นายบรรจง ชีวมงคลกานต์ ผู้ประกาศข่าวช่องเวิร์คพอยท์ ออกมาโพสต์ข้อความเผยอีกมุมหนึ่ง ปมอดีตนักข่าวสาวเข้าตรวจสอบ “หลวงปู่แสง” ชี้เจ้าตัวไม่เต็มใจแต่แรก แต่ทนแรงกดดันไม่ไหวจึงเข้าร่วมพิสูจน์
จากกรณีที่ นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา มือปราบสัมภเวสี พาทีมสื่อมวลชนบุกไปที่สำนักสงฆ์ดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร หลังปรากฏคลิปกล่าวหาว่า หลวงปู่แสง ญาณวโร คุกคามทางเพศผู้หญิง กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก หนึ่งในนั้นมีประเด็นที่นักข่าวหญิงรายหนึ่ง สังกัดสถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ทีวี แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อหน้าหลวงปู่แสง กลายเป็นที่วิจารณ์ในโซเชียลฯ ต่อมาหมอปลาออกมายอมรับว่าส่งผู้สื่อข่าวไปร่วมกับทนายความ 2 คนจริง อ้างว่าเข้าไปเก็บหลักฐาน แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้จัดฉาก
ต่อมา กองบรรณาธิการข่าวเวิร์คพอยท์ บริษัท ไทย บรอดคาสติ้ง จำกัด ได้ออกประกาศ เรื่อง ความผิดพนักงาน ระบุว่า ตามที่ น.ส.วาสนา ศรีผ่อง ผู้สื่อข่าวเวิร์คพอยท์ ได้ทำผิดจริยธรรมและจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อมวลชน ในการทำข่าวของหลวงปู่แสง โดยมีความผิดดังนี้ 1. มีกิริยาไม่เหมาะสมไม่เคารพต่อแหล่งข่าว 2. แสดงความไม่เป็นกลางในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน 3. ตัดสินใจร่วมกับสื่อสำนักอื่นและแหล่งข่าวในการสร้างหลักฐาน โดยไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาหรือรายงานต้นสังกัด
ล่าสุดวันนี้ (14 พ.ค.) นายบรรจง ชีวมงคลกานต์ ผู้ประกาศข่าวช่อง เวิร์คพอยท์ ได้ออกมาโพสต์เปิดเผยข้อเท็จจริงอีกแง่มุมปมการสร้างหลักฐานของผู้สื่อข่าวสาวลงในเพจ “บรรจงชงข่าว” โดยได้ระบุข้อความว่า
“คุณวาสนา ร่วมกับเพื่อนสื่อมวลชนช่องอื่นๆ รวม 5 ช่อง ได้ติดตามหมอปลาและภรรยาหมอปลา ไปทำข่าวตรวจสอบหลวงปู่แสง เกจิชื่อดังในจังหวัดยโสธร
ด้วยความที่มีเพียงข้อมูลจากผู้ร้องเรียน ซึ่งทางผู้สื่อข่าวและหมอปลา ก็เห็นร่วมกันว่า หากจะพิสูจน์ข้อมูลว่าเป็นจริงหรือไม่ ต้องส่งทีมงานเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง
ทีมหมอปลาเข้าไปตรวจสอบรอบแรก แต่ปรากฏว่า การเข้าไปตรวจสอบในรอบแรกนั้น ไม่สามารถเก็บภาพได้ เนื่องจากผู้ที่เข้าไปนั้นไม่มีประสบการณ์ในการทำสื่อและการถ่ายภาพ จึงไม่สามารถถ่ายภาพเหตุการณ์ได้ ทางหมอปลาและผู้สื่อข่าวจึงได้หารือกันอีกครั้ง
โดยทีมข่าว 5 ช่องได้มีการรับรู้ร่วมกันในแผนนี้
มีทีมข่าว 2 ช่อง คือช่อง.... และช่อง..... รวมทั้งหมอปลา เห็นว่าคุณวาสนา "เป็นผู้หญิงคนเดียว" ในกลุ่มผู้สื่อข่าว
จึงขอให้เข้าไปเป็นเพื่อนของทีมทนายความหญิง เพื่อทำการพิสูจน์ว่าข้อมูลที่แหล่งข่าวให้มานั้นเป็นความจริงหรือไม่ (กรณีหลวงปู่จับกอดสีกา)
ขณะนั้นคุณวาสนาพยายามบ่ายเบี่ยง แต่ด้วยแรงกดดันจึงจำยอมเข้าไปกับกลุ่มทนายความ โดยที่ผู้สื่อข่าวทุกคนรวมทั้งหมอปลา ไม่ทราบมาก่อนเลยว่าหลวงปู่แสงอาพาธโรคอัลไซเมอร์
ทั้งนี้ ก่อนที่จะเริ่มทำการพิสูจน์ข้อเท็จจริง คุณวาสนาตัดสินใจโดยไม่ได้รายงานให้ต้นสังกัดและผู้บังคับบัญชาทราบ
รวมถึงภายหลังจากการนำเสนอข่าวไปแล้วก็ไม่ได้แจ้งให้ทราบถึงที่มาของคลิปหลักฐานดังกล่าว กระทั่งมีข้อสงสัยปรากฏในโลกโซเชียล จึงยอมรับในภายหลัง”