xs
xsm
sm
md
lg

แปลกแต่จริง! พีต้าขู่ฟ้องหมิ่นสำนักข่าวในไทย หลังตีแผ่วิธีสืบหาแคมเปญลิงเก็บมะพร้าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พบองค์กรเพื่อสิทธิสัตว์ "พีต้า" ใช้สำนักงานกฎหมายยื่นโนติสสำนักข่าวภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งในไทย หลังตีแผ่การรณรงค์แคมเปญแบนกะทิจากไทยที่อ้างว่าลิงเก็บมะพร้าวทารุณกรรมสัตว์ กลับพบใช้วิธีส่งชาวต่างชาติ 2 คนไปดูลิงเก็บมะพร้าวโชว์นักท่องเที่ยว ทั้งที่ผู้ผลิตและองค์กรต่างๆ ตรวจสอบแล้วไม่พบ ด้านสำนักข่าวยันพร้อมปกป้องชื่อเสียง

วันนี้ (15 ก.ค.) สำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ (Thai Enquirer) ซึ่งเป็นสำนักข่าวออนไลน์ภาคภาษาอังกฤษ เปิดเผยว่า องค์กรเพื่อสิทธิสัตว์ หรือพีต้า (PETA) ได้มอบหมายให้สำนักงานกฎหมายติลลิกีแอนด์กิบบินส์ (TILLEKE & GIBBINS) แจ้งมายังสำนักข่าว กล่าวหาว่ารายงานข่าวในหัวข้อ "PETA’s orientalism threatens local jobs in Thailand with ill-informed monkey campaign" นั้นมีเนื้อหาอันเป็นเท็จ มีเจตนาทำลายชื่อเสียง และหมิ่นประมาทตามกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328 โดยเรียกร้องให้มีการลบเนื้อหาออกจากเว็บไซต์ในทันที และทำหนังสือตอบกลับมายังสำนักงานกฎหมายติลลิกีแอนด์กิบบินส์ภายใน 14 วัน หากไม่ปฏิบัติตามจะแนะนำให้พีต้าดำเนินการตามกฎหมาย รวมทั้งฟ้องเรียกค่าเสียหายอีกด้วย

สำนักข่าวไทยเอนไควเออร์ระบุว่า การนำเสนอเนื้อหาดังกล่าว ก่อนเผยแพร่บทความได้แจ้งไปยังพีต้าเพื่อขอคำชี้แจง แต่กลับไม่ได้รับคำตอบ จดหมายจากสำนักงานกฎหมายดังกล่าวไม่มีการโต้แย้งเพื่อบอกว่าเนื้อหาดังกล่าวผิดพลาดอย่างไร และเมื่อได้รับหนังสือจากสำนักงานกฎหมายดังกล่าว สำนักข่าวได้อีเมลและโทรศัพท์ติดต่อไปแล้วแต่ไม่มีการตอบสนอง จึงเห็นว่าการส่งหนังสือดังกล่าวเป็นการฟ้องร้องเพื่อปิดปากเสรีภาพสื่อ ซึ่งแม้เป็นเรื่องปกติของบริษัทขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่กระทำการขัดต่อกฎหมายและต้องการปิดปาก แต่ไม่คาดคิดว่าจะมาจากองค์กรพัฒนาเอกชน หรือเอ็นจีโอ

"ไทยเอนไควเออร์ยืนหยัดในการรายงานข่าวของผู้สื่อข่าวของเรา ถ้าพีต้าต้องการมีส่วนร่วมกับเนื้อหา เราพร้อมที่จะเปิดพื้นที่ให้กับเขา แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกที่จะดำเนินการตามกฎหมายเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง และเราพร้อมที่จะปกป้องชื่อเสียงของเรา" รายงานข่าวจากเว็บไซต์ ไทยเอนไควเออร์ ระบุ

สำหรับรายงานข่าวในหัวข้อ "PETA’s orientalism threatens local jobs in Thailand with ill-informed monkey campaign" กล่าวถึงการรณรงค์ของพีต้า ที่ออกมาเคลื่อนไหวคว่ำบาตร (แบน) บริษัทผู้ผลิตกะทิรายหนึ่งในประเทศไทยที่ส่งออกไปยังสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าลิงในประเทศไทยถูกล่ามโซ่ ฝึกอย่างไม่เหมาะสม และถูกบังคับให้ปีนต้นไม้เพื่อเก็บมะพร้าวที่ใช้ทำกะทิ ถือเป็นการคุกคามวิถีชีวิตท้องถิ่นในประเทศไทย ซึ่งรายงานดังกล่าวระบุว่า การตรวจสอบทั้งบริษัทผู้ผลิตกะทิ ผู้ตรวจสอบอิสระ และกลุ่มสิทธิสัตว์ในประเทศไทย ยืนยันว่าไม่มีห่วงโซ่อุปทานใดที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานทาสกับลิง ในทางกลับกัน มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ จะส่งผลทำให้เกษตรในท้องถิ่นและสวนมะพร้าวต่างๆ อาจจะปิดกิจการและคนงานหลายร้อยคนต้องเกิดภาวะความยากจน

นอกจากนี้ บทความดังกล่าวยังตั้งข้อสังเกตว่า การสอบสวนของพีต้าในประเทศไทยมีข้อบกพร่องในระเบียบวิจัย โดยพบว่ามีการส่งชาวต่างชาติ 2 คนเข้ามาในประเทศ แหล่งข่าวในพื้นที่ซึ่งได้รับการว่าจ้างจากชาวต่างชาติดังกล่าวระบุว่า ผู้สืบสวนพยายามถามเรื่องลิงเก็บมะพร้าว ซึ่งพบว่าจงใจที่จะไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งที่มีการแสดงลิงเก็บมะพร้าวให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งที่ปัจจุบันมีลิงน้อยกว่า 100 ตัวทั่วประเทศที่ยังคงใช้ลิงเก็บมะพร้าวแบบดั้งเดิม และจางหายไปอย่างรวดเร็ว รายงานดังกล่าวเป็นเรื่องไร้สาระ ต้องเดินทางลงไปยังภาคใต้ ไกลถึงนราธิวาสจึงจะเห็นว่ามีการใช้ลิงเก็บมะพร้าวอยู่

ด้านนายธีรนัย จารุวัสตร์ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มองว่า ค่อนข้างตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะจดหมายของพีต้าไม่ได้ชี้แจงว่าบทความดังกล่าวมีจุดไหนบกพร่องบ้าง ข้อเท็จจริงคืออะไร และไม่ได้พยายามติดต่อมายังสำนักข่าวเพื่อชี้แจงใดๆ แต่กลับฟ้องร้องอย่างเดียว ทั้งที่สำนักข่าวดังกล่าวได้พยายามติดต่อไปยังพีต้าเพื่อขอความเห็นเพิ่มเติมด้วยซ้ำ แต่กลับไม่มีการตอบรับใดๆ

แม้พีต้าจะมีสิทธิใช้กฎหมายไทยเพื่อดำเนินคดีต่อสำนักข่าวในไทยได้ แต่ก็ถือเป็นการขู่ฟ้องสื่อมวลชนเพื่อปิดปากการนำเสนอข่าวหรือความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ ทั้งที่องค์กรดังกล่าวมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐอเมริกา ที่เสรีภาพสื่อเป็นสิทธิพื้นฐานในรัฐธรรมนูญ ควรมีความเข้าใจเกี่ยวกับเสรีภาพของสื่อมวลชนในการแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์มากกว่า การหยิบเอากฎหมายหมิ่นประมาทมาขู่กันโดยไม่มีการชี้แจง ไม่มีใครได้ประโยชน์

ทั้งนี้ หากพีต้ามองว่าสำนักข่าวนำเสนอข้อมูลจุดไหนไม่จริง ก็ควรชี้แจงอย่างตรงไปตรงมา เอาข้อมูลข้อเท็จจริงมาสู้ ประชาชนจะได้รับทราบและตัดสินใจ พร้อมกันนี้ สมาคมฯ มีความร่วมมือกับสภาทนายความในด้านการจัดหาทนายความและคำปรึกษาเพื่อสู้คดีในกรณีมีคดีความจากการทำหน้าที่สื่อมวลชน หากพีต้าเดินหน้าฟ้องหมิ่นประมาทจริง และสำนักข่าวประสงค์ต้องการให้สมาคมฯ ประสานหาทนายความ หรือขอความช่วยเหลือด้านกฎหมาย ก็สามารถติดต่อเข้ามาได้






กำลังโหลดความคิดเห็น