xs
xsm
sm
md
lg

สมบัติโบราณกว่า ๑,๐๐๐ ปีเป็นเหตุ! ต้องจัดกองกำลังคุ้มกันผู้ว่าฯไปเผาศพเจ้าอาวาสที่ถูกยิงกลางลานวัด!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



ตำนานเมืองนครศรีธรรมราชเล่าไว้ว่า ในสมัยโบราณ มีพราหมณ์ ๒ พี่น้องอพยพหนีความขัดแย้งในอินเดีย พาผู้คนแล่นสำเภาข้ามมาขึ้นบกที่เมืองตะโลกา ปัจจุบันคือตะกั่วป่า แล้วล่องเรือมาตามลำน้ำตะกั่วป่าจนถึงคลองพุมพวง ตั้งบ้านเมืองขึ้นที่บริเวณบ้านรอบ อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานีในปัจจุบัน ให้ชื่อว่า “เมืองระวะตี” พราหมณ์เมาลี ผู้พี่ ตั้งตนเป็น พญาศรีธรรมาโศกราช ขึ้นครองเมือง แต่อยู่ได้ไม่นานก็เกิดโรคห่าระบาดขึ้น จึงอพยพชาวเมืองล่องเรือไปตามแม่น้ำตาปี มาถึงคลองตาลเห็นเป็นชัยภูมิที่เหมาะ จึงตั้งเมืองขึ้นที่นั่น ให้ชื่อว่า “เมืองเวียงสระ” เมืองนี้อยู่ได้นานจนสร้างเมืองได้รุ่งเรือง แต่แล้วก็เกิดโรคห่าระบาดขึ้นที่เมืองนี้อีก จึงต้องย้ายผู้คนไปอยู่ที่เขาชวาปราบ ปัจจุบันอยู่ในอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ จนเห็นว่าโรคห่าหมดไปแล้วจึงย้ายกลับมาที่เมืองเวียงสระ

ต่อมามีพรานผู้หนึ่งไปพบพระบรมธาตุเจดีย์ที่หาดทรายแก้วริมทะเล สอบเรื่องราวได้ความว่า มีเจ้าชายและเจ้าหญิงคู่หนึ่งอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาจากลังกา แต่เรือแตกลอยมาติดฝั่งตรงนั้น จึงได้ฝังพระเขี้ยวแก้วซ่อนไว้ที่หาดทราย เมื่อกลับลังกาได้ก็นำพระเขี้ยวแก้วกลับไปด้วย ต่อมาในปี พ.ศ.๘๕๔ได้นำพระบรมธาตุส่วนหนึ่งกลับมาแล้วสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ขึ้นตรงที่เคยฝังพระเขี้ยวแก้ว แล้วบรรจุพระบรมธาตุไว้ พญาศรีธรรมาโศกราชเห็นว่าที่นี้เป็นมงคลจึงย้ายเมืองมาอยู่ ให้ชื่อว่า “เมืองนครศรีธรรมราช” มาจากชื่อ ศรีธรรมาโศกราช และสร้างพระสถูปใหญ่ตามศิลปะลังกาครอบทับพระบรมธาตุเจดีย์เดิมในประมาณปี พ.ศ.๑๐๐๖

ตอนก่อนจะย้ายจากเมืองเวียงสระมาอยู่เมืองนครศรีธรรมราช พญาศรีธรรมาโศกราชได้เขียนลายทางเป็นปริศนาไว้ว่า หากเมืองนครศรีธรรมราชล่มจม ก็ให้นำสมบัติจากเมืองเวียงสระไปกู้เมือง มีข้อความว่า

“วัดจากคูตรอก มาออกคูพาย วัดจากพระนารายณ์ มาพัทธเสมา วัดเข้าสามศอก วัดออกสามวา ขยับเข้าไปเหล็กแทงตา ถอยออกมากาขี้ใส่หัว”
 


ปัจจุบัน พัทธสีมาที่ทำด้วยศิลาแลงก็ยังอยู่ที่หน้าพระอุโบสถวัดเวียงสระซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองมาตั้งแต่สมัยนั้น อยู่ห่างที่ว่าการอำเภอเวียงสระเพียง ๘ กม. และมีข่าวว่ามีคนพบสมบัติโบราณฝังอยู่ โดยเฉพาะย่านวัดเวียงสระที่มีโบราณสถานเก่าๆยังหลงเหลือ ศาสตราจารย์ ยอร์จ เซเดส์ นักโบราณคดีคนสำคัญก็เคยไปสำรวจ แต่หลักฐานข้อมูลจากการสำรวจไม่เป็นที่เปิดเผย
ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๑๙-๒๕๒๔ อำเภอเวียงสระถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่มีการสู้รบ เนื่องจากมีปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งศูนย์บัญชาการใหญ่อยู่ที่ช่องช้าง บนเทือกเขาบรรทัดระหว่างเขตอำเภอเวียงสระกับอำเภอนาสาร มีชื่อว่าค่าย ๕๐๘ นอกจากมีกำลังทหารหลักหลายร้อยคนแล้ว ยังมีแนวร่วมนับพัน ในย่านนี้จะมีกองกำลังย่อยของ ผกค.เข้าไปแทรกซึมปลุกระดมมวลชนอยู่ทุกตำบล หัวหน้าปลุกระดมหน่วยนี้ก็คือ นายสุรชัย แซ่ด่าน ส่วนชุดคุ้มครองหมู่บ้านของทางราชการซึ่งประกอบด้วยตำรวจและอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ที่ส่งไปประจำอยู่ตามตำบลต่างๆ ถูกตีแตกทุกฐาน ต้องถอยออกมาตั้งอยู่ที่ว่าการอำเภอ

ผกค.หน่วยหนึ่งได้เข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่หลังวัดเวียงสระซึ่งภูมิประเทศเป็นป่ารก ทางอำเภอได้ทราบจากแหล่งข่าวว่ามีการขุดดินค้นหาสมบัติโบราณเพื่อหาเงินเข้าพรรค จนกระทั่งในตอนเย็นของวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๒๔ ผู้ใหญ่บ้านได้กระหืดกระหอบมารายงานนายอำเภอว่า ผกค.ประมาณ ๓๐ คนได้เข้าไปในวัดเวียงสระ และจับพระอธิการสมปอง ถาวโร เจ้าอาวาส พร้อมกับ จสต.ธงชัย รักษาพราหมณ์ และ จสต.นำศักดิ์ ผลเกษตร ตชด. ซึ่งเป็นวิทยากรลูกเสือชาวบ้าน มายิงที่ลานวัด ศพยังอยู่ที่กลางลาน ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ส่วนสาเหตุการยิงยังไม่ทราบ

ขณะที่ได้รับแจ้งเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้วไม่ปลอดภัยที่จะเข้าไปในเวลานั้น รุ่งเช้า ร.ต.พิมล สุวรรณสุภา นายอำเภอ จึงนำ ตชด. ตร.ภูธร และ อส.เข้าไปนำศพ ตชด.ทั้ง ๒ ออกมา และจัดการทำพิธีสวดศพเจ้าอาวาสตามประเพณี ส่วนชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์พากันปิดปากเงียบเพราะความกลัว แต่นายอำเภอก็ได้เค้าสาเหตุการยิงว่า เนื่องจาก ผกค.กลุ่มนี้รู้ว่าเจ้าอาวาสเก็บสมบัติโบราณสมัยพญาศรีธรรมโศกราชไว้ แต่ไม่ยอมบอกที่ซ่อน จึงถูก ผกค.ลากลงมาจากกุฏิ ขณะเดียวกัน ตชด.๒ คนนั้นก็เข้าไปที่วัดพอดี และเห็นเหตุการณ์ที่เจ้าอาวาสถูกข่มขู่ เลยถูกยิงด้วยปืนอาก้าไปด้วย

ในวันที่ ๑๘ มกราคมต่อมา เป็นวันที่จะมีพิธีฌาปนกิจศพเจ้าอาวาสที่วัดเวียงสระ ฝ่าย ผกค.ประกาศว่จะไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐไม่ว่าคนใดเข้ามาร่วมพิธีนี้ แต่นายสนอง รอดโพธิ์ทอง ผู้ว่าราชจังหวัด และนายอำเภอพิมล สุวรรณสุภา เห็นว่าถ้าไม่กล้าเข้าไปร่วมงานก็จะทำให้ราษฎรเสียขวัญมาก นายอำเภอพิมลจึงจัดขบวนคุ้มกันทั้งทหาร ตำรวจ และ อส. เพื่อให้ผู้ว่าสนองเข้าไปเป็นประธานในงานฌาปนกิจศพเจ้าอาวาส ไม่ให้ชาวบ้านต้องเสียขวัญ แต่กระนั้นในระยะแค่ ๘ กม.จากอำเภอถึงวัด ขบวนของผู้ว่าฯก็ถูกโจมตีทั้งขาไปและขากลับถึง ๓ ระลอก จนกองทัพภาคที่ ๔ ต้องส่งเครื่องบินเข้าไปช่วยจึงรอดชีวิตออกมากันได้ เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นายสนอง รอดโพธ์ทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้อำนวยการ กอ.รมน.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับการยกย่องจากกองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ให้เป็น “นักรบประชาชน”

ในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ต่อมาอีก ๑๙ วัน ผู้เฒ่าชาวบ้านวัดเวียงสระคนหนึ่งได้มาขอพบนายอำเภอพิมลอย่างลับๆ บอกให้ทราบว่าสมบัติโบราณที่ทำให้เจ้าอาวาสสมปองถูกยิงนั้นซ่อนอยู่ในหีบเหล็กใบหนึ่งในกุฏินั่นเอง และที่ร้อนใจมาบอกก็เพราะทราบว่า ผกค.ก็ทราบแล้ว และจะเข้ามาปล้นในคืนวันที่ ๒ นี้ ให้รีบไปเอามาเก็บไว้ในที่ปลอดภัยด้วย เพื่อเป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป
ทันทีที่ทราบ นายอำเภอพิมลก็จัดทีมอีกครั้ง ครั้งนี้มีหน่วยกล้าตายเพียง ๑๒ คน เพื่อไม่ให้เป็นขบวนใหญ่เอิกเกริก ออกเดินทางแต่เช้าตรู่เงียบๆไม่ให้ฝ่าย ผกค.ทันรู้ตัว เมื่อไปถึงวัดวางกำลังป้องกันไว้แล้ว ก็ตรงไปที่กุฏิเจ้าอาวาส แจ้งความประสงค์ให้เจ้าอาวาสองค์ใหม่ทราบ แล้วก็ตรงไปที่หีบเหล็กตามที่ท่านผู้เฒ่าบอก


ก่อนเปิดหีบเพื่อความบริสุทธิ์ของตัวเอง นายอำเภอพิมลยังตามกำนันผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านที่อยู่ใกล้วัดมาเป็นพยาน เพื่อทำบัญชีทรัพย์สมบัติในหีบ ผลของการเปิดหีบเหล็ก มีสมบัติโบราณอยู่ ๑๒ รายการ คือ

๑. พระหุ้มทองคำหน้าตัก ๒ นิ้ว สูงประมาณ ๔ นิ้ว ๑ องค์
๒. ผอบทองคำ ๑ ชุด
๓. แหวนทองคำ (ลักษณะใหญ่แบบแหวนของคนโบราณ) ๒ วง ฝังพลอยสีแดง
๔. ตุ้มหูทองคำ ๑ คู่
๕. ทับทิมสีน้ำเงิน ๑ เม็ด
๖. ตุ้มหูทองคำหัวพลอยสีเขียว ๑ คู่
๗. แหวนทองคำเนื้อเกลี้ยง ๒ วง
๘. ตะกั่วรูปรามสูร ๒ อัน
๙. เงินพดด้วง ๓ ก้อน
๑๐. พลอยสีเหลือง ๑ เม็ด
๑๑. สร้อยข้อมือนากยาวประมาณ ๗ นิ้ว ๑ เส้น
๑๒. ผอบสัมฤทธิ์พร้อมฝา ๑ ชุด

และยังมีอีก ๓ รายการที่อยู่นอกหีบ ได้แก่
๑. พระพุทธรูปโลหะทรงเครื่องปางห้ามมาร มีเกษพร้อมฉัตรสูง ๒๓ นิ้ว ๑ องค์
๒. พระพุทธรูปโลหะทรงเครื่องปางห้ามญาติ สูง ๑๙.๕ นิ้ว ๑ องค์
๓. พระพุทธรูปศิลาแลงนั่งสมาธิ สูง ๘.๕ นิ้ว ๑ องค์

เมื่อทำบัญชีแสดงความบริสุทธิ์เสร็จก็รีบนำออกมาอย่างรวดเร็ว มารู้ภายหลังว่า ผกค.เข้าล้อมวัดเมื่อถอยออกมาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

สมบัติที่นำออกมานี้ได้ฝากผู้ว่าฯเก็บไว้ในคลังจังหวัด ต่อมาในปี ๒๕๒๕ ค่าย ๕๐๘ ช่องช้างถูกตีแตก ผกค.ส่วนใหญ่เข้ามาเป็นผู้พัฒนาชาติไทย กรรมการวัดได้มาขอรับกลับไปรักษาไว้เอง โดยเช่าตู้นิรภัยของธนาคารเป็นที่เก็บ

ร.ต.พิมล สุวรรณสุภา เล่าว่า หลังจากที่ท่านเกษียณอายุราชการในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรแล้วได้มีชาวเวียงสระมาพบ ขอให้ช่วยประสานกับกรมศิลปากรมาตรวจสอบและนำสมบัติของวัดเวียงสระไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ให้ประชาชนเข้าชม จะเป็นประโยชน์กว่าไปเก็บไว้ในตู้นิรภัยธนาคาร อดีตนายอำเภอเวียงสระจึงทำตามคำขออีกครั้ง

นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์บ้านเมืองในอดีต ที่เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในประเทศไทย ถึงกับจับอาวุธเข้าประหัตประหารกันเอง แต่ก็ยังดีที่เกิดอยู่เพียงไม่กี่ปีก็ยุติได้ หากเล่นกันไม่เลิกเหมือนพม่าในตอนนี้ บ้านเมืองก็คงย่อยยับ ประชาชนจะยากแค้นกันทั้งประเทศ ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายไหน


กำลังโหลดความคิดเห็น