั้งที่ 3 ระหว่างปี 2547-2548

ด้านนายทนง พิทยะ ให้สัมภาษณ์ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยก่อนหน้านี้เคยแก้ข้อกล่าวหากับ ป.ป.ช.แล้ว 2 ครั้ง ยืนยันว่า ตนในฐานะประธานบอร์ด ดำเนินการตามมติของบอร์ดมาโดยตลอด แต่จำรายละเอียดไม่ได้มากนัก เพราะเรื่องผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว "ผมไม่เข้าใจว่าเป็นแค่ประธานบอร์ด ทำตามมติบอร์ด แต่ถ้าโดนชี้มูลแล้ว ก็ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป คงยาวแน่นอน"

4. พบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรกในไทย เป็น นทท.ชายชาวไนจีเรีย ที่ภูเก็ต ด้านเจ้าตัวไม่เข้ารับการรักษา หลบหนีเข้ากัมพูชา ก่อนถูกรวบตัว!



เมื่อวันที่ 22 ก.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้แถลงกรณีพบผู้ป่วยฝีดาษวานรหรือฝีดาษลิง (Monkeypox) รายแรกของประเทศไทยว่า ได้รับรายงานจาก รพ.แห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ตว่า พบชายชาวไนจีเรีย อายุ 27 ปี มีอาการต้องสงสัยเข้าได้กับฝีดาษลิงเพราะมีตุ่มขึ้นที่ใบหน้า ลำตัว แขนขา และอวัยวะเพศ มีการส่งหนองและสิ่งส่งตรวจต่างๆ ไปตรวจที่ รพ.จุฬาลงกรณ์ พบผลบวกต่อโรคฝีดาษลิงก่อนส่งตรวจเพิ่มเติมที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันตรงกันเมื่อวันที่ 19 ก.ค.

นพ.โอภาส กล่าวว่า "เราไปหาผู้ป่วยสัมผัสเสี่ยงสูง พบ 2 ราย เป็นเพื่อนของผู้ป่วย ยังไม่มีอาการป่วย ส่งสิ่งส่งตรวจไปห้องปฏิบัติการยังไม่พบฝีดาษลิง ต้องสังเกตอาการหรือกักตัวแล้วแต่กรณีอีก 21 วัน และค้นหาผู้ป่วยเพิ่มเติมในจุดเสี่ยง เช่น สถานบันเทิง 2 แห่งที่ผู้ป่วยเคยใช้บริการ พบ 6 รายมีอาการใกล้เคียง คือ ไข้ เจ็บคอ ส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ 4 รายไม่พบติดเชื้อฝีดาษลิง ให้สังเกตอาการหรือกักตัวแล้วแต่กรณี 21 วัน ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างการตรวจ"

นพ.โอภาสเผยอีกว่า การพบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายแรกของประเทศไทยเป็นไปตามระบบเฝ้าระวังโรค และรายงานให้องค์การอนามัยโลกทราบทันที่ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ ซึ่งองค์การอนามัยโลกยังไม่ประกาศให้ฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับโลก เพราะความรุนแรงไม่ได้มาก การติดต่อไม่ได้รวดเร็วมากตั้งแต่พบผู้ติดเชื้อวันที่ 7 พ.ค. 2565 พบผู้ป่วย 12,608 ราย กระจาย 66 ประเทศทั่วโลก

นพ.โอกาส กล่าวด้วยว่า "ข้อมูลทางระบาดวิทยา ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย สันนิษฐานว่า อาจเกี่ยวข้องกับการสัมผัสใกล้ชิดระหว่างผู้ป่วย ฝีหนองจะพบเชื้อไวรัสจำนวนมาก โดยทั่วไปการติดทางเดินหายใจไม่ใช่ลักษณะเด่นของโรคนี้ จะเป็นการสัมผัสใกล้ชิด ส่วนใกล้ชิดแบบไหนบางคนเชื่อว่าอาจเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ แต่รอองค์การอนามัยโลกยืนยันข้อมูลก่อน เพราะแต่ละประเทศยังมีผู้ป่วยไม่เยอะ"

นพ.โอภาสกล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษลิงด้วยว่า จะรักษาตามอาการ ตุ่มอาจดูน่ากลัว แต่ความรุนแรงของโรคไม่มาก ขณะนี้ยังไม่มียาต้านไวรัสโดยตรง ส่วนวัคซีนขณะนี้มีการผลิตและเตรียมใช้ มีหลายบริษัท กรมควบคุมโรคสั่งจองเบื้องต้นแล้ว ส่วนวัคซีนเดิมที่เรามี คือ วัคซีนสำหรับโรคฝีดาษ (smallpox) องค์การเภสัชกรรมเก็บไว้ อยู่ในขั้นตอนที่อาจจะนำมาใช้ได้ แต่ต้องดูตามข้อบ่งชี้ คือ ประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงวัคซีน และประเมินสถานการณ์การระบาด

วันเดียวกัน (22 ก.ค.) นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต นพ.วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ได้แถลงข่าวกรณีพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง ในนักท่องเที่ยวชายชาวไนจีเรีย ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นรายแรกที่พบในไทยว่า หลังจากตรวจสอบยืนยันว่าเป็นโรคฝีดาษลิง ทีมสอบสวนโรคได้ประสานนักท่องเที่ยวดังกล่าวเพื่อเข้ารักษา ซึ่งเบื้องต้นนักท่องเที่ยวยินยอม แต่สุดท้ายได้ปิดโทรศัพท์และออกจากที่พักไป

ทั้งนี้ เบื้องต้นนักท่องเที่ยวดังกล่าวให้ข้อมูลว่า เดินทางเข้ามาภูเก็ตเมื่อเดือน พ.ย.64 จนถึงปัจจุบัน มีประวัติเสี่ยงชอบเที่ยวสถานบันเทิง และได้มีเพศสัมพันธ์กับหญิงสาวเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากนั้นเริ่มมีอาการเมื่อวันที่ 9 ก.ค โดยที่อวัยวะเพศมีตุ่มหนอง จึงเข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชน เมื่อวันที่ 16 ก.ค.

จากการตรวจสอบพบว่า นักท่องเที่ยวได้ออกจากคอนโดมิเนียมในพื้นที่ ต.กะทู้ ในช่วงค่ำของวันที่ 19 ก.ค.65 แล้วหายตัวไป จนมาพบตัวอีกครั้งในพื้นที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ ในวันถัดมา โดยเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่หาดป่าตอง และได้หายตัวไปอีกครั้งในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนพบว่า นักท่องเที่ยวรายดังกล่าวได้ขึ้นรถยนต์ไปทางพื้นที่กะหลิม กมลา และเชิงทะเล หลังจากนั้นภาพจากกล้องวงจรปิดหายไป ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ด่านตรวจภูเก็ต ต.ไม้ขาว อ.ถลาง ยังไม่พบรถคันดังกล่าว และไม่พบนักท่องเที่ยวรายดังกล่าวด้วย

ด้าน พล.ต.ต.เสริมพันธ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า ตอนนี้สันนิษฐานได้ 2 ทาง คือ นักท่องเที่ยวดังกล่าวยังอยู่ในพื้นที่ภูเก็ต หรือได้เปลี่ยนรถคันใหม่แล้วออกจากเกาะภูเก็ตไปแล้ว และยังไม่พบการเดินทางออกนอกประเทศเช่นกัน ส่วนการปฏิเสธเข้ารับการรักษา น่าจะเนื่องมาจากนักท่องเที่ยวรายนี้อยู่ในประเทศไทยเกินกำหนด หรือโอเวอร์สเตย์ เพราะหลังจากที่เข้ามาประเทศไทยเมื่อ พ.ย.64 ยังไม่มีการต่อวีซ่าแต่อย่างใด จึงได้หลบหนี เพราะกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีในข้อหาอยู่ในไทยเกินกว่าที่กำหนด ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องติดตามจนกว่าจะพบตัว

ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า ขณะนี้กรมควบคุมโรคกำลังเร่งติดตามตัวชายชาวไนจีเรียดังกล่าว และส่งรูปพรรณสัณฐานไปทั่วประเทศ โดยมีรายงานว่า ได้เดินทางออกจากภูเก็ตแล้ว เจ้าหน้าที่ติดตามจากโทรศัพท์มือถือ พบอยู่ที่ จ.สระแก้ว 

ล่าสุด มีรายงานว่า นักท่องเที่ยวดังกล่าวได้หลบหนีเข้าประเทศกัมพูชา และถูกตำรวจกัมพูชาจับกุมได้แล้วเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น. (23 ก.ค.) ที่บริเวณหน้า Phsar Doeum Thkov, Khan Chamkarmon กรุงพนมเปญ 

5. ป.ป.ช. ฟัน "ประหยัด พวงจำปา" อดีตรองเลขาฯ ป.ป.ช.ร่ำรวยผิดปกติ 658 ล้าน ส่งเรื่องให้ อสส.ร้องศาลเพื่อให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน!


เมื่อวันที่ 21 ก.ค. แหล่งข่าวระดับสูงจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกมายืนยันกรณีที่มีกระแสข่าวว่า เมื่อเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติ 4 ต่อ 4 เสียง ซึ่งไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า นายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ถูกกล่าวหาในคดีร่ำรวยผิดปกติ มีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติรวมมูลค่ากว่า 658 ล้านบาท และเห็นชอบให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน

โดยมีมติให้ส่งรายการ สำนวนการไต่สวน เอกสารพยานหลักฐานและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินแล้ว
แต่มีทรัพย์สินบางส่วนที่เห็นว่าไม่ใช่ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติ และให้ถอนการอายัดไปด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติดังกล่าว นายประหยัดได้ทำเรื่องอุทธรณ์ขอความเป็นธรรม แต่กรรมการ ป.ป.ช. ยืนยันมติเดิม ชี้ว่า นายประหยัดมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ

อนึ่ง ก่อนหน้านี้ นายประหยัดได้ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดในคดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ กรณีเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบไปแล้ว โดยอัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีมีพฤติการณ์ควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินจำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส โดยเป็นทรัพย์สินในประเทศ 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท


กำลังโหลดความคิดเห็น