xs
xsm
sm
md
lg

ชนชาติไทย ๗๐ ล้านคนยังอยู่นอกประเทศ! บาทหลวงอเมริกันว่า “ไทยเป็นนามยิ่งใหญ่กว่านามทั้งหลาย”!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



เรื่องที่กล่าวว่าคนไทยมาจากไหนก่อนที่จะมาอยู่ตรงนี้ แนวหนึ่งกล่าวว่าถอยร่นลงมาจากดินแดนที่เป็นประเทศจีนในปัจจุบัน แนวนี้ “สารคดีที่น่ารู้” ซึ่ง ม.จ.หญิงพูนพิศสมัย ดิศกุล ธิดาสมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้นิพนธ์ในเรื่อง “เรื่องไทย” ไว้ว่า เมื่อประมาณ ๓,๐๐๐-๔,๐๐๐ ปีมาแล้วคนไทยได้ลงมาตั้งบ้านเมืองอยู่ทางฝั่งใต้ของแม่น้ำแยงซี ซึ่งปัจจุบันอยู่ในประเทศจีน คนจีน-อเมริกันในเมืองซานฟรานซิสโกบอกท่านว่า

“มีกล่าวไว้ในหนังสือจีนที่แปลเป็นภาษาอังกฤษแล้วว่า เมื่อจีนลงทางใต้นั้น ได้พบชนชาติหนึ่งที่เจริญแล้วตั้งบ้านเรือนอยู่ทางใต้แม่น้ำแยงซี เหตุการณ์แสดงว่าเป็นความจริง เพราะธรรมดาการเดินทางลงมาทางใต้นั้น ถ้าไม่ติดขัดอันใดก็ต้องลงไปจนถึงฝั่งทะเลเป็นที่สุด แต่จีนหยุดอยู่เพียงฝั่งบนของแม่น้ำแยงซีนั้นเอง จึงเป็นอันว่ามีผู้อยู่ก่อนแล้วจริง คราวนี้ก็มีปัญหาว่าใครเป็นคนจำพวกนั้น ถ้าเราเชื่อว่ามนุษย์เดินลงมาจากทางเหนือเป็นพวกๆแล้ว ภายหลังจีนลงมาก็มีพวกมงโกลสมัยกุปลายข่าน แล้วก็พวกแมนจู ไม่มีคำว่าไทย ฉะนั้นเราต้องลงมาก่อนจีน และคือพวกที่จีนกล่าวถึงนั้นเอง อีกประการหนึ่ง โปรเฟสเซอร์ลี ชาวจีนที่สอนอยู่ในมหาวิทยาลัยเมืองซีแอตเติล ในสหรัฐอเมริกา ได้ติดต่อกับข้าพเจ้าและส่งภาษาไทยในเมืองจีนมาให้ดูว่า ในภาคใต้ของเมืองจีนขึ้นไปจนถึงเมืองโฮนาน เสฉวน กวางเจา เหล่านี้ยังมีคนพูดภาษาไทยอยู่ แต่มักอยู่ลึกๆเข้าไปหลังๆหมู่บ้านริมทาง แม้ในเกาะไหหลำก็ยังมีอยู่ในใจกลางเกาะ ถ้อยคำที่ส่งมาให้นั้นมี พ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย และอื่นๆซึ่งตรงกันอยู่มาก”

นอกจากนี้ ในพระนิพนธ์นี้ได้กล่าวถึงความเห็นของคนหลายคนที่มีประสบการณ์ เช่น พระยารัษฎาฯ (ยู่จ๋าย ณ ระนอง) ซึ่งเคยไปเมืองจีน บอกกับท่านหญิงว่า

“...ได้พบผักในผักในแม่น้ำเมืองกวางตุ้ง เขาปักหลักไม้ไว้ จึงถามว่าผักอะไร พวกนั้นตอบว่า ผักบุ้ง และเรือที่เรามาเรียกว่า สำปั้น นั้นก็คือคำว่า สามแผ่น นั่นเอง ภาษาอังกฤษเอามาเขียนเป็น Sam Pan เราก็มาแต่งให้เป็นสามปั้นไป ท่านบอกว่าบัดนี้ยังมีพวกไทยอยู่ในเมืองจีนอย่างน้อย ๗๐ ล้านคนกว่า ที่เป็นผู้เล่าเรียนก็รู้ว่าตัวเป็นไทย ที่ไม่เล่าเรียนก็กลายเป็นจีนไปตามประเพณีที่ได้รับอยู่

หนังสือเล่มหนึ่งเรียกว่า The Thai Race หมอดอดด์ W. C. Dodd เป็นผู้เขียน หมอดอดด์นี้เป็นมิชชันนารีอเมริกัน อยู่ในเมืองเชียงรายถึง ๓๓ ปี และได้เดินทางไปทางยูนาน เสฉวน ไกวเจา กวางซี กวางตุ้ง และตังเกี๋ยใน พ.ศ.๒๔๕๒ ได้พบพวกไทยไปตลอดทาง และพูดจาไต่ถามกันรู้เรื่องเข้าใจได้ หมอดอดด์เขียนไว้ว่า ไทยมีอยู่หลายพวก ถ้าพูดแต่เฉพาะที่หมอดอดด์ได้พบเอง ก็มีอยู่ถึง ๑๐ พวก คือ

๑.ไทยน้ำ อยู่เหนือแม่น้ำดำและแม่น้ำแดงในยูนาน ได้ยินว่าจีนเรียกว่าไทยน้ำ เพราะพวกนี้มักตั้งบ้านเรือนอยู่ตามริมน้ำ
๒.ไทยลาย อยู่รวมๆกับไทยน้ำ จีนเรียกว่าไทยลายเพราะพวกผู้หญิงนุ่งผ้าถุงลายคล้ายกับไทยยวน ไทยเขิน แลไทยลื้อ แต่สั้นกว่า
๓.ไทยหลวง บางทีปนอยู่กับไทยพวกอื่นๆ รวมกันเรียกว่า ผู้ไทย ฝรั่งเศสคนหนึ่งบอกคำว่าผู้ไทยนี้เป็นชื่อชาติ ไม่ใช่ชื่อพวก หมอดอดด์ได้พบครั้งแรกในยูนานตะวันออกและกวางนาน และพูดจากันเข้าใจ
๔.ไทยใหญ่ ได้พบในแดนเดียวกับไทยหลวง รูปร่างเล็ก แต่จีนเรียกว่า คนใหญ่ อาจเป็นพวกเดียวกับไทยหลวงดอกกระมัง
๕.ไทยน้อย พวกนี้มีมากในเมืองกวางเจา และอยู่ตามต้นน้ำของแยกซีเกียง สำเนียงพูดคล้ายพวกคนใหญ่ และมีเสียง ร อย่างชัด
๖.ไทยโท้ ได้พบในเมืองตังเกี๋ยและกวางซีตะวันตก
๗. ไทยนุง อยู่ในแดนเดียวกับไทยโท้ ภาษาก็เหมือนกัน นุงเป็นภาษาจีนซึ่งแปลว่า พ่อบ้าน
๘. ไทยซอง อยู่ในกวางซีตะวันออก ผิดกับไทยโท้ ไทยนุง เพียงเล็กน้อย
๙.ไทยจุง อยู่ในเมืองไกวเจา เข้าใจว่าเรียกผิดตามสำเนียงจีน เช่นเดียวกับไทยลุง
๑๐.ไทยจีน อยู่ในลุ่มน้ำยางสี ในยูนานตอนเหนือ

ไทยทั้ง ๑๐ จำพวกนี้ พูดกับหมอดอดด์เข้าใจทั้งนั้น

ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่า เมื่อจีนลงมาอยู่ทางเหนือแม่น้ำแยงซีแล้ว ก็ประจันหน้าอยู่กับไทยซึ่งอยู่ทางใต้ แล้วเกิดเป็นศึกสงครามต่อมา ไทยเป็นฝ่ายแพ้ก็ถอยร่นไปอยู่ทางโฮนาน เสฉวน ไกวเจา และกระจายกันไปในที่ต่างๆตามกำลัง ต่อมาจีนก็ตามตีอีก ไทยจุงมาอยู่ในยูนาน มีในพงศาวดารจีนที่มิสเตอร์กูดริช คนอังกฤษเขียนไว้ว่า ในสมัยหนึ่งจีนอ่อนแอจนแม้แต่ไทยก็กลับประกาศอิสรภาพได้ในยูนานเมื่อ พ.ศ.๙๖๕ ครั้นเมื่อกุปลายข่านตีได้เมืองจีน และสร้งกรุงปักกิ่ง ตั้งราชวงศ์หงวนขึ้นแล้ว ก็จัดการแผ่ราชอาณาจักรมาตีไทยในยูนานอีก ไทยแพ้ครั้งนี้จึงอพยพลงใต้ ซึ่งเป็นประเทศไทยอยู่บัดนี้ บางพวกก็หยุดอยู่ในเมืองหลวงของลาวเป็นหมู่ๆ มีสิบสองปันนา สิบสองจุไทย และอื่นๆ ตลอดทั้งทางเหนือไปจนถึงอัสสัมเป็นที่สุด ทางตะวันออกก็ไปถึงเมืองตังเกี๋ย อันมีแม่น้ำดำและแม่น้ำแดงเป็นต้น พวกไทยเราได้ล่องลงมาใกล้ทะเล ก็จำเป็นต้องปะปนกับมอญ เขมร และอินเดีย จึงมีภาษาและประเพณีไปอีกอย่างหนึ่ง แต่ก็ยังเข้าใจกันได้ทุกพวก ส่วนพวกที่หยุดอยู่ในเมืองลาว ก็จำเป็นต้องปะปนกับลาว คือพวกละว้าบ้างเป็นธรรมดา เราชาวใต้แม้จะต้องปะปนกับใครต่อใคร เพราะคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้นก็ตาม แต่ใจและนิสัยสันดานของเราก็ยังเป็นไทยอยู่นั่นเอง ฉะนั้นพวกที่หยุดอยู่ทางเหนือเขาก็เป็นเช่นเดียวกับเราเหมือนกัน...”
 
ในตอนท้ายของพระนิพนธ์นี้ได้กล่าวว่า แม้แต่หมอดอดด์ซึ่งไม่ใช่ไทย ก็ยังเขียนไว้ในหนังสือว่าดังนี้

“นอกจากจะเป็นหน้าที่ทางศาสนาของข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้ายังมีเจตนาอย่างยิ่งที่จะให้ท่านทั้งหลายได้มีส่วนรู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของไทยที่แตกแยกกิ่งก้านสาขาออกไปทั่วทิศานุทิศ ในหนังสือเล่มนี้ ข้าพเจ้าได้พยายามให้ท่านทั้งหลายรู้จักไทยเท่าที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมาด้วยตาของข้าพเจ้าเอง ใจของข้าพเจ้านั้นปรารถนาถ้าจะเป็นไปได้ จะได้เห็นไทยตั้งสิบๆล้านนี้เดินเป็นกระบวนมโหฬาร แล้วให้ท่านเปล่งเสียงว่า ไทย อันนามอันยิ่งใหญ่กว่านามทั้งหลายด้วยเทอญ”




กำลังโหลดความคิดเห็น