xs
xsm
sm
md
lg

มหาวิทยาลัยเมืองตากลุกเป็นไฟ แม่แชตคุยกับรุ่นพี่สงสัยใครออกกฎการแต่งกาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



พบเพจต่อต้านการรับน้องเผยแชตไลน์ระหว่างแม่นักศึกษาปี 1 กับรุ่นพี่ หลังมีกฎเรื่องการแต่งกายออกมา ถามว่าใครออกกฎ รุ่นพี่บอกทำมาตั้งแต่รุ่นก่อน แต่หาอาจารย์ไม่ได้ ด่ากลับคนมีการศึกษาไม่ทำกัน

วันนี้ (11 มิ.ย.) ในโลกโซเชียลฯ มีการแชร์ภาพจากเฟซบุ๊กเพจ "รับน้องสร้างสรรค์ระดับโคตรมหากาฬ" ซึ่งเป็นเพจต่อต้านการรับน้อง โดยเป็นภาพแคปหน้าจอการสนทนาของมารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 สาขาการตลาด ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดตาก สอบถามรุ่นพี่ถึงกฎการแต่งกายในกิจกรรมรับน้อง ว่าจุดประสงค์ที่ทำ ทำไปทำไม แล้วใครอนุญาตเรื่องกฎพวกนี้ รุ่นพี่ตอบกลับมาว่า มีแบบนี้มาเป็นรุ่นแล้ว รุ่นพวกตนก็โดนแบบรุ่นน้อง มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 ถามต่อว่า พอจะทราบไหมว่าใครอนุญาตให้มีกฎเหล่านี้ เพราะตอนที่ลูกอยู่ชั้นมัธยมศึกษา ก็ไม่ได้บังคับอะไรแบบนี้ พอจะมีคำอธิบายของกฎแต่ละข้อประกอบหรือไม่ รุ่นพี่ตอบว่าอาจารย์ แต่ไม่รู้ที่มาที่ไป เพราะตอนที่เข้ามาก็ได้กฎแบบนี้เหมือนกัน แนะนำให้ลองดูที่หน้าเพจ

มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 จึงแคปหน้าจอกฎการแต่งกายของมหาวิทยาลัย และกล่าวว่า อ่านแล้ว ไม่สอดคล้องกับกฎที่รุ่นพี่กำหนด เพราะนักศึกษาชายไม่มีประกาศไหนจากมหาวิทยาลัยที่กล่าวถึงเรื่องทรงผม ถุงเท้าก็ไม่มีบังคับ ไม่ได้บังคับให้สวมรองเท้าคัชชูด้วย ส่วนนักศึกษาหญิงกฎจากรุ่นพี่ที่ส่งให้ในกลุ่ม ก็ไม่สอดคล้องกับกฎของมหาวิทยาลัย อีก 3 วันก็เปิดเทอมแล้ว จะได้คุยกับลูกว่าต้องเตรียมอะไรบ้างสำหรับเปิดเทอมนี้ รุ่นพี่จึงให้รอสักครู่ กำลังคุยกับอาจารย์ ก่อนจะให้คำตอบว่า สีผมนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ยังห้ามทำ หรือถ้าทำได้แค่สีน้ำตาลดำ หรือสีผมดำ ทำให้มารดาถามกลับว่า ทำไมกฎของมหาวิทยาลัยถึงไม่ห้ามเรื่องสีผม รุ่นพี่จึงตอบว่า อันที่แจ้งไปคือกฎของสาขาการตลาดชั้นปีที่ 1 ซึ่งเป็นแบบนี้มานานแล้ว มารดาจึงถามว่ามีหนังสือแจ้งและอธิบายถึงกฎเหล่านี้ไหม รุ่นพี่จึงบอกให้รอสักครู่ คุยกับอาจารย์ให้อีกครั้ง

มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 จึงกล่าวว่า ขอสงสัยกฎของสาขาการตลาดชั้นปีที่ 1 ในเมื่อบอกว่ามีมานานแล้ว ทำไมไม่มีเอกสารหริออ้างอิงจากหน้าเว็บไซต์มหาวิทยาลัย คือตอนทำบัญชีพอมีกฎเกณฑ์อะไรต่างๆ ของแต่ละบริษัท เราจะสามารถหากฎเกณฑ์ต่างๆ อ้างอิงได้ทันที พอเป็นคำว่ากฎที่เป็นของหน่วยงานหรือองค์กร คิดว่าการจะหาแหล่งอ้างอิงคงหาไม่ยากใช่ไหม สงสัยว่าทำไมหาแหล่งอ้างอิงช้า ตอนแรกคิดว่าน่าจะหาได้ไม่นาน เพราะกฎเกณฑ์ต่างๆ ขององค์กรสามารถหาได้ไม่ยาก คิดว่าประเด็นนี้ตนไม่ต้องโทร.ไปหารองอธิการบดี และสงสัยว่าเห็นมีบางคนบอกว่ากฎนี้มีมานานแล้ว พวกรุ่นพี่ไม่สงสัยเลยเหรอว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ คำว่านักศึกษา คือใครบอกให้ทำแบบนั้นก็ได้เลยหรือ

รุ่นพี่ตอบกลับว่า จากที่คุยปรึกษามาแล้ว ถ้าลูกสาวกับหลานชายไม่สะดวกทำตามก็ได้ พวกตนไม่ได้บังคับ แต่เรื่องทรงผมเป็นของสาขาอยู่ที่อาจารย์ของเราด้วย ถ้าเรื่องย้อมสีผมย้อมได้สีน้ำตาลไม่ฉูดฉาด มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 จึงกล่าวว่าไม่มีการคิด วิเคราะห์ ทบทวน หาข้อมูลที่น่าเชื่อถือแล้วค่อยเชื่อหรือ ถ้าไม่บังคับแล้วออกกฎทำไม รู้ไหมว่าการทำบัญชีแล้วอ้างกฎที่ไม่มีแหล่งอ้างอิงเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก การตลาดกับงานด้านบัญชีคงไม่ต่างกัน รุ่นพี่ตอบกลับว่า ไม่มีหนังสือหรือเอกสาร เพราะเป็นกฎของสาขาจากอาจารย์ มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 จึงกล่าวว่า ยิ่งต้องมี ตราบใดที่ยังเป็นองค์กรย่อยๆ ในองค์กรใหญา เรียนการตลาดไม่น่าพลาดจุดนี้ เรื่องการออกกฎเกณฑ์ขององค์กร อาจารย์คนไหนออกกฎ เป็นอาจารย์ที่สังกัดในองค์กร คือ มหาวิทยาลัย แต่ออกกฎโดยไม่มีเอกสารรับรอง แบบนี้ผิดกฎหมาย เป็นเรื่องร้ายแรง แจ้งอาจารย์ด้วย ขอสงสัยที่มีคนบอกว่าอาจารย์ออกกฎ อยากทราบว่าอาจารย์ที่กล่าวถึงมีตัวตนจริงไหม สาขาการตลาดจะมีว้ากน้องหรือโซตัสไหม

รุ่นพี่ตอบกลับว่า อาจารย์ขอให้แม่รอก่อน ตอนนี้ไม่สะดวก อาจารย์น่าจะมาคุยเอง มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 จึงกล่าวว่า แม่ว่ามันแปลกๆ ในเมื่ออ้างว่าเป็นกฎสาขาแต่ทำไมแค่เอกสารรับรองหรือแหล่งอ้างอิงที่อยู่ในเว็บไซต์กลับไม่มี แล้วอาจารย์คนที่อ้างชื่ออะไร จะได้บอกกับรองอธิการบดีได้ว่าอาจารย์คนไหนออกกฎโดยไม่มีการรับรองจากมหาวิทยาลัย คนเรียนการตลาดหรือคนที่เป็นอาจารย์สอนการตลาด ไม่น่าพลาดจุดใหญ่จุดนี้เลย กำลังสงสัยอยู่กับสามีว่าคิดถูกไหมที่ให้ลูกไปเรียนสาขานี้ อีกเรื่องหนึ่ง ใกล้เปิดเทอมแล้ว ทำไมแม่ถามลูกว่ามีพี่ๆ คนไหนที่มาบอกเรื่องการเตรียมตัวอ่านหนังสือ เตรียมตัวสำหรับแต่ละวิชาว่าต้องทำยังไง มีเคล็ดลับอะไรในการเรียนให้เข้าใจเนื้อหา หรือว่าจะแบ่งเวลาอ่านหนังสือยังไง เรียนต่างจากมัธยมยังไง ไม่เห็นมีรุ่นพี่คนไหนสนใจประเด็นนี้กันเลย หรือแบบพี่คนไหนที่ถนัดหรือชำนาญวิชาไหน ที่จะมาบอกเทคนิคของวิชานั้นๆ ให้กับน้องๆ ก็ไม่เห็นมี จะมีก็วนอยู่แต่เรื่องกฎ เรื่องรับน้องทำนองนี้

รุ่นพี่ตอบกลับว่า แม่ถามแค่ลูกแม่เหรอ แม่ถามน้องๆ คนอื่นได้ไหม พวกตนมีอะไรก็ซัพพอร์ตน้องตลอด น้องจะลา น้องมาไม่ได้ พวกตนประสาท งานไม่ใชามีแค่ลูกแม่ที่พวกตนดูแล และยืนยันว่าไม่มีกิจกรรมรับน้อง เพราะทางมหาวิทยาลัยไม่ให้จัด มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 จึงแคปหน้าจอไลน์กลุ่ม ขีดเส้นใต้คำว่ารับน้อง รุ่นพี่จึงกล่าวว่าใจเย็นๆ พอดีกำลังคุยกับอาจารย์อยู่ ก่อนจะกล่าวว่า พวกตนคัดลอกมาจากรุ่นพี่อีกที ขอโทษด้วย เพราะประเด็นรับน้องพวกตนแจ้งน้องไปแล้วว่าไม่มี มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 จึงถามว่า พอจะสามารถเชิญอาจารย์เข้ากลุ่มได้ไหม จะได้ถามทีเดียวเลย ตอนแรกแม่ก็เข้าใจว่าไม่รับ แต่พอเห็นกฎที่รุ่นพี่ส่งไว้ในกลุ่ม กลับบอกว่ามีรับน้อง อย่างไรก็ตาม รุ่นพี่กลับบอกว่า คุยกับอาจารย์แล้ว ฝากบอกว่าถ้ารุ่นน้องจะแต่งตัว จะทำอะไรตามสบาย เดี๋ยวเปิดเทอมคุยกับอาจารย์ และอาจารย์ขอรบกวนคุณแม่ออกจากกลุ่มไลน์

มารดานักศึกษาชั้นปีที่ 1 จึงกล่าวว่า ทำไมต้องออกด้วย ยังไม่เคลียร์อีกหลายประเด็น ชื่ออาจารย์แม่ก็ยังไม่ทราบ งั้นมีข้อต่อรองว่า ถ้าแม่ยังไม่เคลียร์แล้วต้องออกจากกลุ่ม หรือโดนใครสักคนทำให้ออกจากกลุ่ม แม่เอาเรื่องนี้ลงโซเชียลฯ เอง ลูกสาวกับหลานชายไม่ต้องลง แม่มาลงเอง แล้วรบกวนฝากบอกอาจารย์คนนั้นด้วยว่าการออกกฎอะไรต่างๆ ที่ตนเองนั้นสังกัดอยู่ในองค์กรนั้น คนออกกฎจะต้องทำเรื่องเพื่อให้ได้มาซึ่งการรับรองกฎดังกล่าว จะอ้างเลื่อนลอยว่าเป็นกฎไม่ได้ มันดูเหมือนคนขาดการศึกษาในด้านการตลาด ยิ่งคนที่ต้องเป็นอาจารย์ที่ทำหน้าที่สอนนิสิตให้มีความรู้ แต่ตนเองกลับขาดทักษะพื้นฐาน แบบนี้ควรพิจารณาตนเองว่ามีอะไรบกพร่องไหม หรือถ้าเป็นไปได้ ควรลาออกดีกว่า เพราะการออกกฎโดยไม่มีอะไรรับรอง มันเป็นเรื่องร้ายแรงมาก แล้วถ้าเป็นไปได้ การอ้างว่ารุ่นก่อนๆ ก็ทำมาแบบนี้ โดยที่ไม่คิดพิจารณาให้เหมือนคนมีการศึกษาถึงระดับปริญญาตรีว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ เหมาะสมที่จะต้องทำตามหรือต้องปฎิเสธ แบบนี้ใช้ไม่ได้ ไม่ใช่ทักษะของคนมีการศึกษาที่เขาทำกน ก่อนที่จะขอออกจากกลุ่มเอง เจอกันในโซเชียลฯ

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ได้มีลูกเพจตามไปคอมเมนต์ที่เพจมหาวิทยาลัยดังกล่าว เรียกร้องให้อธิการบดีชี้แจงกับเรื่องที่เกิดขึ้น

อ่านโพสต์ คลิกที่นี่




กำลังโหลดความคิดเห็น