นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เขียนจดหมายชี้แจงต่อ นายศรศักดิ์ อ้วนด้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย ยันไม่ตัด-ลดบำนาญข้าราชการ ขออภัยที่ทำให้เสียความรู้สึก
จากกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เคยออกมาอภิปรายในกรณีเกี่ยวกับสวัสดิการข้าราชการบำนาญว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ ต่อมานายศรศักดิ์ อ้วนด้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปมการอภิปรายงบประมาณปี 2566 มีผลกระทบต่อข้าราชการบำนาญ
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เพจ "Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ได้ออกมาตอบจดหมายนายศรศักดิ์ อ้วนด้วน ประธานศูนย์พิทักษ์สิทธิและสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย เพื่อคลายความสงสัยต่อการอภิปรายงบประมาณของตนในสภาฯ 3 ประเด็น โดยได้ระบุข้อความว่า
"สืบเนื่องจากจดหมายจากศูนย์พิทักษ์สิทธิและสวัสดิการข้าราชการบำนาญแห่งประเทศไทย และการออกรายการเจาะลึกทั่วไทย ร่วมกับคุณศรศักดิ์ อ้วนด้วน เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ผมขอใช้โอกาสนี้เขียนจดหมายถึงคุณศรศักดิ์ ตามสัญญาเพื่อตอบข้อสงสัยที่มีต่อการอภิปรายงบประมาณของผมในสภาฯ ดังต่อไปนี้ครับ
ประเด็นที่ 1 มีอคติกับข้าราชการบำนาญหรือไม่ อะไรคือความหมายของงบช้างป่วย นายพิธา ตอบว่า งบช้างป่วย ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงข้าราชการบำนาญ แต่หมายถึงวิธีในการจัดงบประมาณประเทศของรัฐบาลที่รวมถึง รายได้ รายจ่าย การกู้ชดเชยขาดดุล ซึ่งจะไม่สามารถทำให้ประเทศเดินหน้าไปได้อย่างยั่งยืน
"ผมต้องเรียนท่านว่าผมมีคนในครอบครัวเป็นข้าราชการบำนาญ ตัวผมเองก็เคยทำงานที่กระทรวงพาณิชย์มาก่อน เข้าใจหัวอกข้าราชการเรื่องค่าตอบแทนที่น้อยกว่าเอกชนและปัญหาของข้าราชการไทยในการดูแลประชาชนไม่มากก็น้อย จึงเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมีอคติต่อข้าราชการครับ" นายพิธากล่าว
ประเด็นที่ 2 มีนโยบายในการตัดงบประมาณเงินเดือนหรือบำนาญหรือไม่ นายพิธาตอบว่า ไม่ตัด ไม่ลด เงินบำนาญท่านจะไม่ถูกกระทบ
"ผมไม่เคยพูดว่าบำนาญเป็นปัญหาหรือภาระ แต่พูดว่าหากหารายได้ เก็บรายได้ไม่ได้สอดคล้องรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะมีปัญหา รวมถึงสวัสดิการประชาชนหรือแม้แต่สวัสดิการข้าราชการเองในอนาคต ในทางกลับกัน ถ้าไม่พูดถึงตั้งแต่ตอนนี้เพื่อช่วยกันแก้ไข เกรงว่าสถานการณ์อาจสายเกินแก้ และอาจกลายเป็นปัญหาขึ้นมาจริงๆ เมื่อรัฐบาลหารายได้ให้สอดคล้องกับรายจ่ายในอนาคตไม่ได้ จึงอยากกันไว้ดีกว่าแก้ครับ"
ประเด็นที่ 3 ที่ท่านรู้สึกว่าการอภิปรายทำลายความรู้สึกของผู้อาวุโส พาดพิงให้เกิดความเสียหาย นายพิธาตอบว่า ขอยืนยันในเจตนาและความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่มีเจตนาในการทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร เพื่อทำลายความรู้สึก ยืนยันว่าเคารพประชาชนทุกคนเท่ากัน ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือประชาชน โดยเฉพาะผู้อาวุโสในช่วงวิกฤตสังคมสูงวัยที่ตนต้องการที่จะทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนทุกคนดีขึ้น
"ขอขอบคุณทุกข้อท้วงติง คำแนะนำ และต้องขออภัยหากการทำหน้าที่ผู้แทนฯ ของผมทำให้ท่านกังวลใจ เสียใจ หรือเสียความรู้สึก ก่อนอภิปรายนั้น ผมพอทราบว่ามีความเสี่ยงในการพูดเรื่องนี้ แต่ผมคิดว่าควรพูดตั้งแต่ตอนนี้ แทนที่จะไปพูดในอนาคต เพราะความเป็นห่วงสถานการณ์ งบประมาณ โดยเฉพาะรายได้ของเราในอนาคตที่อาจจะกระทบต่อพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนไม่ว่าจะอายุหรือสาขาอาชีพอะไร ตอนนี้เรายังมีเวลาสามารถมาระดมสมองช่วยกันก่อนจะสายเกินแก้ ขับเคลื่อนประเทศไทยของพวกเราทุกคนไปด้วยกันครับ"