xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 19-25 มิ.ย.2565

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา รอบ 4 คดี "ธาริต" ปฏิบัติหน้าที่มิชอบแจ้งข้อหา “มาร์ค-สุเทพ” สั่งฆ่า ปชช. เหตุส่งหมายไม่ได้-ย้ายที่อยู่!

เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 4 คดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง

คดีนี้ โจทก์ฟ้องสรุปว่า ระหว่างเดือน ก.ค. 54-13 ธ.ค.55 จำเลยทั้งสี่ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวน ได้ตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสองข้อหาสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ ซึ่งจำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี

ต่อมา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสี่ หลังจากนั้นโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ต่อมา ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ คนละ 3 ปี ลดโทษให้ 1ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา หลังจากนั้น จำเลยยื่นฎีกา

เป็นที่น่าสังเกตว่า คดีนี้ ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2564 แต่เมื่อถึงกำหนด นายประกันของนายธาริต จำเลยที่ 1 อ้างว่า เพิ่งได้รับแจ้งว่า นายธาริตย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงไม่สามารถนำตัวจำเลยที่ 1 มาส่งศาลเพื่อฟังคำพิพากษาได้ จึงขอให้ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษา

ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ก.พ.2565 แต่เมื่อถึงกำหนด นายธาริตได้ให้ทนายความยื่นศาลขอเลื่อนอ่านคำพิพากษาอีก โดยอ้างว่า ป่วย เกิดอาการชักเกร็ง หมดสติ 5 นาที พอรู้สึกตัว ก็แขนขาข้างซ้ายอ่อนแรง อยู่ระหว่างรักษาตัวที่ รพ.พญาไท 2

ศาลจึงนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 21 เม.ย.2565 แต่เมื่อถึงกำหนด นายธาริตก็ให้ทนายขอศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาอีกเป็นรอบที่ 3 โดยอ้างว่า ป่วยโควิด ขอพักรักษาตัว 3 เดือน พร้อมกันนั้นทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ในคดี และพร้อมวางเงินเพื่อบรรเทาผลร้ายแก่โจทก์คนละ 3 แสนบาท แต่ทนายโจทก์ชี้ว่า จำเลยส่อประวิงคดี และยืนยันไม่ขอรับเงินจำนวนคนละ 3 แสนบาทดังกล่าว เนื่องจากเป็นสิทธิฟ้องร้องทางแพ่ง และเป็นคดีอาญา ไม่อาจเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาได้

ล่าสุด ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นครั้งที่ 4 ในวันที่ 22 มิ.ย.2565 แต่เมื่อถึงกำหนด จำเลยที่ 2-4 พร้อมทนายความเดินทางมาศาล ขาดเพียงนายธาริต จำเลยที่ 1 เพียงคนเดียว ทั้งนี้ ศาลตรวจสำนวนแล้วพบว่า ไม่สามารถส่งหมายแจ้งวันนัดให้นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้ เนื่องจากย้ายไม่ทราบที่อยู่ใหม่ ปรากฏตามรายงานของเจ้าหน้าที่

อย่างไรก็ตาม ทนายความนายธาริต แถลงยืนยันว่า จำเลยที่1 มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.นครราชสีมา ศาลจึงให้ทนายจำเลยที่ 1 และนายประกันจำเลยทั้งสี่ สืบหาภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 แล้วแถลงต่อศาลภายใน 7 วันนับแต่นี้ และให้ส่งหมายแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ใหม่ เป็นหมายศาล โดยให้มีหนังสือถึงศาลจังหวัดที่จำเลยที่ 1 มีภูมิลำเนาในเขตศาลเป็นผู้ดำเนินการส่งให้ หากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิด และแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1ทราบ ด้วยวิธีปิดประกาศทางสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศ และปิดประกาศหน้าศาลอีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นครั้งที่ 5 ในวันที่ 7 ก.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

แทบไม่น่าเชื่อว่า คดีนี้ถูกเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกามาแล้วถึง 4 ครั้ง หากนับตั้งแต่ครั้งแรกที่เลื่อนเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2564 เท่ากับว่า ผ่านไปครึ่งปีแล้ว ศาลยังไม่สามารถอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาได้ ต้องลุ้นว่า อีก 2 เดือนครึ่ง เมื่อถึงกำหนดนัดอ่านครั้งที่ 5 วันที่ 7 ก.ย. ศาลจะได้อ่านคำพิพากษาหรือไม่?

2.รัฐบาลคลอด 6 มาตรการบรรเทาผลกระทบน้ำมันแพง อุ้มดีเซล 3 เดือน ตรึงค่าก๊าซเอ็นจีวี-แอลพีจี!


เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ถึงมาตรการเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจจากสถานการณ์วิกฤตพลังงาน ซึ่งมีแนวโน้มยืดเยื้ออยู่ในขณะนี้ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบประชาชนและภาคธุรกิจเร่งด่วน ทั้งมาตรการใหม่และขยายมาตรการเดิมที่จะสิ้นสุดในสิ้นเดือน มิ.ย.นี้ ประกอบด้วย

1. ตรึงราคาขายปลีกก๊าซเอ็นจีวีที่ 15.59 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนเอ็นจีวีในโครงการเอ็นจีวีเพื่อลมหายใจเดียวกัน สำหรับแท็กซี่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลอยู่ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.-15 ก.ย. 65 2. กำหนดกรอบการขายปลีกแอลพีจี 408 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ก.ย. 3. ขยายเวลาให้ส่วนลดราคาแอลพีจี ร้านค้า หาบเร่ แผงลอยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไม่เกิน 100 บาทต่อราย/เดือน ต่อไปอีก 3 เดือน คือเดือน ก.ค.ถึงเดือน ก.ย. 65 ส่วนผู้มีรายได้น้อยซึ่งถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่จะได้รับส่วนลดการซื้อก๊าซหุงต้มจำนวน 100 บาทต่อราย 3 เดือน

4. รัฐจะอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลร้อยละ 50 กรณีที่ราคาขายสูงกว่า 35 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.ถึง ก.ย. 65 5. ให้ผู้ค้าน้ำมันคงค่าราคาตลาดน้ำมันดีเซลไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร 6. ขอความร่วมมือโรงกลั่นน้ำมัน นำส่งกำไรจากค่าการกลั่นส่วนหนึ่งเข้ากองทุนน้ำมัน เพื่อลดภาระค่าน้ำมันให้กับประชาชนทั้งดีเซลและเบนซินในช่วง 3 เดือน คือเดือน ก.ค.-ก.ย.


นอกจากนี้ ยังมีมาตรการทางภาษีสำหรับบริษัท ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล ในการจัดอบรม สัมมนา จัดนิทรรศการ การจัดแสดงสินค้าในประเทศ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยว สนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศ สนับสนุนห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว ส่งเสริมการบริโภคและการจ้างงานเป็นเวลา 6 เดือน ตั้งแต่ 15 ก.ค.ถึงสิ้นปี 65 โดยสามารถหักรายจ่ายค่าห้องสัมมนา ค่าเดินทาง และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเมืองหลักหักได้ 1.5 เท่า เมืองรองได้ 2 เท่า ค่าใช้พื้นที่ออกร้านงานแสดงสินค้าต่างๆ หักได้ 2 เท่า

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า อีกเรื่องที่จำเป็นและยั่งยืน คือ ขอความร่วมมือกันช่วยประหยัดพลังงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง ขอให้ทุกหน่วยงานเร่งออกนโยบายที่เหมาะสมตามศักยภาพของตนเอง ไม่ว่าจะเรื่องการเปิดไฟ ปิดไฟ อุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ ลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศ ส่งเสริมการใช้ขนส่งมวลชนสาธารณะ ลดการเดินทางที่ไม่จำเป็น ใช้การประชุมออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งในส่วนของภาครัฐได้กำหนดไปแล้วให้มีการลดใช้พลังงานลงร้อยละ 20

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า “จากการประเมินสถานการณ์เรื่องนี้คงไม่สิ้นสุดในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งจะให้มีการประชุมร่วมกันหารือในเรื่องการเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ ทั้งมิติด้านพลังงาน อาหาร เราต้องวางแผนระยะยาว รัฐบาลยืนยันว่า จะพยายามหาทางช่วยเหลือพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการบนพื้นฐานของวินัยการเงินการคลังที่มีความสมดุล และจะต้องไม่ก่อภาระในอนาคตจนมากเกินไป จึงขอให้เห็นใจรัฐบาลด้วย หลายอย่างเราก็ลดภาษีลง ทำให้รายได้เราลดลง ฉะนั้น จำเป็นต้องใช้อย่างคุ้มค่าและประหยัดด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน”

ด้านนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เผยความคืบหน้าการหารือกับผู้ประกอบโรงกลั่นน้ำมันในไทย 6 ราย เพื่อส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และลดภาระราคาน้ำมันเบนซินให้ประชาชนว่า เบื้องต้นทั้งหมดพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ แต่จะต้องเป็นไปตามกฎหมายด้วย เนื่องจากกลุ่มโรงกลั่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงต้องขอให้กระทรวงพลังงานตรวจสอบข้อกฎหมายให้ชัดเจนก่อน เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ถือหุ้น คาดว่าจะหาข้อสรุปได้ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์นี้

3. รวบแล้ว! เจ้าของ "ดารุมะ ซูชิ" หนีไป ตปท. หลังบินกลับไทย โดนข้อหา “ฉ้อโกง-พ.ร.บ.คอมพ์” เจ้าตัวปฏิเสธ อ้างธุรกิจขาดสภาพคล่อง!



ความคืบหน้ากรณีมีกลุ่มผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของแฟรนไชส์ ดารุมะ ซูชิ หลังจัดทำโปรโมชันราคาถูก 199 บาท เมื่อมีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก กลับปิดร้านหลบหนีไปตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายเมธา ชลิงสุข หรือบอนนี่ อายุ 42 ปี เจ้าของแบรนด์ “ดารุมะ” ผู้ต้องหาตามหมายจับได้แล้วที่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังเดินทางกลับต่างประเทศ

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. ได้นำทีมตำรวจที่เกี่ยวข้องแถลงผลจับกุมนายเมธา เจ้าของบริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยน่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน พร้อมของกลางเงินสด 20,186 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 710,000 บาท โดยจับได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 59 บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด ได้จดทะเบียนบริษัทเพื่อประกอบกิจการร้านอาหาร เครื่องดื่ม โดยมีนายเมธา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ต่อมาบริษัทได้ประกาศขายคูปองบุพเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นทางเพจเฟซบุ๊กให้กับประชาชนในราคา 199 บาท จนมีผู้เสียหายสนใจซื้อคูปองเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ทางบริษัทได้มีการเปิดให้มีการซื้อแฟรนไชส์ด้วยเช่นกัน จนปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 27 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล

จากนั้นวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ร้านดารุมะ ซูชิ ได้ปิดกิจการทุกสาขาอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะขาดการติดต่อไปในที่สุด ผู้เสียหายจึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา กระทั่งสืบทราบว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางกลับประเทศไทย ผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ขาดสภาพคล่องอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 จึงได้คิดออกคูปองบุฟเฟ่ต์ราคา 199 บาท เมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เพราะมีปัญหาการเงินอย่างหนัก เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในระบบ แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ประกอบกับถูกทวงหนี้จำนวนกว่า 100 ล้านอย่างหนัก จึงหลบหนีไปตั้งหลักที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายหลังได้ดูข่าวแจ้งความดำเนินคดี ประกอบกับถูกกดดันอย่างหนัก จึงเดินทางกลับมาประเทศไทย โดยเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน ซึ่งทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยเบื้องต้นได้นำตัวส่งนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถอายัดเงินได้หลักแสนบาท และสามารถตรวจยึดเงินสดได้ประมาณ 710,000 บาท โดยหลังจากนี้ จะเร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลเส้นทางการเงินว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปที่บุคคลอื่นหรือไม่ หากพบว่ามีเส้นทางการเงินไปถึงบุคคลใด ก็จะเข้าข่ายกระทำความผิดฐานฟอกเงิน รวมถึงขยายผลในเรื่องผู้ร่วมขบวนการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่า มีผู้ก่อเหตุเพียงคนเดียว คือ นายเมธา

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีผู้เสียหายหลายพันคน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท โดยได้รายงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความได้ทั้งที่ บก.ปคบ. และสถานีตำรวจท้องที่

รายงานข่าวแจ้งว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า มีเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทดารุมะ ซูชิ กว่า 303,447,243 บาท สำหรับความเสียหาย พบว่า มียอดขายคูปองวอยเชอร์ผ่านแอปฯ 174,177 ใบ ลูกค้ากว่า 33,002 คน คิดเป็นมูลค่า 27,070,915 บาท และมูลค่าความเสียหายจากผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์มาทำธุรกิจ อีก 17,500,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า ผู้ต้องหารับว่า หนึ่งในเหตุผลที่ตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เนื่องจากเห็นข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดียว่า หลังจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ตำรวจได้เร่งทำคดี มีการขอศาลออกหมายจับ พร้อมประสานตำรวจต่างประเทศ เพื่อให้ติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ผู้ต้องหารู้สึกเครียด เเละทนแรงกดดันไม่ไหว ประกอบกับไม่อยากหนีไปตลอดชีวิต ทำให้ตัดสินใจกลับไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย

วันต่อมา (23 มิ.ย.) พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ได้นำตัวนายเมธาไปขอศาลฝากขังผัดแรก 12 วัน พร้อมขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายสูง และหากอนุญาตให้ประกันตัว เกรงว่าอาจจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานได้

หลังพนักงานสอบสวนขอศาลฝากขัง ทางญาติของนายเมธา ผู้ต้องหา ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฝากขัง ด้านศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ต้องหามีลักษณะกระทำโดยมีการวางแผนเป็นขั้นตอน โดยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถจะปฏิบัติตามที่โฆษณาได้ จึงทำให้เกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก ทำให้เสียความเชื่อถือจากผู้ประกอบการและผู้บริโภครายอื่น จึงเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยตัวผู้ต้องหา เชื่อว่าหากปล่อยตัวชั่วคราวอาจหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ยกคำร้อง และนำตัวส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพ

4. ผู้การระยองยัน "สุนทร วิลาวัลย์" ถูกจับกุม ไม่ใช่เข้ามอบตัว ด้านเจ้าตัวอ้าง ไม่เคยคิดหนี ขณะที่ศาลอนุญาตประกันตัว ห้ามออกนอกประเทศ!



จากกรณีที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี บิดานางกนกวรรณ และพวกรวม 10 คน ในคดีการมีส่วนร่วมบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี กว่า 150 ไร่ เมื่อปี 2545 และนายสุนทร ได้ถูกศาลอาญาคดีทุจริตฯ ออกหมายจับ เพื่อให้นำตัวยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยว่า นายพิจิตร จูฑะประชากุล อธิบดีอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค 2 ประสานมาที่ฝ่ายโฆษกว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า นายสุนทร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 เข้ามอบตัว และกำลังจะนำตัวมาส่งให้อัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค 2 แล้ว

นายประยุทธ กล่าวว่า หากมาถึงแล้ว ทางอัยการจะนำตัวไปส่งฟ้องศาลทันที ในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ ซื้อ รักษาทรัพยากรโดยใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ ตามมาตรา 151 ประกอบมาตรา 86 เพราะร่างคำฟ้องไว้แล้ว ส่วนจะค้านประกันหรือไม่นั้น ยังไม่ได้รับแจ้งข้อเท็จจริงจากทางอัยการสำนักงานปราบปรามการทุจริตภาค 2

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกัน พล.ต.ต.วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.ระยอง กล่าวถึงกรณีนายสุนทร เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เป็นการจับกุม ไม่ใช่การมอบตัว โดยทางเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เป็นผู้จับกุมตัวในพื้นที่ของ สภ.เมืองระยอง จึงมาขอใช้สถานที่ สภ.เมืองระยอง ในการทำบันทึกจับกุม หลังจากนั้นก็จะส่งตัวไปให้อัยการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ หลังจากนายสุนทร ถูกนำตัวส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน (21 มิ.ย.) นายเกษม เอี่ยมทัศน์ ทนายความของนายสุนทร เผยว่า ศาลฯ ได้อนุญาตให้ประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เป็นเงินสด 600,000 บาท และห้ามออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และหลังจากนี้ จะมีการนัดสืบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งในวันที่ 5 ส.ค.2565

อย่างไรก็ตาม ช่วงที่ยังอยู่ที่ สภ.เมืองระยอง นายสุนทร ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตนไม่หนักใจในคดีทีเกิดขึ้น และเชื่อว่าไม่ได้ทำผิดกฏหมายใดๆ พร้อมยืนยัน ที่ผ่านมาไม่คิดหนี และยังพักรักษาตัวจากอาการเข่าเสื่อมอยู่ในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี และจากนี้ ตนพร้อมจะสู้คดีต่อไป

2 วันต่อมา (23 มิ.ย.) นายสุนทร ได้เปิดบ้านพักบริเวณตลาดเทศบาลเมืองปราจีนบุรี ให้ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ โดยยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจและไม่เคยใช้อิทธิพลในการออกเอกสารสิทธิ หรือโยนความผิดให้ลูกน้องรับแทนตามที่เป็นข่าว

ทั้งนี้ นายสุนทร ชี้แจงที่มาของการได้ที่ดินจนเกิดข้อพิพาทจนนำไปสู่การตรวจสอบและ ปปช. ได้ชี้มูลความผิดว่า ที่ดินทั้งหมดบริเวณตีนเขาใหญ่ ซึ่งอยู่ใน ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี ไม่ใช่ที่ดินที่เกิดจากการบุกรุก แต่เป็นที่ดินที่มีเอกสารทำกินครอบครองอยู่ก่อนแล้ว และที่ผ่านมาได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ “ส่วนพื้นที่ที่ถูกระบุว่าเป็นการบุกรุกนั้น เกิดจากการนำรถแบคโฮเข้าปรับพื้นที่ที่อยู่นอกแนวรั้วที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ จนดูเหมือนเป็นการบุกรุก ทั้งที่ไม่ใช่การเจตนาการบุกรุกที่ดินที่ถูกระบุ ซึ่งเราเองก็พร้อมที่จะชี้แจงและต่อสู้ตามเอกสารที่มี”

นายสุนทร ยืนยันว่า ตนไม่ใช่คนขี้โกง และที่ผ่านมา มีที่ดินอยู่ในครอบครองจำนวนมาก จึงไม่จำเป็นต้องบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในอุทยานฯ เขาใหญ่ ส่วนกรณีที่ถูก ปปช.ชี้มูลความผิด อาจจะมาจากปัญหาทางการเมือง เนื่องจากช่วงนี้ใกล้ที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ และตนสังกัดพรรคภูมิใจไทย ซึ่งที่ผ่านมา มีผลงานโดดเด่นหลายเรื่อง จนอาจเป็นที่ไม่พอใจของพรรคการเมืองบางพรรค “สังเกตได้ว่า ขณะนี้พรรคฯ เองก็ถูกโจมตีทั้งเรื่องกัญชาที่อาจยังมีช่องโหว่อยู่บ้าง ซึ่งทางหัวหน้าพรรคฯ ก็พยายามแก้ไขและพยายามทำให้เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องปัญหาส่วนตัวที่เจออยู่ก็พร้อมที่จะสู้ตามเอกสารและพยานที่มี ซึ่งขณะนี้ไม่รู้สึกกังวลใดๆ”

ส่วนกรณีที่มีการคาดการณ์ว่า ตนอาจถูกคำสั่งให้ต้องยุติปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.นั้น นายสุนทร กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้นก็คงต้องถามกลับว่า เมื่อมีคำสั่งดังกล่าวหรือปลดตนเองออกจากหน้าที่แล้ว หากวันหนึ่งพิสูจน์ได้ว่าไม่มีการกระทำผิด แล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป

นายสุนทร ยังฝากถึงชาวปราจีนบุรีที่เชื่อมั่นและลงคะแนนเลือกให้ตนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ. ด้วยว่า ตนจะไม่ทำให้ จ.ปราจีนบุรี เกิดความเสียหาย และเห็นได้จากการพัฒนาจังหวัดสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตเป็นอย่างมากในช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา “ขออย่าได้เอาเรื่องการเมืองเข้ามาใส่กัน และขอฝากถึงสื่อฯ สำนักหนึ่งที่บอกว่า ผมโบ้ยความผิดให้ลูกน้องว่า ผมนักเลงพอ และหากทำผิดก็พร้อมยอมรับผิด แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งการพาดหัวข่าวในลักษณะนั้นทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก”

5. อัยการจังหวัดนนทบุรีเลื่อนฟังคำสั่งฟ้อง 6 ผู้ต้องหาคดี "แตงโม" เป็นวันที่ 7 ก.ค. เหตุตำรวจส่งผลสอบเพิ่มกระชั้นชิด!



เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่พนักงานอัยการนัดผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ในคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” นักแสดงชื่อดัง ให้มาฟังผลพิจารณาคำสั่งฟ้องคดี หลังจากเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา อัยการจังหวัดนทบุรีได้มีการเลื่อนฟังคำสั่ง เนื่องจากต้องส่งความเห็นคำสั่งให้ผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอน จึงนัดฟังคำสั่งอีกครั้งในวันที่ 23 มิ.ย.

เมื่อถึงกำหนด นายนิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หรือจ๊อบ 1 ใน 6 ผู้ต้องหา ได้เดินทางมาถึงสำนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรีเป็นคนแรกพร้อมกับทนายความ โดยใช้เวลาพบกับอัยการประมาณ 30 นาที เมื่ออัยการมีคำสั่งเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องออกไปอีก จึงเดินทางกลับ

ด้านนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือโรเบิร์ต เดินทางมาพร้อมทนายความ เข้าพบกับอัยการโดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนเดินทางกลับโดยไม่ตอบคำถามใดๆ กับสื่อมวลชน

ขณะที่นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือไฮโซปอ เดินทางพร้อมทนายความเข้าพบกับอัยการใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาที ก่อนเดินทางกลับ เช่นเดียวกับกุนซือเอ็ม 1 ใน 6 ผู้ต้องหา เดินทางเข้าพบอัยการพร้อมทนายความ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีเช่นกัน ก่อนเดินทางกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

ด้าน น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือกระติก และนายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือแซน เดินทางพร้อม นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความส่วนตัวเข้าพบอัยการ เพื่อรับทราบคำสั่งเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องออกไป โดยกระติกให้สัมภาษณ์ว่า การมาที่สำนักงานอัยการวันนี้ไม่มีประเด็นใหม่เพิ่มเติม หลังจากที่เรียกกระติกมาเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว ก็ไม่มีอะไรทั้งนั้นทุกอย่างเหมือนเดิม แต่คราวนี้ไม่อยากให้เลื่อนอีก เพราะมันเสียเวลาไปหมด อยากให้ทุกอย่างมันสรุปแล้วจบไปสักที หากมีการสั่งฟ้อง ก็พร้อมจะทำตามกระบวนการและพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน

กระติก กล่าวอีกว่า ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงาน ถ้าเขาสั่งฟ้อง ตนก็ไปตามคำสั่ง ตอนนี้กลัวว่าคนที่อยู่นอกสำนวนจะเข้ามามีบทบาท ไม่รู้ว่าจะมาพูดอะไรอีกบ้าง มันยืดเยื้อเดี๋ยวก็มีประเด็นโน้นประเด็นนี้เพิ่มขึ้นอีก มันดูวุ่นวายสำหรับตน ส่วนเรื่องของแม่แตงโมก็ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันเลย ส่วนแม่จะออกมาฟ้องหรือถอนฟ้องอะไรยังไงก็ต้องดูต่อไปว่า สุดท้ายแล้วจะถอนหรือไม่ถอน ซึ่งตอนนี้แค่รอเวลาเท่านั้น ทางตนได้ปรึกษากับทนายและเก็บหลักฐานต่างๆ และรอให้ข้อเท็จจริงนิ่งก่อน เราถึงจะไปสเต็ปต่อไป

กระติก กล่าวด้วยว่า ที่มีคนเข้ามาพูดว่าตนในทางเสียๆ หายๆ หากมีการฟ้องแล้วเป็นการฟ้องเท็จ ตนก็ต้องใช้สิทธิ์ปกป้องตัวเอง ตอนนี้มีการดำเนินการไปแล้ว 10 รายที่ไปแจ้งความไว้แล้ว มีหมายศาลส่งไปถึงแล้ว 1 ราย และยังอยู่ในกระบวนการอีก 4-5 ราย และไม่ขอพูดอะไรแล้ว ไปคุยกันในชั้นศาลเลย คุยกันแบบนี้เดียวเป็นการโต้กันไปโต้กันมา

ด้านสุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการจังหวัดนนทบุรี หรืออัยการดาว เผยว่า มีการเลื่อนกำหนดวันนัดรายงานตัวผู้ต้องหาทั้ง 6 คน เพื่อฟังคำสั่งอีกครั้ง เป็นวันที่ 7 ก.ค. เวลา 09.30 น. เนื่องจากมีการส่งสำนวนไปที่อธิบดีอัยการภาค 1 และอัยการภาค 1 ได้มีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม จึงได้แจ้งพนักงานสอบสวนให้ดำเนินการสอบเพิ่มเติมตามประเด็นที่มี ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ พนักงานสอบสวนได้นำผลการสอบสวนเพิ่มเติมมาส่ง ทำให้เวลากระชั้นชิด จึงต้องมีการเลื่อนนัดฟังคำสั่งออกไปก่อน ส่วนประเด็นการสอบสวนเพิ่มเติมนั้น อัยการดาว กล่าวว่า ไม่สามารถระบุได้ เพราะเป็นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา ส่วนจะเป็นประเด็นที่มีผู้ยื่นร้องขอให้สอบหรือไม่นั้น อาจจะเป็นความเข้าใจของประชาชนได้ แต่ตนตอบไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องภายในสำนวน ซึ่งตามหลักจะไม่มีการเปิดเผยอยู่แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น