นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตนักการทูต โพสต์เฟซบุ๊กแขวะรัฐบาลเก่งแต่กับลาซาด้า แต่เจอพม่าบินล้ำน่านฟ้ากลับเงียบ เหน็บอ้างกลัวกระทบความสัมพันธ์ตลกมาก ชี้มีแต่คนประณามฆ่าประชาชนตนเองอย่างโหดร้าย
จากกรณีหน่วยงานของกองทัพอากาศได้รายงานการตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บินล้ำแดนบริเวณอำเภอพบพระ จังหวัดตาก โจมตีกองกำลังชนกลุ่มน้อยบริเวณแนวชายแดนและบินล้ำแดนเข้ามายังพื้นที่ประเทศไทย ก่อนเป้าหมายจะจางหายไปจากระบบเรดาร์เฝ้าตรวจการณ์ของกองทัพอากาศในเวลาต่อมา ตามที่ได้รายงานไปก่อนหน้านี้
ต่อมาโฆษก ทอ.เผยนำเครื่องบิน F-16 ขึ้นบินจากตาคลี 2 ลำ ถึงชายแดนพบพระใน 5 นาที หลังเครื่องบินมิก-29 ของพม่าล้ำแดน เพื่อเป็นการบินเตือน ยืนยันฝ่ายพม่าไม่มีเจตนาคุกคาม แต่เป็นการม้วนตัวเข้ามาในเขตไทยที่เป็นจะงอย หลังใช้อาวุธกับกองกำลังชนกลุ่มน้อย ประสานพม่าไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
ล่าสุดวันนี้ (1 ก.ค.) นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ และเจ้าของเพจ "ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns" ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยได้ระบุข้อความว่า
"เก่งกับลาซาด้า เจอพม่าแล้วหงอย? / ผู้แทนพิเศษด้านพม่าที่กระทรวงการต่างประเทศตั้งมานั้นทำอะไรบ้าง?
ได้อ่านรายงานข่าวเมื่อวานนี้เรื่องพม่าส่งเครื่องบินรบรุกล้ำดินแดนไทยเข้ามาถึงห้ากิโลเมตรนานร่วมสิบห้านาทีเพื่อบินวกเข้าไปโจมตีกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ที่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ประชาชนไทย ลูกเด็กเล็กแดงต้องหนีหลบภัยกันจ้าละหวั่น (ที่ก่อนหน้าก็มีรายงานข่าวการสู้รบจากฝั่งพม่าที่กระทบและสร้างความเสียหายทรัพย์สินและการทำมาหากินอย่างต่อเนื่อง) ก็มีหลายคำถามเกิดขึ้นที่ล้วนแต่บ่งชี้ถึงความล้มเหลวของทั้งด้านการป้องกันประเทศและนโยบายของไทยที่มีต่อพม่าอย่างชัดแจ้ง
จากการชี้แจงของโฆษก ทอ.ที่ออกมายืนยันว่า “เครื่องบิน F-16 ของไทยขึ้นบินถึงที่หมายภายใน 5-10 นาที ชี้เครื่องบินรบเมียนมาไม่เป็นภัยคุกคาม เพราะไม่ได้พุ่งปักหัวเข้ามาในเขตไทย แต่ได้ใช้อาวุธกับชนกลุ่มน้อย แล้วม้วนตัวออก - ทางกองทัพอากาศได้เฝ้าระวัง และติดตามอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง จากการวิเคราะห์และดูจากสถานการณ์ ไม่พบว่าจะมีการบินเข้ามาในลักษณะของภัยคุกคาม เพราะเจตนาไม่ได้พุ่งตรงปักหัวมาทางเรา เพราะหากว่าเขายังไม่ล้ำแดนเข้ามาเราก็ยังไม่สามารถปฏิบัติการใดๆ ได้ เพราะจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศต่อกัน” ยิ่งฟังดูเป็นการแก้ตัวที่คือการยอมรับโดยปริยายในความล้มเหลวของการป้องกันประเทศนะครับ
คือถ้าในจอเรดาร์ก็เห็นอยู่แล้วว่ามีเครื่องบินรบพม่าบินวนประชิดชายแดนอยู่นานขนาดนั้นที่จะรุกล้ำเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ก็ยังปล่อยให้เขารุกล้ำเข้ามาได้อีก โดยไม่คิดทำอะไรก่อนหน้า แทนที่จะส่งเครื่องบินของเราขึ้นไปเป็นเชิงป้องปรามแต่แรก ถ้าเขายังบินวนได้ เราบินในเขตเราเองไม่ได้หรือ? ต้องรอให้เขาบุกเข้ามาก่อนหรือ? แล้วจะมาบอกว่าดูแล้วไม่คุกคาม แต่นี่มันเป็นเรื่องอธิปไตยและความปลอดภัยชีวิตทรัพย์สินคนไทยนะครับ มันไม่มีความสำคัญเลยหรืออย่างไร?
การแถลงแบบนี้ก็เท่ากับยอมรับเองถึงการปล่อยปละละเลย ความหละหลวมในการปฏิบัติหน้าที่ป้องกันประเทศชาติ และที่อ้างกลัวกระทบความสัมพันธ์อะไรนั่นคือตลกมาก ก็แล้วทางทหารพม่าเขากลัวหรือเกรงใจเราบ้างไหมล่ะครับ? หรือว่าเก่งแต่กับลาซาด้าแต่เจอพม่าแล้วหงอย?
ในส่วนของด้านนโยบายต่างประเทศของไทยต่อพม่านั้น สิ่งนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ถามว่าที่ตั้งผู้แทนพิเศษอะไรมานั่น ที่ไปคุยกับเขามา ฝ่ายพม่าเขาเกรงใจ ยินยอมลดความรุนแรง หยุดยิงหรือยุติการสู้รบอย่างที่เป็นมติของอาเซียนที่ร้องขอบ้างไหม? และต่อความรุนแรงที่มีผลกระทบต่อประเทศชาติและประชาชนไทยตามชายแดนทุกวันนี้มีท่าทีลดลงหรือเพิ่มขึ้นกันแน่ จนเขารุกล้ำอธิปไตยของเราอย่างจงใจและชัดแจ้งแบบนี้? และช่วยตอบให้ชัดๆ ทีครับว่า นโยบายไทยต่อพม่าทุกวันนี้มัน serve ปกป้องส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนไทยอย่างไร??
ก่อนหน้านี้ก็เห็นคนของกระทรวงการต่างประเทศออกมาบอกว่าการ engage มีปฏิสัมพันธ์กับรัฐบาลเผด็จการทหารพม่าเป็นเรื่องจำเป็น ซึ่งผมอยากจะเรียนว่ากับคนที่สั่งการให้เข่นฆ่าประชาชนตนเองอย่างโหดร้ายทารุณ เช่นเผาคนทั้งเป็น ฆ่าไม่เว้นแม้แต่เด็กและผู้หญิงก็ตาม คนส่วนใหญ่ในโลกเขามีแต่รุมประณามความชั่วช้าและไม่อยากเข้าไปเกลือกกลั้วด้วย
ถามว่าคนเช่นนี้เขาจะมาเคารพกฎเกณฑ์คำพูดความถูกต้องอะไรไหม? นอกเสียจากจะเป็นคนที่มีความคิดและจิตใจคล้ายกัน จัดเป็นคนประเภทเดียวกัน ถึงจะได้คอยเข้าใจและเห็นใจเขานะครับ"