"แมงมุม กิติพัฒน์" ออกมาโพสต์ชี้แจงร่ายยาวผ่าน IG ส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมด พร้อมระบุได้ใช้หนี้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว
จากกรณี ผอ.วินัย สังขวรรณะ วัย 65 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนบ้านผาปูน ต.อมก๋อย อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ถูกครูวิชชุดา หรือ ศิกานต์ หรือ สินีภัชร์ พุทธชาติ อดีตครูโรงเรียนยางเปียง และเป็นแม่ของดาราดัง เบี้ยวหนี้เงินกลุ่มย่อยกองทุนพัฒนาชีวิตครูอำเภออมก๋อย 2 แสนบาท และเบี้ยวหนี้ธนาคาร 1,400,000 บาท ที่กู้มาซื้อที่ ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ทำให้ครูผู้ค้ำประกันได้รับผลกระทบทั้งเสียชีวิตและเส้นเลือดฝอยในสมองแตกกลายเป็นคนพิการ
ต่อมา เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นักแสดงหนุ่ม "แมงมุม กิติพัฒน์" ได้ออกมาร่ายยาวชี้แจงเรื่องทั้งหมดผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวว่า "เรื่องราวเป็นคดีที่เกิดกับคุณแม่ของผมเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ผมเพิ่งทราบเรื่องคดีนี้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว จึงเป็นที่มาที่ได้ไปเคลียร์กับคู่กรณีของคุณแม่ผมที่รายการโหนกระแส ก็จบความที่ว่า ผมในฐานะลูกจะชดใช้และผ่อนจ่ายให้ (ในตอนที่ตกลงนั้นพูดตรงๆ เลยคือไม่มีเงินครับ ณ ช่วงเวลานั้น เพราะเป็นช่วงที่ผมล้มพอดี หนี้จากธุรกิจเก่าเยอะประกอบกับค่าตัวนักแสดงตอนนั้นก็ไม่ได้เยอะครับจึงใช้เดือนชนเดือนถึงติดลบมาโดยตลอด ผจก.ผมจะรู้ถึงความเป็นอยู่ผมในช่วงนั้นดี) ต่อมาผมก็ตั้งหน้าตั้งตาสร้างตัวเพื่อที่จะให้ตัวเองมีกำลังพอที่จะพัฒนาฐานะทางการเงินของตัวเรา เพื่อที่จะใช้หนี้ให้ตัวเองและของครอบครัว ย้ำนะครับ!!! ว่าหนี้ไม่ได้มีแค่ก้อนนี้ครับ ผมในฐานะหัวหน้าครอบครัว ก็พยายามที่จะเลี้ยงดูคุณแม่มาตลอดไม่ว่าตอนมีหรือตอนไม่มี
ซึ่งระยะเวลาที่ผมสร้างตัวก็ราวๆ 2-3 ปี ซึ่งยอมรับเลยครับว่าสาหัสมากทั้งเรื่องภาวะเศรษฐกิจและช่วงโควิด ทำให้ธุรกิจทั้งหมดพัง ถ่ายละครก็ถ่ายไม่ได้ รู้สึกช่วงนั้นผมจะเป็นเทรนเนอร์ด้วยครับ ก็แน่นอนครับ ยิมปิด คุณพระ!!! หาเงินจากที่ไหนล่ะเนี่ย แต่ในที่สุดผมก็ผ่านมันมาได้ ผมเพิ่งมาตั้งตัวได้ประมาณเกือบ 1 ปี จึงได้เริ่มจัดสรรเงินดังนี้
1. เก็บเงินเพื่อรองรับความเสี่ยงต่างๆ 2. ลงทุน 3. ทำบุญ 4. ดูแลครอบครัว 5. ใช้ชีวิต 6. ใช้หนี้ ผมได้ตั้งใจใช้หนี้ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของตัวเองและครอบครัวมาตลอด ซึ่งโชคร้ายตรงที่คุณยายผมก็ป่วยพอดี ยายผมเป็นโรคอัลไซเมอร์+โรคกระดูก+โรคพาร์กินสัน ใครที่มีผู้ป่วยอยู่ในบ้านจะรู้ได้เลยว่าค่าใช้จ่ายสูงมาก ซึ่งทำให้ผมต้องจัดสรรค่าใช้จ่ายในทุกๆ ด้านให้ลงตัว ให้ทุกคนรอบตัวผมไม่รู้สึกว่าขาดหรือรู้สึกว่าผมไม่มีหรือดูแลไม่ได้
ผมเองไม่เคยหนีหายหรือติดต่อไม่ได้แต่อย่างใด ทาง ผจก.ได้ยืนยันแล้วว่าไม่มีการติดต่อมาเพื่อทวงถามหนี้ตลอด 3 ปีนี้หลังจากจบรายการโหนกระแส แต่ตัวผมเองไม่เคยนิ่งนอนใจในเรื่องหนี้ก้อนนี้ เพียงแต่ผมจัดลำดับการใช้หนี้ไว้แล้ว (ซึ่งข้อนี้ผมยอมรับผิดที่ผมจัดการได้ช้าไปครับ) เงินที่ผมได้มาในส่วนของการจัดสรรใช้หนี้ผมได้จัดสรรไว้เป็นลำดับจะไม่ได้หามาเพื่อใช้หนี้ให้หมดใน 1-2 เดือนเพราะยังมีภาระหน้าที่อื่นๆ ที่จะต้องรับผิดชอบด้วย
ตลอดเวลาที่ผมเติบโตมา ผมแยกกันอยู่กับคุณแม่ตั้งแต่อนุบาล 2 โดยมียายกับตาและน้าเลี้ยงมา แต่เมื่อผมโตขึ้นและได้รับรู้ถึงความเดือดร้อนของคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินหรือเรื่องอะไร ผมรับจบให้หมดเพราะผมคือลูก ดังนั้นวันนี้ผมได้แสดงความรับผิดชอบในฐานะลูก โดยการชำระหนี้ทั้งหมดให้กับคุณแม่ เป็นจำนวนเงิน 600,000 บาท และได้แนบหลักฐานไว้แล้วครับ สุดท้ายนี้ต้องขอโทษครอบครัว ขอโทษแฟน ขอโทษที่ปล่อยให้เรื่องราวบานปลายไม่ได้ชำระหนี้จนทำให้เกิดความเสื่อมเสียในวันนี้ แต่ยังยืนยันในวันนี้ครับว่าผมทำเต็มที่และรีบสุดในชีวิตแล้วครับ ขอโทษทุกท่านที่เกี่ยวข้องด้วยนะครับ"