xs
xsm
sm
md
lg

พบภาพเด็กไทยถูกล่วงละเมิดทางเพศเกือบ 6 แสนภาพ ในปี 2021 ภัยคุกคาม (ใหม่)? ที่ต้องทบทวนวิธีการรับมือ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รายงานพิเศษ

16 ก.ค. 2565 ตำรวจไซเบอร์เข้าจับกุมชายวัย 20 ปี ที่ จ.บุรีรัมย์ หลังพบข้อมูลว่า ใช้โอกาสในการแสดงตัวเป็นคูรสอนพิเศษ แต่ไปหลอกทำอนาจารกับเด็กผู้ชายที่มาเรียนถึง 17 คน โดยเป็นเด็กในระดับชั้น ป.1 ถึง ม.3

อ่านประกอบ : นศ.ครูสอนพิเศษรับทำจริง! ลวง ด.ช.จับนกเขาถ่ายคลิป แต่ปัดไม่ได้อม-ขาย Only fans ยายลั่นหลานเป็นคนดี

การเข้าจับกุมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากตำรวจจากสหรัฐอเมริกา ส่งข้อมูลเผยแพร่ภาพการทำอนาจารเด็กกลุ่มนี้ ซึ่งถูกอัปโหลดขึ้นสู่โลกออนไลน์ไปยังต่างประเทศ มาให้ตำรวจไทย จึงสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของคลิปและเข้าจับกุมได้ในที่สุด

แต่ที่น่าสนใจมากๆ คือ หากเราพิจารณาจากข่าวสารที่ปรากฎผ่านสื่อมวลชน เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กทางออนไลน์ (ไม่ว่าหญิงหรือชาย) ก็จะพบรายงานข่าวการจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิดในลักษณะนี้ไม่มากนัก จนดูเหมือนว่า นี่อาจเป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ในสังคมไทย

แต่ข้อมูลทางสถิติ กลับไม่ได้บ่งบอกเช่นนั้น

****

สหรัฐฯ เผยข้อมูล คลิปเด็กไทยถูกล่วงละเมิด ถูกเผยแพร่มากกว่า 3-4 แสนคลิปต่อปี

ปี 2019 มีรายงานพบการเผยแพร่คลิปเด็กไทย (ทั้งชายและหญิง) ถูกล่วงละเมิดบนโลกออนไลน์ 355,396 รายการ

ปี 2020 มีรายงานพบการเผยแพร่คลิปเด็กไทย (ทั้งชายและหญิง) ถูกล่วงละเมิดบนโลกออนไลน์ เพิ่มขึ้นเป็น 397,343 รายการ

ปี 2021 มีรายงานพบการเผยแพร่คลิปเด็กไทย (ทั้งชายและหญิง) ถูกล่วงละเมิดบนโลกออนไลน์ เพิ่มขึ้นเป็น 589,515 รายการ

จะเห็นว่า จากปี 2019 – 2020 ใน 1 ปี มีตัวเลขเพิ่มสูงขึ้น ถึง 4 หมื่นรายการ และจากปี 2020-2021 มีตัวเลขสูงขึ้นจากเดิมถึง 1.9 แสนรายการ

ดูเพิ่มเติม :

- ภาพรวมการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ทั่วโลก - สถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ ประเทศไทย ปี 2019 - สถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ ประเทศไทย ปี 2020
- สถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์ ประเทศไทย ปี 2021 
นั่นเป็นข้อมูลจากรายงานที่เรียกว่า CyberTipLine Reports by Country หรือ รายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ทางไซเบอร์ โดยแยกตามรายประเทศ จัดทำโดย ศูนย์เพื่อเด็กหายและถูกฉวยผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (U.S. National Center for Missing and Exploited Children หรือ NCMEC) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนของสหรัฐอเมริกา ที่คอยจับตาดูสถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์จากทั่วโลก

ในรายงานของ NCMEC ทั้งในปี 2019-2020 ประเทศไทย ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม “สีส้ม” ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีความรุนแรงของสถานการณ์มากเป็นอันดับ 2 (อันดับ 1 คือ สีแดง) คือ เป็นกลุ่มที่มีรายงานการเผยแพร่คลิปอยู่ระหว่าง 5 หมื่น ถึง 1 ล้านรายการต่อปี


และเมื่อไปดูในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ สถานการณ์ประเทศไทย ปี 2021 หรือ TIP Reports 2021 จัดทำโดยกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทย ถูกลดระดับจากกลุ่ม Tiers 2 ไปอยู่ในกลุ่ม Tiers 2 ที่ต้องมีการเฝ้าระวัง

ใน TIP Reports 2021 มีความเห็นในเชิงสถิติจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ ต่อตัวเลขของการรับแจ้งที่สหรัฐแจ้งมายังประเทศไทย เทียบกับการตอบสนองต่อการรับแจ้งเหตุของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ซึ่งแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ข้อความนี้มีเนื้อหาว่า

“มีรายงานการแสวงหาประโยชน์ทางเพศทางออนไลน์เพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็ก โดยในช่วงระยะเวลาที่จัดทำรายงาน (ปี 2020) พบว่า หน่วยเฉพาะกิจปราบปรามอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดต่อเด็ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (Thailand Internet Crimes Against Children หรือ TICAC) ได้รับคำแนะนำจากองค์กรพัฒนาเอกชนในสหรัฐฯ (ในกรณีนี้ คือ NCMEC) ว่าตรวจพบกรณีที่เป็นไปได้ว่าจะเป็นการแสวงประโยชน์ทางเพศจากเด็กทางออนไลน์ มากกว่า 260,000 รายการ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับคำแนะนำในรูปแบบเดียวกันในปี 2019 ที่มีอยู่ประมาณ 117,000 รายการ

จากคำแนะนำว่า สหรัฐตรวจพบกรณีที่เป็นไปได้ว่าจะเป็นการแสวงประโยชน์ทางเพศจากเด็กทางออนไลน์ ปรากฎว่า ในปี 2020 TICAC ได้สอบสวนคดีอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ตต่อเด็ก ในจำนวน 94 คดี และในจำนวนเป็นการแสวงจากตัวเด็ก หรือ เข้าข่ายการค้ามนุษย์ 22 กรณี

ส่วนในปี 2019 สอบสวนไป 77 คดี และในจำนวนเป็นการแสวงจากตัวเด็ก หรือ เข้าข่ายการค้ามนุษย์ 26 กรณี

โดยในเดือนกันยายน 2020 TICAC ได้จัดตั้งสำนักงานถาวรขึ้นภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีเจ้าหน้าที่เฉพาะที่ทำงานด้านนี้รวมทั้งสิ้น 17 นาย”

และเพิ่งมีรายงานฉบับล่าสุด TIP Reports 2022 ซึ่งออกมาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยตัวเลขที่ TICAC ได้สอบสวนคดีอาชญากรรมทางอิยเตอร์เน็ดของเด็ก ตลอดปี 2021 ว่ามีทั้งสิ้น 79 คดี (ลดลงจาก 2020 ที่มี 94 คดี) และในจำนวนเป็นการแสวงจากตัวเด็ก หรือ เข้าข่ายการค้ามนุษย์ 11 กรณี

*** (จากข้อมูลทางสถิติ พบว่า ผู้กระทำความผิด 1 ราย มีค่าเฉลี่ยการโพสต์ภาพลงในอินเทอร์เน็ตอยู่ที่หลักร้อยภาพ – และส่วนมาก โพสต์ในหลักสิบเท่านั้น)

จากข้อความของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แม้อาจจะมองได้ว่า เป็นการแสดงความเห็นใจต่อเจ้าหน้าที่ TICAC ของไทย ที่มีเจ้าหน้าที่เพียง 17 นาย และเพิ่งยกระดับมามีโครงสร้างที่ชัดเจนอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2020 ที่ผ่านมา

แต่ในขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของประเทศไทย ไม่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้ทันท่วงที ทั้งที่ NCMEC ซึ่งมอร์นิเตอร์ความเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์อยู่ตลอด พบการลงคลิปล่วงละเมิดทางเพศเด็กในประเทศไทย และแจ้งกลับมายังตำรวจไทยในหลักแสนรายการต่อปี แต่ไทยกลับสามารถดำเนินคดีได้เพียงปีละ 20-30 คดีเท่านั้น

ส่วนรายงานฉบับล่าสุด TIP Reports 2022 ซึ่งเพิ่งออกมาเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2565 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยตัวเลขที่ TICAC ได้สอบสวนคดีอาชญากรรมทางอิยเตอร์เน็ดของเด็ก ตลอดปี 2021 ว่ามีทั้งสิ้น 79 คดี (ลดลงจาก 2020 ที่มี 94 คดี)

นั่นหมายความว่า “มีเด็กไทยจำนวนมาก ที่อยู่ระหว่างตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ด้วยการถูกล่วงละเมิดทางเพศและลงคลิปเผยแพร่ไปทั่วโลก” แต่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

****

องค์กรระหว่างประเทศ แนะนำ ไทยควรทบทวนโครงสร้างการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือเด็กที่ล่วงละเมิด

จากปัญหาที่พบว่า ในปัจจุบัน ประเทศไทย มีหน่วยงานที่รับผิดชอบในการติดตามคดีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในโลกออนไลน์อยู่เพียงหน่วยงานเดียว คือ TICAC

มีข้อสังเกตว่า นั่นอาจเป็นเพราะในเดือน มีนาคม ปี 2017 คณะทำงานปราบปรามอาชญากรรมทางอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดต่อเด็ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทย (ปัจจุบีนคือ TICAC) ได้ลงนามในข้อตกลงแบ่งปันข้อมูลเพื่อต่อต้านการแสวงประโยชน์จากเด็ก กับผู้แทนจาก NCMEC ของสหรัฐ

แม้การลงนามในข้อตกลงนี้ จะเปิดให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถเข้าถึงรายงานของ NCMEC เกี่ยวกับคดีการแสวงประโยชน์จากเด็กได้โดยตรงมากขึ้น แต่ก็มีข้อสังเกตว่า การลงนามครั้งนี้ ทำให้แนวทางปฏิบัติระหว่างสหรัฐกับไทยถูกปรับเปลี่ยนไป จากเดิมที่หน่วยงานเอกชนของสหรัฐ จะคอยชี้เป้าหมายที่พบว่าอาจเป็นการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กไปยังหน่วยงานต่างๆของไทยได้อย่างกว้างขวาง โดยดูอาจความใกล้พื้นที่เกิดเหตุ หรือ ความเชี่ยวชาญต่อกรณีที่เกิด แต่เมื่อมีข้อตกลงนี้แล้ว ข้อมูลทั้งเป้าหมายทั้งหมด ก็จะถูกส่งไปยังหน่วยงานเดียว คือ TICAC และเป็นหน่วยงานเดียวที่เห็นข้อมูล หากไม่มีการส่งต่ออย่างเป็นทางการ

ความล่าช้าในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่อาจทำให้เหยื่อไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เป็นที่มาของรายงานอีกหนึ่งฉบับ มีหัวข้อว่า “การปกป้องคุ้มครองเด็กจากการถููกแสวงหาประโยชน์และล่วงละเมิดทางเพศทางออนไลน์ในประเทศไทย : หนทางข้างหน้า” (Protecting Children in THAILAND from Online Sexual Exploitation and Abuse : The Way Forward) ซึ่งจัดทำโดยความร่วมมือขององค์กรระหว่างประเทศ 3 องค์กร คือ กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) องค์กรตำรวจอา๙ญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) และองค์การเพื่อยุติการค้าประเวณีเด็ก สื่อลามกเด็ก และการค้าเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ (ECPAT) ภายใต้ชื่อว่า “Disrupting Harm”

รายงานฉบับนี้ทั้งอธิบายสภาพปัญหาและระบุถึงข้อเสนอแนะให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ไทย โดยเฉพาะในเชิงโครงสร้างไว้อย่างชัดเจน เช่น

- แต่งตั้งหน่วยงานใดหน่วยงานหนึงของรัฐเป็นศููนย์กลางในการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการแสวงหาประโยชน์และล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางออนไลน์

- มอบหมายงานและจัดสรรทรัพยากรให้ ทั้งนี้้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่่นคงของมนุุษย์สามารถรับบทบาทเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงานป้องกันและแก้ปัญหา

- ทบทวนสายบังคับบัญชาเพื่่อให้เกิดความคล่องตัวในการสืบสวนสอบสวนคดีการแสวงหาประโยชน์ทางเพศและการล่วงละเมิดทางเพศจากเด็กทางออนไลน์

- พัฒนาฐานข้อมููลระดับชาติด้านการแสวงหาประโยชน์และล่วงละเมิดทางเพศจากเด็กทางออนไลน์ขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดการใช้ทรัพยากรที่่เน้นการสืบสวนสอบสวน เกิดการพัฒนาแลกเปลี่ยนหลักฐานระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และขยายความร่วมมือในระดับสากล

- ควรกำหนดแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับการส่งต่อคดีระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนสอบสวน พร้อมทั้งสร้างระบบติดตามตรวจสอบเพื่่อให้แน่ใจว่าเกิดการปฏิบัติตามแนวทางที่กำหนดไว้

- ขยายและพัฒนาศักยภาพของทีมสหวิชาชีพทั่่วประเทศ เช่น การมีส่วนร่วมของนักสังคมสงเคราะห์ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้้เด็กผู้เสียหายได้ระบุุในการให้สัมภาษณ์ว่าการมีส่วนร่วมของทีมสหวิชาชีพในกระบวนการสืบสวนสอบสวนและการพิจารณาคดีของศาล ช่วยลดความกังวลใจของพวกเขาได้

นี่เป็นเพียงหลายตัวอย่างจากข้อเสนอแนะหลายข้อที่ทั้ง 3 องค์กรระหว่างประเทศในนาม จัดทำขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการสนองตอบต่อเหตุเด็กไทยถูกล่วงละเมิดทางเพศและไปปรากฎภาพอยู่บนสื่อออนไลน์ในต่างประเทศโดยเฉพาะ

จากข้อเสนอที่ยกตัวอย่างมา จะเห็นได้ว่า ทั้ง 3 องค์กรในนาม “Disrupting Harm” ได้ชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคของไทย โดยพยายามทำให้ข้อมูลซึ่งทางสหรัฐฯส่งมา ถูกส่งต่อไปยังหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน ทั้งในแง่ของการปราบปรามและในแง่ของการดูแลเด็กที่ตกเป็นเหยื่อ เสนอทบทวนสายบังคับบัญชา เสนอขยายความร่วมมือ และที่สำคัญ คือ ควรมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ประสานทั้งหมดนี้อย่างจริงจัง ซึ่งต่างจากในปัจจุบันที่ไทยใช้ TICAC เป็นเพียงหน่วยงานเดียว แต่ทำหน้าที่ตั้งแต่การรับข้อมูลไปจนถึงการลงมือปฏิบัติการ

และหากเราย้อนกลับไปมองกรณีการจับกุมที่ จ.บุรีรัมย์ เราก็อาจมีคำถามว่า ในเมื่อองค์การเอกชนของสหรัฐอย่าง NCMEC ส่งข้อมูลการอัปโหลดคลิปล่วงละเมิดทางเพศเด็กมาที่ TICAC แล้ว เป็นไปได้หรือที่ TICAC จะตรวจสอบ IP address ของผู้กระทำความผิด และกระจายข้อมูลไปให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เข้าตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของผู้กระทำความผิดได้ก่อน เพื่อระงับความเสียหายได้อย่างทันท่วงที โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ตำรวจไซเบอร์เท่านั้นเป็นผู้ดำเนินการปฏิบัติการเองทั้งหมดได้หรือไม่

และหากปรับรูปแบบโดยประสานการทำงานไปยังหลายหน่วยงานมากขึ้น ข้อมูลนับแสนรายการที่สหรัฐแจ้งมา ก็อาจได้รับการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นหรือไม่?


กำลังโหลดความคิดเห็น