แกร็บ (Grab) ส่งอีเมลแจ้งลูกค้ายืนยันตัวตน เปลี่ยนผู้ให้บริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต (GrabPay Wallet) แต่เพียงผู้เดียว เริ่ม 23 ส.ค.นี้ พบได้รับอนุญาตจากแบงก์ชาติประกอบธุรกิจอี-วอลเล็ต โอนเงินอิเล็กทรอนิกส์ และสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล แต่ยังไม่เริ่มให้บริการ
วันนี้ (8 มิ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า แกร็บ (Grab) ได้ส่งอีเมลไปยังลูกค้าที่ผูกบัญชีบริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต (GrabPay Wallet) ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-วอลเล็ต (e-Wallet) บนแอปพลิเคชันแกร็บ ระบุว่า ได้เปลี่ยนผู้ให้บริการ จากเดิมที่เป็นพาร์ตเนอร์ชิประหว่างธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กับบริษัท จีเพย์ เน็ตเวิร์ค (ที) จำกัด เปลี่ยนเป็นให้บริการโดยแกร็บแต่เพียงผู้เดียว โดยธนาคารกสิกรไทยจะหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2565 เป็นต้นไป
อีเมลดังกล่าวระบุให้ผู้ใช้บริการยืนยันตัวตนผ่านลิงก์ที่ส่งไปยังอีเมลของผู้ใช้งาน เพื่อยอมรับเงื่อนไขและข้อกำหนด เมื่อทำตามขั้นตอนแล้ว ยอดเงินคงเหลือจะถูกโอนมายัง GrabPay Wallet โฉมใหม่โดยอัตโนมัติ หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด เมื่อธนาคารยกเลิกการให้บริการแล้ว ธนาคารจะดำเนินการคืนยอดเงินคงเหลือใน GrabPay Wallet เข้าบัญชี ภายในวันที่ 26 ส.ค. 2565 แต่ถ้าไม่มีบัญชีกสิกรไทย หรือปิดบัญชีไปแล้ว ให้ติดต่อขอรับเงินคืนได้ที่ K-Contact Center ต่อไป
สำหรับบริการแกร็บเพย์ วอลเล็ต (GrabPay Wallet) เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2562 ต่อจากประเทศสิงคโปร์ โดยการเติมเงินผ่านแอปพลิเคชัน K PLUS เข้าไปในแกร็บเพย์ เพื่อใช้จ่ายสั่งอาหาร เรียกรถ และส่งพัสดุ โดยจะได้รับส่วนลดและสิทธิพิเศษมากขึ้น เมื่อเทียบกับการชำระเงินรูปแบบอื่น ได้รับคะแนนสะสม GrabRewards รวมทั้งสามารถใช้ชำระเงินที่ร้านค้า เติมเงินมือถือ และสมัครบริการต่างๆ ของแกร็บ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสามารถเติมเงินผ่านธนาคารอื่น เช่น SCB Easy ธนาคารไทยพาณิชย์ และ KMA ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และสามารถโอนเงินคืนกลับเข้าบัญชีธนาคารได้อีกด้วย
ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า บริษัท จีเพย์ เน็ตเวิร์ค (ที) จำกัด ได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจการให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ และการให้บริการโอนเงินด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค. 2563 เป็นต้นมา นอกจากนี้ ยังได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล โดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) มาใช้ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่ออีกด้วย แต่ยังไม่ได้เริ่มให้บริการ