รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7
(สรุปข่าวประจำวันที่ 8 - 13 พ.ค. 2565)
อันดับ 1 : หมอปลาสังคมลงโทษอย่างหนัก จับหลวงปู่แสงกล่าวหาลวนลาม ผงะนักข่าวสร้างหลักฐาน สะเทือนวิชาชีพสื่อ
สั่นสะเทือนวงการพระพุทธศาสนาและสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 11 พ.ค. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา พาทีมสื่อมวลชนบุกสำนักสงฆ์ดงสว่างธรรม อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร หลังมีคนร้องเรียนอ้างว่าถูกหลวงปู่แสง จนฺทโชโต (ญาณวโร) อายุ 98 ปี จับหน้าอก จับอวัยวะเพศ อ้างว่าเพื่อรักษามะเร็ง พร้อมกับคลิปหลักฐาน ระหว่างนั้นมีกลุ่มนักข่าวและภรรยาหมอปลาแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขณะที่ลูกศิษย์ชี้แจงว่า หลวงปู่แสงป่วยเป็นอัลไซเมอร์มาตั้งแต่ปี 2540 ไม่มีความกำหนัดลวนลามสีกา สอดรับกับแพทย์ที่รักษาระบุว่า หลวงปู่แสงมีภาวะหลงลืม ไม่รู้ตัวในสิ่งที่ทำด้วยซ้ำ สังคมตั้งคำถามว่าคลิปดังกล่าวเป็นการจัดฉากหรือไม่
แม้หมอปลาจะอ้างว่าไม่ได้จัดฉาก ไม่ได้ด่าหรือใส่ร้าย แต่โวยวายลูกศิษย์ข้างๆ แต่สังคมยังคงไม่พอใจ และเรียกร้องให้หมอปลาและคณะขอขมาหลวงปู่แสง แต่ที่สะเทือนวงการสื่อก็คือ ผู้หญิงในคลิปคล้ายกับนักข่าวช่องเวิร์คพอยท์ ภายหลังหมอปลาชี้แจงว่าให้นักข่าวไปพร้อมกับทนายจริง แต่อ้างว่าไม่ได้จัดฉาก แค่หาหลักฐานพิสูจน์ข้อร้องเรียน ภายหลังช่องเวิร์คพอยท์ตัดสินใจให้นักข่าวพ้นสภาพ เพราะมีกิริยาไม่เหมาะสมไม่เคารพต่อแหล่งข่าว แสดงความไม่เป็นกลางในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ตัดสินใจร่วมกับสื่อสำนักอื่นและแหล่งข่าวในการสร้างหลักฐาน โดยไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชาหรือรายงานต้นสังกัด
อันดับ 2 : สามเหล่าทัพทัพบอยคอตลาซาด้า ศรีสุวรรณแจ้งจับนารา ม.112-พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ทูตจีนระบุเนื้อหายอมรับไม่ได้
กรณีโฆษณาโปรโมชัน Lazada 5.5 ที่แสดงโดย นายอนิวัต ประทุมถิ่น หรือ นารา เครปกะเทย แต่งกายล้อเลียนบุคคลสำคัญที่คนไทยเคารพ และล้อเลียนบุคคลทุพพลภาพหรือผู้พิการ กระทบกระเทือนจิตใจต่อสังคม และลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ ทำให้ลูกค้าพากันลบบัญชีและลบแอปพลิเคชัน Lazada ออกจากมือถือ ตามมาด้วยร้านดอยตุง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์, ร้านดอยคำ, โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา, โครงการวันสุข กรมราชทัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ภัทรพัฒน์ สินค้ามูลนิธิชัยพัฒนา หยุดจำหน่ายผ่านลาซาด้า และมีร้านค้าเอกชนอีก 2-3 ร้านค้าหยุดจำหน่ายผ่านลาซาด้าเช่นกัน
ปรากฎว่า ผู้นำเหล่าทัพเคลื่อนไหวให้พิจารณาการสั่งสินค้าจากลาซาด้า ทั้งกองทัพบกห้ามทุกหน่วยทหารในสังกัด หรือกิจการใดๆ สั่งสินค้าจากลาซาด้า และไม่อนุญาตให้รถขนส่งสินค้าลาซาด้าเข้าพื้นที่ ตามมาด้วยกองทัพอากาศขอความร่วมมือกำลังพลและครอบครัวให้พิจารณาไตร่ตรองการสั่งซื้อสินค้าผ่านลาซาด้า ส่วนกองทัพเรือแนะสังคมไม่ควรยอมรับหรือปล่อยผ่าน ไม่อดทนอดกลั้นกับการกระทำรูปแบบนี้ ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา แจ้งความตำรวจ ปอท. เอาผิดนายอนิวัต ลาซาด้า และเอเจนซี่ ข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ตำรวจเตรียมรวบรวมพยานหลักฐาน ดำเนินคดีเบื้องต้นอย่างน้อย 3 ราย
ส่วนสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ระบุว่า รับทราบเหตุการณ์ดังกล่าว คิดเหมือนกันว่าคลิปโฆษณาที่เกี่ยวข้องมีเนื้อหาที่ยอมรับไม่ได้
อันดับ 3 : อวสาน 12 ปี นาดาว บางกอก ประกาศยุติบทบาท 1 มิ.ย.นี้ ให้ทุกฝ่ายมีอิสระ ส่วนซีรีส์-งานเพลงให้ไปทำต่อเอง
เรื่องฮือฮาในวงการบันเทิงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ ผู้บริหาร บริษัท นาดาว บางกอก จำกัด ได้ประกาศยุติบทบาทการเป็นบริษัทพัฒนาและดูแลศิลปิน รวมถึงการเป็นผู้ผลิตซีรีส์ ละคร หรือผลงานเพลงต่าง ๆ ตั้งแต่ วันที่ 1 มิ.ย. นี้ หลังดำเนินการมาแล้ว 12 ปี โดยให้เหตุผลว่า เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้มีอิสระเพื่อเติบโต และเริ่มต้นเส้นทางใหม่ของตัวเอง โดยซีรีส์จะถูกส่งต่อไปยังโปรดิวเซอร์ หรือผู้กำกับให้ไปทำต่อเอง ส่วนงานเพลงจะดำเนินต่อไปในนามของศิลปินนั้นๆ ส่วนนักแสดงแต่ละคนจะถูกพาไปแนะนำในสายงานที่สนใจ ซึ่งที่ผ่านมามีการปรึกษาเรื่องนี้มาสักระยะแล้ว
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน เม.ย. มีข่าวลือว่าค่ายยักษ์ที่ผลิตศิลปินวัยรุ่นกำลังจะปิดตัว หลายคนพุ่งเป้าไปที่นาดาว แต่ เจเจ-กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม อดีตเด็กในสังกัดระบุว่า ได้ยินมาเหมือนกันแต่ตอบเรื่องนี้ไม่ได้ รอให้บริษัทประกาศเองดีกว่า อย่างไรก็ตาม นักแสดงและศิลปินในสังกัด รวมทั้งศิษย์เก่า อาทิ พีช-พชร จิราธิวัฒน์, เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ, ต่อ-ธนภพ ลีรัตนขจร ต่างออกมาเปิดเผยความในใจ ทั้งใจหายและขอบคุณที่เปิดโอกาส สำหรับค่ายนาดาว มีชื่อเสียงจากซีรีส์ อาทิ Hormones วัยว้าวุ่น, I Hate You, I Love You, Project S The Series, เลือดข้นคนจาง และ My Ambulance รักฉุดใจนายฉุกเฉิน
อันดับ 4 : พระบิดาลัทธิอุบาทว์ กินฉี่-อึ-ขี้ไคล-เสมหะรักษาโรค ผงะผลิตปลาร้าแซ่บหลายฝาแดง วางขายสะเทือนวงการ
ลัทธิประหลาดที่สังคมต่างพากันช็อกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา นำทีมเข้าตรวจสอบสำนักปฏิบัติธรรมในหมู่บ้านกุดแคน หมู่ 2 ต.ดงกลาง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ หลังมีชาวบ้านร้องเรียน พบ นายทวี หนันรา หรือโจเซฟ ที่เรียกกันว่าพระบิดา วัย 74 ปี อ้างเป็นเจ้าลัทธิพระบิดาทุกศาสนา ปรากฎว่ารักษาโรคโดยการให้ดื่มปัสสาวะ กินอุจจาระ กินเสมหะ ขี้ไคล รวมถึงยาที่ดองไว้นับร้อยโอ่ง และพบร่างผู้เสียชีวิตถึง 11 ราย บรรจุอยู่ในโลงศพอ้างรอการขึ้นสวรรค์ จึงดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกป่าหรือที่สาธารณะ, พ.ร.บ.โรคติดต่อ, เคลื่อนย้ายศพจัดการศพ และมั่วสุมในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค
ต่อมาศาลจังหวัดภูเขียวให้ประกันตัว ก่อนพบพระบิดาอยู่ในไร่แห่งหนึ่งใน อ.ภูผาม่าน จ.ขอนแก่น ด้านสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิและตำรวจ สภ.คอนสาร เข้าตรวจค้นสำนักอีกครั้ง พบโอ่งน้ำหมักซากเน่า กระติกน้ำที่อ้างว่าเป็นน้ำมนต์ และน้ำปลาร้าส่งขายอีกหลายใบ โดยพบว่ามีการส่งขายน้ำปลาร้ายี่ห้อ "แซ่บหลาย" ตลับฝาสีแดงไปหลายร้านค้าในอำเภอคอนสาร ทำเอาสั่นสะเทือนวงการเพราะผู้บริโภคหยุดซื้อปลาร้าบองไปโดยปริยาย ตำรวจได้อายัดเป็นวัตถุพยานและให้ทุกอำเภอเร่งสำรวจทุกตลาดเพื่อไม่ให้สินค้าหลงเหลืออีกต่อไป ย้ำว่าการกินของเสียของร่างกาย อาจทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือดถึงขั้นเสียชีวิตได้
อันดับ 5 : ดาราหนุ่มแมงมุม #จะเปย์จนกว่าจะล้มละลาย เจอครูเผยทั้งน้ำตาแม่เบี้ยวหนี้นับล้าน สุดท้ายโร่โอน 6 แสนปิดหนี้
ดรามาวงการบันเทิงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 พ.ค. นายวินัย สังขวรรณะ อายุ 65 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านผาปูน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ถูกนางวิชุดา หรือสินีภัชช์ หรือสินีภัชร์ พุทธชาติ อดีตครู และแม่ของแมงมุม-กิติพัฒน์ รัตนเศรณี นักแสดง เบี้ยวหนี้กองทุนพัฒนาชีวิตครูอำเภออมก๋อย 2 แสนบาท และหนี้ธนาคาร 1.4 ล้านบาท ที่กู้มาซื้อที่ดิน ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ทำให้ครูผู้ค้ำประกัน 8 คน ทั้งเสียชีวิต เส้นเลือดฝอยในสมองแตกกลายเป็นคนพิการ ส่วนนายวินัยถูกหักเงินเดือนใช้หนี้แทนครูวิชชุดาเหลือ 2,000 บาท เรียกร้องให้แมงมุมที่เคยรับปากว่าจะใช้หนี้แทนแม่ให้รับผิดชอบด้วย
ด้านชาวเน็ตส่องแฮชแท็กแมงมุม พบว่าโพสต์รูปรถหรูป้ายแดง พร้อมแคปชันครบรอบ 3 ปีกับแฟนสาว ติดแฮชแท็ก #จะเปย์จนกว่าจะล้มละลาย ปรากฎว่าหลังเป็นข่าว วันที่ 9 พ.ค. แมงมุมเปิดเผยว่าได้ใช้หนี้แทนแม่ 6 แสนบาทไปแล้ว พร้อมขอโทษที่ปล่อยให้บานปลายทำให้เสื่อมเสีย คดีนี้เกิดขึ้นกับแม่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เพิ่งทราบเมื่อ 3 ปีก่อน เคยเคลียร์ว่าจะชดใช้และผ่อนจ่ายให้ แต่ประสบปัญหาโควิด ธุรกิจทั้งหมดพัง ถ่ายละครไม่ได้ ยิมที่รับเป็นเทนเนอร์ก็ปิด เพิ่งมาตั้งตัวได้ประมาณเกือบ 1 ปี ที่ผ่านมาแยกกันอยู่กับแม่ตั้งแต่อนุบาล 2 มียายกับตาและน้าเลี้ยงมา เมื่อโตมารับรู้ความลำบากของแม่ก็รับจบให้หมด
อันดับ 6 : เจ๊เกียวขายกิจการเชิดชัยทัวร์ หลังเจอพิษโควิด-น้ำมันแพง-พฤติกรรมเปลี่ยน ขอปรับขึ้น 1 สตางค์ต่อ กม.
เจ้าแม่รถร่วม บขส. อาจจะกลายเป็นตำนาน เมื่อนางสุจินดา เชิดชัย หรือเจ๊เกียว นายกสมาคมผู้ประกอบการรถร่วมรถโดยสาร บขส. เจ้าของอู่รถเชิดชัย และกิจการเดินรถเชิดชัยทัวร์ ประกาศขายธุรกิจเดินรถโดยสาร ที่ประกอบธุรกิจมานานกว่า 65 ปี โดยให้เหตุผลว่าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และราคาน้ำมันดีเซลสูงขึ้นต่อเนื่อง อีกทั้งพฤติกรรมประชาชนเริ่มเปลี่ยนไป หลายคนไม่นิยมขึ้นรถโดยสาร บขส. หันไปซื้อรถเก๋งและรถกระบะขับกันเอง อีกส่วนหนึ่งหันไปใช้บริการสายการบินโลว์คอสต์แทน ทำให้ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยเดือนละประมาณ 4 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพเพราะอายุ 85 ปีแล้ว และลูกทั้ง 3 คนต่างไปทำธุรกิจหรืออาชีพอื่น ไม่มีใครต้องการสานต่อธุรกิจเดินรถโดยสาร เพราะมีแต่ปัญหาและกำไรน้อย ส่วนกิจการเดินรถสายสั้น เช่น สาย 21 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ในนาม เชิดชัย โคราช วีไอพี นั้นไม่ขาย ขณะนี้อยู่ระหว่างเคาะรายการราคารถบัสและเส้นทางเดินรถ ซึ่งอยากจะขายทั้งตัวรถบัสและเส้นทางสัมปทานเดินรถ ไม่ต้องการแยกขาย ขณะเดียวกัน เจ๊เกียวยังเรียกร้องให้รัฐบาลปรับค่าโดยสารอีก 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร หลังราคาน้ำมันดีเซลขึ้นเป็น 32 บาทต่อลิตร รวมถึงการช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการเดินรถโดยสารอยู่ต่อได้
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. นางสุจินดายื่นหนังสือถึงนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ขอปรับค่าโดยสาร โดยราคาน้ำมันขึ้น 1 บาทต่อลิตร จะขอปรับขึ้น 1 สตางค์ต่อกิโลเมตร พร้อมขอให้ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ เพื่อบรรเทาค่าใช้จ่าย
อันดับ 7 : คดีพันธมิตรบุก NBT ขับไล่รัฐบาลสมัคร ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกเจ๊ปอง-หมี ยุทธิยง 1 ปีไม่รอลงอาญา
เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุก น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล คนละ 1 ปีโดยไม่รอลงอาญา กรณีร่วมกันบุกสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ในช่วงการชุมนุมขับไล่รัฐบาลสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 ส่วนนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีเพราะเสียชีวิตไปแล้ว โดยศาลเห็นว่าเป็นการร่วมกันชุมนุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยแบ่งหน้าที่กันทำและเป็นการร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น จึงต้องรับผิดในฐานะตัวการร่วม
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบานั้น เนื่องจากเป็นการกระทำโดยอุกอาจต่อหน้าตำรวจ ทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและความสงบสุขของสังคม ส่งผลต่อเศรษฐกิจของชาติโดยส่วนรวม จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษตามศาลชั้นต้น ต่อมาน.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความยื่นขอประกันตัวในวงเงิน 2 แสนบาท ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ขณะที่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า น้อมรับคำพิพากษาของศาลทุกประการ และพร้อมต่อสู้ในชั้นฎีกาตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย ตลอดทั้งวันตนเองก็ปิดการสื่อสาร เมื่อทราบได้รับกำลังใจจากหลายคน ก็รู้สึกดีใจที่ยังมีคนคิดถึงเราอยู่ ขอขอบคุณทุกกำลังใจ