xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 12-18 มิ.ย.2565

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



1.ภรรยา-ลูก "สมัคร สุนทรเวช" อ่วม! ศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนให้ชดใช้ 587 ล้าน คดีทุจริตจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง!

เมื่อวันที่ 16มิ.ย. ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายืนสั่งให้คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ภรรยานายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนางกาญจนากร ไชยลาโภ นางกาญจนาภา มุ่งถิ่น บุตรสาว ในฐานะทายาทของนายสมัคร รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน จำนวน 587,580,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว นับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย 2553-วันที่ 10 เม.ย. 2564 และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี หรืออัตราดอกเบี้ยใหม่ ที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา ซึ่งออกตามความในมาตรา 7 วรรค 2 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปีนับตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย.64 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จโดยให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนภายใน 60 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

ทั้งนี้ หากคดีที่กรุงเทพมหานครฟ้องบริษัทสไตล์เออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จํากัด ประเทศออสเตรีย ต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ขอให้เพิกถอนสัญญาซื้อขายเรียกทรัพย์คืนตามคดีหมายเลขดำที่กค.155/2552 โดยศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้คู่กรณีกับคืนสู่ฐานะเดิม หรือคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศของ ICC มีคำวินิจฉัยชี้ขาดให้คู่กรณีตกลงกันด้วยดีทำให้ค่าความเสียหายลดลงเพียงใด ก็ให้ทายาททั้งสามรับผิดตามอัตราส่วนตามที่ศาลกำหนดให้นายสมัครรับผิดชอบเพียงนั้น โดยทายาททั้งสามต้องรับผิดต่อกรุงเทพมหานคร เพียงไม่เกินทรัพย์มรดกของนายสมัครที่ตกทอดแก่ตน

คดีนี้ กรุงเทพมหานครได้ยื่นฟ้องบุคคลทั้งสามให้ร่วมกันรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่นายสมัครต้องรับผิดชอบจากกรณีทุจริตในโครงการจัดซื้อเรือและรถดับเพลิงพร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัยของกรุงเทพมหานครกับบริษัทสไตล์เออร์ เมื่อปี 2547-2548 ซึ่งกระทรวงการคลังกำหนดให้นายสมัครซึ่งเป็น 1 ใน 6 ของผู้ร่วมกระทำผิด ต้องรับผิดชดใช้เป็นเงิน 956,931,442 บาท

ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ทายาททั้งสามชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีนายสมัครกระทำละเมิด เนื่องจากการที่นายสมัครในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีอำนาจหน้าที่บริหารราชการของกรุงเทพมหานครให้เป็นไปตามกฎหมายมาตรา 49(1) พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 2528 และเป็นผู้มีอำนาจสั่งซื้อตามข้อ 5 ของข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องการพัสดุ 2538 ได้ทราบถึงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อตามที่ พล.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เสนอเรื่องผ่านคุณหญิงณัฐนนท ทวีสิน ปลัดกรุงเทพมหานครขณะนั้น เพื่อให้พิจารณามาโดยตลอด แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบหรือทักท้วงถึงการกระทำดังกล่าว และยังคงอนุมัติให้กรุงเทพมหานครจัดซื้อ

การกระทำของนายสมัครจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถือเป็นการกระทำละเมิดต่อกรุงเทพมหานครตามมาตรา 420 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเมื่อความเสียหายที่กรุงเทพมหานครได้รับ เกิดจากการจัดซื้อที่ไม่เป็นไปตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครเรื่องการพัสดุ 2538 ทำให้ราคาที่ซื้อสูงเกินจริงเป็นเงินจำนวน 1,958,600,000บาท และการจัดซื้อยังมีผู้เกี่ยวข้องหลายราย จึงสมควรกำหนดสัดส่วนความรับผิดชอบของนายสมัคร โดยเทียบเคียงแนวทางการกำหนดสัดส่วนความรับผิดชอบของกระทรวงการคลังตามหนังสือกระทรวงการทางด่วนที่สุดที่ กค.0406.2/ว.66 ลงวันที่ 25 ก.ย. 2550 ที่กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาขั้นสูงหรือผู้มีอำนาจอนุมัติสั่งซื้อ รับผิดกรณีไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบด้านการจัดซื้อจัดจ้าง เนื่องจากกำหนดราคาสูงกว่าความเป็นจริง โดยให้รับผิดในอัตราร้อยละ 30 ของมูลค่าความเสียหาย

เมื่อนายสมัครเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของกรุงเทพมหานคร และเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติสั่งซื้อ จึงสมควรต้องรับผิดต่อกรุงเทพมหานครในอัตราร้อยละ 30 ของความเสียหายจากเงินจำนวน 1,958,600,000 บาท คิดเป็นเงินที่ต้องรับผิด 587,580,000 บาท และเมื่อความรับผิดอันเกิดจากการกระทำละเมิดของนายสมัครต่อกรุงเทพมหานครเป็นความรับผิดเกี่ยวกับทรัพย์สิน เป็นเงิน มิใช่ความรับผิดซึ่งตามกฎหมายหรือโดยสภาพแล้วเป็นการเฉพาะตัวของนายสมัคร ผู้ตายโดยแท้ ดังนั้นบุคคลทั้งสาม ในฐานะทายาทโดยธรรมของนายสมัคร จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 587,580,000 บาท ให้แก่กรุงเทพมหานคร โดยไม่เกินกว่าทรัพย์มรดกที่ตกทอดให้แก่ตน ทั้งนี้ ตามมาตรา 1600 และมาตรา 1601 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

2.ตำรวจรวบ "นารา เครปกะเทย-หนูรัตน์-มัมดิว" แล้ว ฐานโฆษณาหมิ่นสถาบันในลาซาด้า ด้านศาลให้ประกันตัว วงเงินคนละ 9 หมื่น!


ความคืบหน้ากรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้แจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอท. เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ให้ดำเนินคดีนายอนิวัต ประทุมถิ่น หรือ "นารา เครปกะเทย", น.ส.ธิดาพร ชาวคูเวียง หรือหนูรัตน์ และนายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือมัมดิวไดอารี่ เนื่องจากมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมเข้าข่ายดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง จากการโฆษณาผ่านแฟลตฟอร์มลาซาด้า

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท.ในฐานะโฆษก บก.ปอท. เผยว่า ตำรวจ ปอท. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปอท. ได้เข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสามดังกล่าวตามหมายจับศาลอาญา คือ 1.นายอนิวัต ประทุมถิ่น (นารา เครปกะเทย) อายุ 34 ปี ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 14(1) และ 14(3) โดยจับกุมได้ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง

2.นายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ (มัมดิวไดอารี่) อายุ 24 ปี ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 โดยจับกุมได้ที่บ้านพักบริเวณแขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร

3.น.ส.ธิดาพร ชาวคูเวียง (หนูรัตน์) อายุ 29 ปี ในความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 112 โดยจับกุมได้ที่บ้านพักบริเวณ ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 รายดังกล่าว สืบเนื่องจากมีประชาชนมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ที่ได้ร่วมกันผลิตและเผยแพร่สื่อโฆษณาที่มีลักษณะเข้าข่ายเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ จนนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายจับ

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ยืนยันด้วยว่า การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย และคำนึงถึงสิทธิของผู้ต้องหาที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เมื่อสอบปากคำผู้ต้องหาเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อขอฝากขังผู้ต้องหาในระหว่างการสอบสวนต่อไป

หลังให้ปากคำตำรวจนานกว่า 5 ชั่วโมง นายอนิวัต ประทุมถิ่น หรือนารา เครปกะเทย กล่าวว่า วันนี้ค่อนข้างเห็นใจ น.ส.ธิดาพร ชาวคูเวียง หรือหนูรัตน์ เพราะทั้งตกใจและเสียใจ ภายหลังเกิดเรื่องขึ้น ตนก็ได้ดูแล น.ส.ธิดาพร ตลอด เช่นค่าประกันตัว ค่าจ้างทนายความ หรือค่ารถ ยืนยันว่าจะดูแลให้ดีที่สุด โดยวันนี้เป็นการจับกุมตามที่มีผู้แจ้งความตนเอง จึงมาเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งที่ตนอยู่ที่สนามบินดอนเมืองนั้น เป็นเพราะตนเพิ่งเดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ อย่างไรก็ตาม เรื่องเงื่อนไขการประกันตัวนั้นตนไม่ขอพูด ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และตนคิดว่า การแจ้งความครั้งนี้คงไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่อย่างใด

ด้านนายกิตติคุณ ธรรมกิติราษฎร์ หรือมัมดิวไดอารี่ กล่าวว่า วันนี้มาให้ความร่วมมือกับทางราชการ ส่วนตัวก็รู้สึกตกใจและสงสัยว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงมาที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง ส่วนเรื่องเงื่อนไขการประกันตัวของศาลนั้นขอให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. กล่าวในเวลาต่อมาว่า พนักงานสอบสวนได้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งสามคนผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ โดยศาลอนุญาตให้ประกันตัวทั้งสามคนวงเงินคนละ 90,000 บาท

3. ปิยบุตรโวยเป็นผู้ต้องหา ม.112 ครั้งแรกในชีวิต ยัน พฤติกรรม 10 กว่าปีของตนไม่เข้าข่ายหมิ่นสถาบัน เย้ยแม้โดนคดี ก็หยุดตนไม่ได้!



เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ภาพหมายเรียกของสถานีตำรวจนครบาลดุสิต ลงวันที่ 1 มิ.ย. ในคดีที่นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ โดยให้ไปพบกับพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต ในวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 13.30 น.

อย่างไรก็ตาม นายปิยบุตร กล่าวว่า เนื่องจากวันดังกล่าวตนและทนายความติดภารกิจ จึงขอเลื่อนไปเป็นวันจันทร์ที่ 20 มิ.ย. เวลา 10.00 น. และว่า ตนนำเสนอความเห็นทางวิชาการ เขียน อภิปราย เกี่ยวกับประเด็นการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ และเสนอให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์ทางกฎหมายที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ทั้งในระดับรัฐธรรมนูญและระดับพระราชบัญญัติมาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยยังเป็นอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนกระทั่งเข้าสู่แวดวงการเมือง

นายปิยบุตร ยังยืนยันด้วยว่า "ตลอดเวลามากกว่า 10 ปี จนถึงปัจจุบัน ไม่มีการแสดงความเห็น การเขียน การพูดของผมครั้งใดที่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อย่างแน่นอน ผมแสดงความเห็นในเรื่องเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ก็ด้วยจิตสำนึกและเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ แก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย เพื่อรักษาประชาธิปไตย และรักษาสถาบันกษัตริย์ให้ดำรงอยู่รอดปลอดภัยภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป กำลังเผชิญกับความท้าทายของยุคสมัย"

"ไม่มีความเห็นใดของผมที่ต้องการเปลี่ยนเป็นสาธารณรัฐ ไม่มีความเห็นใดของผมที่หมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ มีแต่ความเห็นที่ปรารถนาดีต่อสังคมไทย ต้องการให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่ทำให้ทุกคนทุกรุ่นทุกวัย ทุกความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ โดยยังคงรักษาสถาบันกษัตริย์ไว้ได้ต่อไป"

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ตลอดชีวิตไม่เคยเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีอาญา กระทั่งเข้าสู่แวดวงการเมือง ก่อตั้งพรรคการเมือง จึงได้เป็นผู้ต้องหาครั้งแรกในคดีดูหมิ่นศาล ความผิดอาญาทางคอมพิวเตอร์ และเป็นจำเลยครั้งแรกในคดีความผิดตาม พ.ร.บ. การชุมนุมสาธารณะ และความผิดฐานยุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ส่วนมาตรา 112 เป็นครั้งแรกที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษ กลายเป็นผู้ต้องหาในความผิดฐานนี้

"ไม่ต้องคิดอย่างสลับซับซ้อนก็คงตอบได้ว่า สถานะผู้ต้องหาและจำเลยในคดีเหล่านี้ ผมได้มาก็เพราะสัมพันธ์กับบทบาททางการเมือง บรรดานักร้อง ไฮเปอร์รอยัลลิสต์ อัลตร้ารอยัลลิสต์ ฟ้องผมในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพราะต้องการหยุดไม่ให้ผมพูด แต่หยุดผมไม่ได้หรอกครับ ผมจะเดินหน้าแสดงความเห็นทางวิชาการ รณรงค์ข้อเสนอต่างๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ต่อไป เพื่อพิสูจน์ว่าความเห็นและข้อเสนอแบบผมต่างหาก ที่จะช่วยรักษาสถาบันกษัตริย์ให้อยู่รอดปลอดภัยในยุคปัจจุบัน พฤติกรรมของพวกเขาต่างหากที่จะผลักดันสังคมไทยไปถึงทางตัน และไม่เป็นคุณต่อสถาบันกษัตริย์"

4. รัฐบาลประกาศให้ "กัญชา" เป็นสมุนไพรควบคุม ห้ามสูบในที่สาธารณะ เยาวชนอายุต่ำกว่า 20 และสตรีมีครรภ์ ห้ามใช้!



เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวหลังเป็นประธานเปิดการประชุมมอบนโยบายและชี้แจงแนวทางการควบคุม กำกับการใช้กัญชาอย่างเหมาะสมและปลอดภัยต่อสุขภาพ ตามกฎหมายว่าด้วยกระทรวงสาธารณสุข และกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่า นโยบายกัญชามีกระแสตอบรับดีมาก เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ มีการเข้าแอปฯ ปลูกกัญ กันอย่างมหาศาล แต่ก็ต้องมีแนวทางการควบคุมการใช้ตามข้อเป็นห่วงของสังคม วันนี้ (16 มิ.ย.) ได้ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) ตามที่กรมการแพทย์ไทยฯ เสนอ เพื่อแก้ไขข้อวิตกกังวล โดยกฎหมายนี้จะกำหนดให้ใช้กัญชาได้ในผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เด็กวัยเรียน เยาวชน และหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ไม่สามารถใช้ได้ หากไม่มีแพทย์อนุญาต นอกจากนี้ยังกำหนดห้ามสูบห้ามเสพกัญชาในที่สาธารณะ

นายอนุทิน กล่าวอีกว่า กฎหมายดังกล่าวจะเป็นเครื่องมือให้เจ้าพนักงานตามกฎหมายสาธารณสุขทั้งระดับท้องถิ่นใช้ในการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้กัญชาไม่เหมาะสม โดยก่อนหน้านี้ กรมอนามัยได้ออกประกาศกระทรวงฯ เพื่อกำหนดให้กลิ่นและควันกัญชาเป็นเหตุรำคาญ และได้ออกประกาศกรมอนามัย เรื่อง การนำใบกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหาร ในสถานประกอบกิจการอาหาร พ.ศ. 2565 แต่เพื่อลดความเป็นห่วงของประชาชน ก็ต้องลงนามให้กัญชาเป็นพืชชสมุนไพรควบคุมด้วย

นายอนุทิน ย้ำด้วยว่า “กระทรวงสาธารณสุขไม่ได้นิ่งนอนใจ เราวางแผน และเดินหน้าควบคุมการใช้กัญชาอย่างเป็นระบบ ขอย้ำว่า กัญชามีประโยชน์ทางการแพทย์ มีประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ถ้าใช้กันอย่างถูกต้องตามกฎกรอบที่วางไว้ ปัญหาจะไม่เกิดขึ้น แต่นี่กลับพบว่ามีการนำไปใช้ในทางที่ผิด ก็ต้องใช้กฎหมายเข้าไปควบคุม”

รายงานแจ้งว่า เหตุผลของการมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการให้กัญชาสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เกิดการใช้อย่างเข้าใจ ไม่ถูกใช้ในทางที่จะเกิดผลเสียต่อเด็กและเยาวชน หญิงมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร ตามที่มีการเรียกร้องจากสังคม ประกาศดังกล่าวไม่กระทบต่อสิทธิของประชาชนส่วนใหญ่ และสามารถมีผลบังคับใช้ทางอาญา หากกระทำผิดตามประกาศฉบับนี้ ต้องรับโทษตามกฎหมาย คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

วันต่อมา (17 มิ.ย.) พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษก ตร.) เผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศอ.ปส.ตร.) มีความห่วงใยประชาชน ต่อกรณี “ปลดล็อกกัญชา” ปลดพืชกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ใช้กัญชาโดยขาดความระมัดระวัง ไม่คำนึงถึงผลข้างเคียง ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของตนเอง และบางรายนำไปใช้ปรุงอาหาร ใช้เพื่อการค้า ส่งผลกระทบต่อผู้อื่น โดยเฉพาะเด็ก เยาวชน และกลุ่มเสี่ยง จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อควบคุม ป้องกัน ภัยอันตรายที่เกิดจากการใช้กัญชาอย่างไม่เหมาะสม

ซึ่งจากข้อห่วงใยดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข กำหนดแนวทางควบคุมการมี การใช้กัญชา โดยล่าสุด รัฐบาลได้ควบคุมการใช้กัญชา โดยพิจารณาออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ.2565 มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2565 เป็นต้นไป


วันเดียวกัน (17 มิ.ย.) สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทยฯ ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ผลกระทบจากการบริโภคอาหารและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาว่า หลังปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงและบริโภคกัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาได้โดยไม่ผิดกฎหมาย และว่า กัญชามีสาร THC การนำกัญชามาใช้ปรุงอาหารหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม จะมีผลเสียต่อร่างกาย โดยเฉพาะบุคคลที่มีความไวต่อสารนี้ จะเกิดอาการแพ้ แม้ได้รับในปริมาณไม่มาก และอาจรุนแรงถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งยังพบว่า THC ใช้เวลาอยู่ในร่างกายยาวนานหลายชั่วโมง ทำให้ผู้บริโภคไม่รู้สึกถึงความผิดปกติในทันทีจากการได้รับสารดังกล่าว จนอาจทำให้บริโภคในปริมาณที่เกินขนาดได้

สมาคมฯ จึงมีข้อเสนอแนะว่า การนำกัญชามาประกอบหรือปรุงอาหาร ใช้ได้เพียงบางส่วนของต้นกัญชาเท่านั้น คือ ใบสดของกัญชา และควรใช้ไม่เกินครึ่งใบหรือหนึ่งใบ เพื่อประเมินผลข้างเคียงและการแพ้ ส่วนช่อดอกของกัญชามี THC สูง และไม่เหมาะที่จะนำมาใช้บริโภค

นอกจากนี้การนำกัญชามาประกอบอาหารด้วยความร้อน จะส่งผลให้ THC เพิ่มปริมาณขึ้น ดังนั้น หากเป็นการต้ม แนะนำให้รับประทานเฉพาะส่วนน้ำ ไม่แนะนำให้รับประทานส่วนใบที่ผ่านการต้มแล้ว หากนำมาประกอบอาหารด้วยน้ำมัน จะส่งผลให้ปริมาณ THC เพิ่มขึ้นเช่นกัน และสาร THC ละลายได้ดีในน้ำมัน จึงไม่ควรนำใบกัญชามาประกอบอาหารที่ใช้น้ำมัน

5. โควิดซา ศบค. ไฟเขียวถอดหน้ากากได้ในที่โล่ง ปลดล็อกสถานบันเทิงเปิดได้ถึงตี 2 ปรับพื้นที่ 77 จังหวัดเป็นสีเขียว!



เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการการท่องเที่ยวและกีฬา เผยหลังประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (ศบค.) ว่า ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอขอยกเลิกหนังสือ ตม.6 ยกเลิกไทยแลนด์พาส ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต้องกรอกไทยแลนด์พาสก่อนเข้าประเทศ และถอดหน้ากากอนามัยได้ในบางพื้นที่ ให้อยู่ที่ความสมัครใจของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะในที่โล่ง และนักกีฬาที่ออกกำลังกายสามารถถอดหน้ากากอนามัยได้ ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป

ส่วนเรื่องวัคซีนจะให้ทางสายการบินเป็นผู้ตรวจแทน อย่างไรก็ตาม สำหรับพนักงานให้บริการสมควรที่จะให้ใส่หน้ากากอนามัยต่อไป รวมถึงการจัดงาน เช่น คอนเสิร์ต ที่มีผู้ร่วมงานเกินกว่า 2,000 คน ให้ขออนุญาตก่อน และยังต้องสวมหน้ากากอนามัย

นายพิพัฒน์ เผยด้วยว่า “ที่ประชุม ศบค. ยังมีมติให้ขยายระยะเวลาเปิดสถานบันเทิงไปถึงเวลา 02.00 น. ส่วนโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวพักอาศัย จากเดิมที่ไม่อนุญาตให้ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตั้งแต่เวลา 14.00-17.00 น.นั้น ได้มีการปลดล็อกแล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 1 ก.ค. เช่นกัน ขณะเดียวกัน ได้มีการประกาศให้พื้นที่ 77 จังหวัดเป็นพื้นที่สีเขียวด้วย”

นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า หลังจากผ่อนคลายมาตรการครั้งนี้แล้ว คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยวันละ 2.5 หมื่นคน ถึง 3 หมื่นคนต่อวัน และยังมั่นใจด้วยว่า ถึงสิ้นปี ไทยจะมีนักท่องเที่ยวไม่น้อยกว่า 7.5 ล้านคน แต่จะพยายามเร่งให้ได้ 10 ล้านคน


กำลังโหลดความคิดเห็น