xs
xsm
sm
md
lg

หลวงพ่อโสธรเผยองค์จริงที่ถูกพอกปูนซ่อนมากว่า ๑๐๐ ปี! สมดังที่ ร.๕ ว่า “เอวบาง”!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



พระพุทธโสธร เป็น ๑ ในตำนานพระพุทธรูปลอยน้ำ สันนิษฐานว่าเมื่อครั้งเสียกรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ.๒๓๑๐ คนไทยไม่ได้ห่วงแต่ชีวิตและทรัพย์สินเท่านั้น ยังห่วงสิ่งที่ตนเคารพนับถือด้วย จึงช่วยกันนำพระพุทธรูปสำคัญผูกซ่อนไว้ใต้แพ แล้วปล่อยให้ลอยน้ำลงมาทางใต้เพื่อให้พ้นมือข้าศึก

เล่ากันว่าหลวงพ่อโสธรได้ลอยเข้าไปในแม่น้ำบางปะกงพร้อมกับอีก ๒ องค์ ชาวบ้านพยายามจะฉุดขึ้นบกก็ไม่สำเร็จ ทั้ง ๓ องค์ลอยทวนน้ำขึ้นไป ตำบลนั้นเลยได้ชื่อว่า “สามพระทวน” ต่อมาก็กลายเป็น “สัมปทวน”
ทั้ง ๓ องค์ลอยเข้าไปในคลองหนึ่ง ชาวบ้านพยายามฉุดขึ้นฝั่งก็ไม่สำเร็จอีก ทั้ง ๓ องค์ลอยกลับออกมาที่แม่น้ำบางปะกง คลองนั้นเลยได้ชื่อว่า “คลองพระ”

พอลอยออกแม่น้ำ กระแสน้ำก็ทำให้ทั้ง ๓ องค์จมลงใต้น้ำ องค์หลวงพ่อโสธรมาโผล่ที่หน้าวัดโสธร ซึ่งตอนนั้นยังมีชื่อว่า “วัดหงส์” อาจารย์ไสยศาสตร์ท่านหนึ่งได้ตั้งศาลเพียงตาบวงสรวง แล้วใช้สายสิญจน์คล้องพระหัตถ์อัญเชิญขึ้นบนฝั่ง นำไปประดิษฐานไว้ในวิหาร
 
หลวงพ่อพุทธโสธรเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ สมัยล้านนา หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง ๑.๖๕ เมตร สูง ๑.๙๘ เมตร มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก ทั้งพระหัตถ์ พระเนตร ตลอดจนพระกรรณเป็นลักษณะเฉพาะที่สร้างกันในหลวงพระบางและเวียงจันทน์ ซึ่งเรียกกันว่า “พระลาว” สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากลาว

ต่อมาได้เกิดโรคฝีดาษระบาดขึ้นในจังหวัดฉะเชิงเทรา ชายคนหนึ่งซึ่งป่วยด้วยโรคนี้ แต่หันหน้าไปพึ่งใครไม่ได้ เพราะทุกคนตกอยู่ในสภาพเดียวกัน จึงหันไปหาหลวงพ่อโสธร นมัสการอธิษฐานขอให้หลวงพ่อช่วยรักษา และรับเอายาดีมา ๓ อย่าง คือ ขี้ธูป ดอกไม้เหี่ยวแห้งที่แท่นบูชา และน้ำมนต์ ครั้นเอามาต้มกิน ทา อาบ โรคได้หายไปอย่างน่าอัศจรรย์ กิตติศัพท์ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อจึงเลื่องลือไปทั่ว

เมื่อคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสเมืองฉะเชิงเทราใน พ.ศ.๒๔๕๑ ได้ทอดพระเนตรหลวงพ่อโสธร ทรงมีพระราชหัตถ์เลขาไปถึงองค์มกุฎราชกุมาร มีข้อความตอนหนึ่งว่า “...องค์ที่สำคัญว่าเป็นหมอดีนั้น คือองค์ที่อยู่กลาง ดูรูปตักและเอวบาง เป็นทำนองเดียวกับพระพุทธรูปเทวปฏิมากร...”

พระพุทธรูปเทวปฏิมากร คือพระประธานในพระอุโบสถวัดเชตุพลวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์

คำว่า “หมอดี” นั้นทรงหมายถึงกิตติศัพท์ที่ว่ารักษาโรคภัยเจ็บของชาวบ้านได้
 
พุทธลักษณะของหลวงพ่อโสธรองค์เดิมนั้นงดงามมาก แต่เมื่อข่าวคราวของหลวงพ่อโสธรแพร่ออกไป พระสงฆ์ที่วัดหงส์เกรงว่าจะมีโจรใจบาปมาขโมย จึงนำปูนมาพอกปิดบังองค์จริงไว้ โดยเฉพาะที่พระศอพอกจนหนา ทั้งนี้ก็เพื่อกันถูกตัดพระเศียร
ฉะนั้นหลวงพ่อโสธรที่เห็นเทอะทะ ความจริงองค์เดิมที่อยู่ภายในเอวบางงดงาม แต่ก็ไม่มีใครได้เห็นอีก จนเมื่อเดือนมกราคม ๒๕๖๕ ที่ผ่านมานี้ ได้พบว่าปูนที่พอกหลวงพ่อไว้แตกเป็นรอยร้าว ทางวัดจึงแจ้งไปทางกรมศิลปากร เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี และกลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ ๕ ปราจีนบุรี ได้เข้าสำรวจ พบว่าองค์หลวงพ่อโสธรมีรอยแตกออกจนเห็นเนื้อใน สาเหตุน่าจะเกิดจากความเสื่อมสภาพที่มีการทาสีใหม่ไม่ประสานกับวัสดุเดิม จึงเกิดการแตกร่อน ประกอบกับอาจจะมีความชื้นร่วมด้วย ทางวัดยังคงเปิดให้ประชาชนเข้ากราบไหว้ได้ตามปกติ แต่ห้ามถ่ายรูป
แต่เมื่อเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรได้ลอกปูนที่ห่อหุ้มหลวงพ่อออกเพื่อบูรณะใหม่ เผยให้เห็นองค์จริงที่ถูกซ่อนมากว่า ๑๐๐ ปี ชาวเน็ตที่ไปกราบไหว้เห็นเข้าจึงถ่ายภาพเผยแพร่ออกไปให้คนอื่นได้เห็นเป็นบุญตาด้วย แม้จะมีป้ายที่ทางวัดติดไว้ว่าห้ามถ่าย
องค์จริงของหลวงพ่อโสธรจึงปรากฎว่าตรงตามที่สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงมีพระราชหัตถ์เลขาไว้ว่า “เอวบาง” และพระศอไม่ได้หนาเตอะอย่างถูกพอกกันคนตัด

การบูรณะหลวงพ่อโสธรและพระพุทธรูปรวม ๑๒ ในพระอุโบสถวัดโสธรวรารามวรวิหารครั้งนี้ มีกำหนดตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม - ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ด้วยงบประมาณ ๑,๓๐๐,๐๐๐ บาท

หลังจากที่การบูรณะเสร็จ หวังว่าจะเป็นบุญตาของคนที่เกิดในยุคนี้และต่อๆไป ที่จะได้เห็นองค์จริงของหลวงพ่อโสธรที่ถูกพอกปูนซ่อนรูปมาเป็นเวลากว่า ๑๐๐ ปี จะไม่ถูกพอกอีกต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น